:: Inspiration of Photo Making --- สุขได้แม้ไม่ใช่เทพ ::
ช่วงนี้ตัวเองกำลังชอบกับ ภาพขาว-ดำ เป็นพิเศษ เวลาที่ได้ผ่านเข้าเวปถ่ายรูปก็ชอบดูกับภาพขาวดำอยู่ได้นานสองนาน ไม่รู้ว่า นี่เป็นอีกอย่างหรือเปล่าที่แบบว่าอะไรเก่าๆ โบราณ คลาสิค จะมีผลต่ออารมณ์ระยะยาวกันอีกแล้ว
ของบางอย่างเก่า แก่ มันก็ควรค่าแก่การเก็บสะสม และเราจะ เรียกสิ่งนั้นว่า คลาสิค
แต่ของบางอย่าง เก่า แก่ แต่มันไม่ควรค่าเลยกับการเก็บแม้ไม่ได้ตั้งใจจะสะสม แต่เราก็รู้สึกเสียดายที่จะทิ้งมันไปของแบบนี้เราสามารถเรียกได้ว่า ขยะ
นี่ล่ะ ความเป็นคลาสิค และ ขยะ มันมีเส้นบางๆ กั้นอยู่
โอ้ว อะไรกันนี่ฉันพร่ำขนาดนี้เลยเหรอ กับแค่ว่าชอบแค่ภาพขาว-ดำ เอาว่า ฉันชอบจริงๆ กับภาพขาวดำนี้ล่ะ พอเมื่อวานนี้ช่วงที่กำลังนั่งกินกาแฟ ตอนเช้าๆ สายตาก็เหลือบไปเห็น อัลบั้มรูปเก่า หน้าปกหนังสีแดง แม้ว่าฉันจะเห็นมันอยู่บ่อยๆ แต่ว่าก็ไม่ได้เปิดดูบ่อยๆ เหมือนที่มันควรจะเป็น แต่เนื่องจากว่าช่วงนี้ภาพเก่าๆ มันถาโถมมาเหลือเกิน สายตาและอัลบั้มก็เลยต้องกัน นั่งกินกาแฟไปแบบ classic life time in the morning บวกกับ classic old time black and white มันช่างเข้ากันเหมือนกาแฟอร่อยในแก้วใบโปรดเสียจริงๆ
( เห็นไม๊ค่ะว่า .. อารมณ์พริ้วๆ มันมีผลให้ฉันมีอาการเหวอๆ เช่นกัน)
ช่วงก่อนที่ได้เปิดดูภาพเหล่านี้ก็จะเฉยๆ ... แต่ว่ายามนี้ ด้วยคำว่า crazy ก็ทำให้ภาพเดิมๆ ที่เราดูกันซ้ำๆ มันมีอะไรมากมายกว่า ที่เราคิดเสียอีก ... ภาพแต่ละใบ มันมีความหมายของมันแบบไม่ต้องบรรยายอยู่แล้ว แต่ว่าในอัลบั้ม เจ้าของรูปเค้าจัดทำมาอย่างดี .. แปะรูป เขียนบรรยาย แบบชนิดที่เราต้องขำๆ ฮาๆ เพราะเค้าก็เขียนไปด้วยอารมณ์สนุก ของการแปะภาพเหล่านี้ลงมา ณ เวลานั้น
ฉันนั่งมองภาพไป ... บางทีก็แอบมาถามบ้างว่า
นี่ใคร?? ที่ไหน?? ยังไง?? ทำไม??
คาดว่าคำถามมันคงทำให้เจ้าของอัลบั้มเค้ารำคาญ แต่ก็เปล่าหรอก เค้ากลับสนุกจะเล่าเรื่องต่างๆ พร้อมกับคิดถึง โมเม้นท์นั้นที่เก็บภาพไปพร้อมๆ กัน (จะมียกเว้นก็เฉพาะตอนตัวเองยังเด็กแล้วกันนะเพราะคงจำไม่ได้หรอก)
จากที่คิดว่านั่งดูภาพช่วง coffee time ตอนเช้าจะสั้นๆ แต่เปล่าเลยค่ะ เรากลับใช้เวลาเกือบชั่วโมง ในการดูภาพแล้วก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยและนี่ล่ะค่ะ ที่เค้าว่าทำอะไรเพลินๆ มันก็ทำให้เพลินและลืมเวลาได้เหมือนกัน
ภาพบางภาพนั้น เราไม่จำเป็นตั้งสรรหาคำงดงามมาประกอบ มันก็เติมเติมความรู้สึกของเราไปหมดแล้ว
องค์ประกอบของภาพ อารมณ์ สีหน้า ท่าทาง ของแบบที่ถ่าย มันบอกอะไรหลายๆ อย่าง และมันทำให้เกิดความรู้สึกตามไปด้วย
อิ่มเอม สุข เศร้า แอบเหงาเล็กๆ
บรรยากาศแน่นอนว่า .. ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นภาพตอนช่วงที่ เจ้าของอัลบั้มเค้าไปเที่ยว เป็นช่วงพักผ่อนกับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือว่าเป็นช่วงเวลาวัยรุ่นเฮฮา ภาพส่วนใหญ่ก็จะมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นมันยิ่งทำให้ความรู้สึกของฉัน ที่เป็นคนดูยามนี้เกิดอิ่มเอมอย่างช่วยไม่ได้ ชอบๆๆๆ ไม่รู้จะบอกยังไงแล้ว
การถ่ายรูป .... ทำไมฉันรักที่จะถ่ายรูป มันเริ่มต้นได้ยังไง ?? เริ่มต้นมันก็แค่เป็นเรื่องของการอยากหากิจกรรมทำ และเพราะตอนนั้น ฉันต้องเริ่มไปอยู่ไกลบ้าน มันผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้วหนิ ฉันคงกลัวจะเหงา ฉันคงกลัวจะเบื่อ ทั้งฉันและคนข้างๆ ก็เลยเห็นพ้องกันว่าฉันน่าจะมี กิจกรรมที่ฉันทำได้แล้วไม่เบื่อ พอถามกันว่าจะทำอะไร ฉันก็โพล่งออกมาว่า ... เริ่มจากการถ่ายรูปแล้วกัน เพราะตอนนั้นคนข้างๆ มีกล้องเก่า คลาสิค 1 ตัว ของ EPSON เรียกว่าเก่าเก็บจนแทบจะต้องทิ้งไปแล้ว แต่เค้าก้ยังเก็บไว้ นั่นล่ะ เลยเป็นทีของฉันที่จะแอบเอามาใช้ก่อนล่ะ
และนั่นมันก็คงเป็นจุดเริ่มต้นของการถ่ายรูป ณ เมืองไกล
อาการเห็นอะไรก็ถ่าย เห็นอะไรก็อยากเก็บ ไม่รุ้ว่า เค้าเรียกว่าเป็นอาการหมกมุ่นหรือเปล่า แต่ฉันไม่สนใจยามฉันจดจ้อง กับการถ่ายรูป เพราะมันทำให้ฉันลืมอะไรหลายๆ อย่างไป ไม่สบายใจก็ไปถ่ายดอกไม้ เบื่อกับการทำอะไรจำเจซ้ำซาก ก็หยิบกล้อง ขึ้นมาถ่ายกับสิ่งที่เราเห็นธรรมดาทุกวันให้มันกลายเป็นสิ่งที่ เรียกว่า ภาพเทพ ... ซึ่งจริงๆ มันไม่มีหรอก ....
ฉันว่าแต่ละภาพที่มันทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นภาพ สุดยอด / เทพ / เจ๋ง / คูล มันอยู่ที่ ความรู้สึกของเรา ณ ตอนที่เราจ้องมองมันมากกว่า
ณ ตอนนี้ ...ฉันดีใจที่มันไม่เป็นเฉพาะฉัน ..แล้ว เพราะรู้มากจากเพื่อน พี่ๆ น้องๆ หลายคนที่เข้ามาพูดคุยกัน แม้ว่าฉันจะไม่ได้ไปนั่งสอน บอกกล่าว เรื่องของการถ่ายภาพ แต่น้องๆ ก็จะเข้ามาดูภาพ และบอกว่า ... ภาพของฉันเป็นแรงบันดาลใจ ให้น้องๆ อยากลงมือถ่ายภาพบ้างแล้ว
ฉันดีใจค่ะ ที่ฉันมีความสามารถที่จะชักชวนให้น้องๆ หรือว่าเพื่อนๆ ได้เกิดความรู้สึกอยากถ่ายภาพ .... มาเหมือนกัน เพราะสูตรเล็กๆ สำหรับความสุข สำหรับการมองเห็น สิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว มองเห็นความสวยงามของมันอย่างที่ ไม่เพิกเฉย มองข้าม ... มันก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการถ่ายภาพนี้ล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นถ้ามีกล้องสักตัว
อย่าคิดเลยว่ามันเป็นกล้องเล็ก อย่าคิดว่ามันเป็นแค่กล้องคอมแพ็คธรรมดาจะถ่ายรูปไม่สวย อย่าคิดมากเรื่องของโหมด ฟังก์ชั่นในการถ่ายภาพ
เพราะเริ่มแรกของความอยากถ่ายรูป .. มันก็คือ ความรู้สึก เพราะฉะนั้น แรกเริ่มเราก็ต้องมีความรู้สึกอยากถ่ายรูป ซึ่งฉันเห็นว่ามันเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการถ่ายภาพมากมายนะ เพราะเมื่อไหร่ที่เริ่มต้นด้วยอารมณ์ของเราเองที่อยาก นั่นหมายถึงเราจะสนุกกับมันอย่างเต็มที่ ...
อย่าไปคิดเองว่า ถ่ายไปแล้วคนอื่นจะชอบไม๊ อย่าไปหนักใจ หรือคิดว่าถ่ายออกมาแล้วไม่สวย เพราะฉันเชื่อว่า ทุกคนก่อนที่จะถ่ายรูป ... เราก็คิดแล้วว่า จังหวะไหนที่เราอยากจะกดชัตเตอร์ ... อยากเก็บ อยากเสนออะไร เพราะฉะนั้น .. สำคัญเลยอารมณ์ของคนถ่าย ... และต่อมา เมื่อเราถ่ายรูปไปเยอะแล้ว โน่นเลยค่ะ ความรู้ที่เราอยากจะติดตาม เรื่องของเทคนิคการถ่ายรูปต่างๆ การตกแต่งภาพ มันก็จะมา ถามหาเราและนั่นก็คงเป็นอีกสเต็ปที่จะต้องศึกษา
ที่ฉันพูดอย่างนี้ ณ ตอนนี้ได้ ... ไม่ใช่เพราะฉันเก่งกับการถ่ายรูปหรอก เพราะฉันก็ยอมรับเสมอว่า ฉันเองยังเหมือนเด็กที่คลานต้วมเตี้ยมไปเรื่อยๆของฉัน เมื่อเทียบกับหลายๆ คนในที่นี้ เพราะหลายคน นอกจากถ่ายรูปเก่งแล้ว ยังเก่งในเรื่องของเทคนิค ความพยายาม ซึ่งฉันนับถือและยกย่องเขาเหล่านั้น และการไปดูภาพของเขาเหล่านั้น มันก็ทำให้ฉันเกิดความรู้สึก อยากถ่ายรูปไปด้วย ... นั่นเป็น แรงบันดาลใจ
แต่หลายครั้งเหลือเกิน ... ที่เห็นว่า คนบางคนถ่ายรูป เน้นเรื่องของอุปกรณ์ ที่ต้องใหญ่ หนัก ยาวและมากชิ้น ซึ่งแน่นอนว่าฉันเองก็ไม่ปฏิเสธเลยกับ วัตถุ ... ที่ว่า มีมากก็เป็นเรื่องดี แต่ต้องในกรณีที่ว่า ถ้ามีเงินทุนพอเพียงสมฐานะที่อยาก และรู้ความต้องการของตัวเองว่า มีเอาไว้เพื่ออะไรสำหรับการถ่ายภาพ
มิใช่ต้องการมี ... เพื่อเอาไว้ประดับบารมีตัวเอง เสริมสร้างความรู้สึกของตัวเองดั่งเทพยดาฟ้าดินว่า ข้ามีมากกว่าเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้นข้าเป็นเทพ ....
โอ้เย ... ถ้าคิดได้แค่นั้นก็คงเหมือนว่า เจ้าก็คือ กบในกะลาครอบเสียล่ะมั้ง และถ้าคิดได้แค่นี้กับการถ่ายภาพ ที่มุ่งเน้นแต่เรื่องของอุปกรณ์ มากกว่าความต้องการถ่ายภาพเพื่อความสุข เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นเทพ ยังไงก็แล้วแต่ ฉันว่ารูปมันก็คงแข็งๆ ไม่ได้สร้างอะไรให้กับผลงานเลยด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้น อารมณ์ของการถ่ายภาพนั่นล่ะค่ะสำคัญ ... ชอบถ่ายรูป เพราะรักอยากเก็บภาพเอาไว้ดู แค่นั้นล่ะค่ะสูตรง่ายๆ ตายตัวเลย ... ไม่ต้องคิดทำอะไรให้เปลืองสมองเล่น
** อีกประเด็นที่ขอเขียนเพิ่ม เพราะว่าดันลืมเอามาลงด้วย แต่ได้ไฟฟ้าจุดติด ด้วยคอมเม้นท์ของพ่อน้องเอด้าเรื่องของการก็อปภาพถ่าย มุมมองของช่างภาพคนอื่นๆ มา .. ไม่รู้สิค่ะ ว่าทำไมจะต้องก็อป เห็นมุมของคนอื่นเค้าดี เราก็ดูเอาไว้ สร้างแรงบันดาลใจจากภาพที่เห็นดีกว่าไหม ... เพราะการถ่ายรูปมันก็เป็นหนึ่งในศิลปะที่คนถ่ายก็ต้องการ สร้างขึ้นมาส่วนตัว และความตั้งใจส่วนหนึ่งก็คือ การแบ่งปันให้คนอื่นๆ ชื่นชม และถ้ามองในแง่ศิลปะอีก การเห็นภาพถ่ายหรืออะไรก็ตาม มันต้องทำให้เราเห็น แล้วเกิดการสร้างที่ต่อยอดสิ มันถึงจะช่วยให้ศิลปะมีความ หลากหลายเกิดขึ้น ไม่ได้จมดิ่งกับการก็อปปี้ หรือว่าทำซ้ำๆ ทำให้เหมือนกับต้นแบบที่เราดูมา
อีกอย่าง่ส่วนตัวเองแล้ว แปลกนะค่ะ การถ่ายรูปโดยการ ก็อปมุมของภาพที่เห็นจากคนอืน...ทำไม ต้องขนาดนั้นด้วยเหรอ ประมาณว่า เห็นแล้วไม่มีความคิดส่วนตัวเลยหรือยังไง กับการ ลอกเลียน เพราะอยากบอกจากสายตา คนโง่ๆ อย่างฉันเลยคือ ... รูปภาพ มันเหมือนเป็นอะไรที่เป็น Unique เหมือนพ่อน้องเอด้า บอกเอาไว้ว่า ภาพถ่าย ก็เหมือนลายเซ็นต์ของคนถ่าย ... ต่อให้ถ่ายออกมามันก็ไม่เหมือนอยู่ดี
มีต่ออีกนิดหน่อยในเรื่องของลายเซ็นต์ของภาพส่วนตัวนั้น มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเหมือนกันนะ
ข้อดี .... มันเป็นลายเซ็นต์และเป็นรูปแบบของตัวเองที่เราสร้าง ข้อเสีย ... ถ้าเราไม่พัฒนา ความเป็นรูปแบบของเรามันก็ตายตัวและอาจจะ ไมได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นเลย ฉันคิดว่า .. คนเราต้อง เ ปิ ด ใ จ ไม่ว่าจะด้วยตัวเองที่มองในมุมเขาและสร้างในมุมของเราเอง เราก็ต้องยอมรับกับความสวย ที่มันต้องมีความเฉพาะอยู่ในตัวเอง แต่สิ่งดีเลยคือ สร้างงานของตัวเองไร้การก็อปปี้ สวยงามและภูมิใจกว่าสิ่งใดๆ ค่ะ
และตอนนี้ ...ฉันก็ดีใจที่ได้ชักชวนให้คนข้างๆ มาตกเป็นเหยื่อ ของการถ่ายภาพ มากกว่าการจับกล้องวิดิโอแล้ว และเพราะช่วงนี้เค้าก็ถ่ายรูปมากมายเหลือเกิน ที่ทำให้ คนดูก็เวียนหัว ... และคนถ่ายก็ปวดตับ เพราะยังจับทางไม่ถูก ว่าจะถ่ายแนวไหน ฉันก็เลยต้องกลายร่างเป็นที่ปรึกษา บอกได้แค่ว่า ใจเย็นๆ โยมเจ้าเอย ... ถ่ายไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้ว่า ทางของตัวเองเป็นเช่นไร ...
ของแบบนี้ไม่ต้องให้คนอื่นบอกหรอก เพราะตัวเองก็รู้ แค่เพียงว่าขอเวลานิดหน่อย ให้เวลากับมันสักพัก แล้วก็จะรู้ความชอบ ของตัวเองว่า จะถ่ายรูปไปแนวทางไหน ... สามคำง่ายๆ ใจ เย็น เย็น
เค้าเอ่ยอ้างบอกว่าจะซื้อกล้องเจ๋งๆ สักตัว ฉันก็ดีใจ เพราะว่าอีกด้านของมุมมืดนั้นฉันจะยึดของใหม่ พร้อมกับเลนส์ใหม่เค้ามา และก็ให้ของเก่าของฉัน ไปเพราะเค้าจะได้ลองของกับของเทพไปก่อน ฮาๆ ... เป็นไงค่ะ แผนการณ์ ... classic old story เน๊าะ 55+
-- ถ่ายภาพด้วยความสุข ... ภาพก็จะสวยด้วยตัวของมันเอง --
ปล. เขียนบล็อกเอนทรี่นี้ขึ้นมา ต้องขยายก่อนว่ามิได้มีใครมาพูดจากระทบกระเทียบแดกดันให้ปวดตับและม้ามแต่อย่างใดค่ะ แค่คิดว่าอยากเขียนขึ้นมาเพราะมันต่อเนื่องกันไปกับอารมณ์บล็อกพอดี แอบแว๊บมาขยายนิดหน่อยก่อนจาก เพราะเกรงว่าเพื่อนๆ จะเดากันไปเองว่ามีอะไรทำให้จิ๋วนิดปวดหัวอีกหนอเลยเขียนบล็อกเหมือนระบายความในใจ ..
มิมีนะค่ะ แค่เขียนเพราะอยากเขียนแค่นั้นเอง เตือนสติตัวเองด้วยล่ะค่ะว่า "ความอยากได้ อยากมี" ไม่ได้ปรานีใคร อยากได้แต่ว่าก็แค่อยาก แต่ด้วยเพราะพ่อสอนสั่งมา เรื่อง ความพอเพียง พอดี และพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มันก็เลยต้องเขียนเพื่อจะได้เตือนสติตัวเองไปด้วย และมันก็ช่วยได้มากจริง ๆ ค่ะ ....
Create Date : 06 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2553 8:44:24 น. |
|
125 comments
|
Counter : 1144 Pageviews. |
|
|
|
แล้วก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าเราถ่ายรูปไปเพื่ออะไร ?
เราถ่ายรูปเพราะเรา "รู้สึก"
รู้สึกกับบางสิ่งบางอย่างที่ผ่านเข้าในความรู้สึกของเรา
บางรูปอย่างรุปใบไม้ร่วง หรือรูปตะปูบนผนัง
อาจไมไ่ด้มีผลอะไรต่อความรู้สึกของคนดู
แต่มันส่งผลล้ำลึกต่อความรู้สึกของเรา
ถ้าถามว่าภาพถ่ายให้อะไรเรา
ผมก็ตอบได้คร่าวๆว่าเขาให้ "ชีวิต" กับเรา
ชีวิตที่ไม่ได้เคลื่อนไหวเวลามอง
แต่เคลื่อนไหวในความทรงจำของเราเมื่อยามได้กลับมาเปิดภาพเก่าๆดูอีกครั้ง
เทคนิคการใช้กล้องกับผม
เป็นอะไรที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงครับ 555
ผมศึกษามาหมดนะครับ
การวัดแสง การใช้ขาตั้งกล้อง การใช้แฟลช ฯลฯ
แต่สุดท้ายเมื่อรู้แล้วผมก็ลืมทุกอย่างจนหมดครับ 5555
บางคนบอกว่าภาพที่ดีต้องจบในกล้อง
แต่ผมกลับเลือกที่จะใช้ Photoshop และโปรแกรมแต่งภาพอื่นๆอย่างสนุกสนาน
ศิลปะของผมมันมีแต่ความสุขและความสนุกครับ
มันเป็นการทดลองและเป็นการเปิดมุมมองใหม่ให้กับความคิดของตัวเอง
เรารู้ว่า "กรอบ" และ "กฏ" นั้นมีอยุ่
และเราไม่จำเป็นต้องแหกกฏทุกข้อที่มี
เราแค่แหย่เท้าออกนอกรั้วบ้างน่ะครับ
มันสนุกดี 5555
อย่างช่วงนี้ผมก็สนุกกับการทำภาพขาวดำมากครับ
บางครั้งบางรูปเมื่อปล่อยเป็นภาพสีเค้าอาจจะสวยและโชว์ "สีสัน"
แต่สีสันน้อยๆอย่างขาวดำ
ผมก็ว่าเค้าให้ "ความรู้สึก" ที่บางที
อาจจะให้มากกว่าภาพที่มีสีสันเยอะๆด้วยซ้ำไป