เรื่อง แรกแสงรัก Love At First Sight
เขียน มาภา
สนพ.#พิมพ์คำ
จำนวนหน้า 600 หน้า 390 บาท
**********************
ไม่ว่าชีวิตจะต้องเจอความมืดสักกี่ค่ำคืน
ดวงอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นเสมอในเช้าวันใหม่
ถ้าอดีตของผมเป็นเหมือนกลางคืนที่ยาวนานนาน...จนไม่รู้ว่ามันจะจบลงได้อีกไหม เอ๋ยคือแสงแรกที่ส่องมาเป็นแสงสว่างที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตต่อไปสายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดพาสองชีวิตมาพบกันท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมและหม่นเหงาของมหานครลอนดอน
เธอ จากบ้านเกิดมาแสนไกลหวังที่จะมีชีวิตใหม่ทิ้งเรื่องราวในอดีตไว้เป็นเพียงความทรงจำอันซีดจางเขา ผิดหวังจากชีวิตจนเลือกหันหลังให้ทุกสิ่งทุกอย่างอุบัติเหตุครั้งนั้นพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือณที่นี่...คฤหาสน์เอเวอร์ดีน คือจุดเริ่มต้นคฤหาสน์ที่เยียบเย็นไร้ชีวิตเริ่มมีไออุ่น เมื่อเธอก้าวเข้ามาในฐานะคนดูแลชายพิการอย่างเขา
สำหรับเขา...เธอคือแสงตะวันแรกของชีวิต
สำหรับเธอ...เขาคือคนที่ทำให้หัวใจแห้งผากกลับเป็นสดใส
ความสุขไม่เกี่ยวกับเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่แต่อยู่ที่ว่าได้ใช้วันเวลาและสถานที่นั้น...กับใคร
สำหรับสองชีวิตที่โหยหาความอบอุ่นนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าครอบครัว ที่ทั้งคู่ไขว่คว้าตามหามาตลอดชีวิต...ก็เป็นได้
หลังอ่าน
ที่อังกฤษ เมืองคิงสตัน .... อาภากรจำเป็นต้องมาทำงานกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่ได้เจอกันนานมากๆ เพราะเรียนจบกันมาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยแต่บังเอิญได้มาเจอกันที่อังกฤษ เพื่อนคนนี้เสนอให้อาภากรทำงานเป็นคนดูแล ธีรัญญ์ ซึ่งเป็นพี่ชาย ซึ่งงานเหมือนจะไม่ยากแต่ว่าแท้จริงแล้วยากเย็นเอาเรื่อง เพราะเขาเจ้าอารมณ์ เขาเอาแต่ใจ เขาหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต และ เขาพิการ เพราะอุบัติเหตุรถยนต์ที่เขาเจอมาทำให้หนุ่มหล่อ วัยไม่มาก เคยมีหน้าที่การงานที่ดีต้องเจอกับภาวะกดดันหลากหลายเขาเหมือนคนสิ้นหวังปฏิเสธการผ่าตัดและรับการช่วยเหลือ แต่เมื่อเขาได้เจอกับสาวน้อยคนนี้อาภากรที่เหมือนว่าแรกเริ่มเห็นหน้ากันนั้นจะเหมือนเข้ากันไม่ได้ แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่ต่างคนต่างก็ปฏิเสธกันก็ต้องมาถูกทำลาย ด้วยความเข้าใจและการมองถึงความเห็นใจซึ่งกันและกัน เพราะจะว่าไปแล้วชีวิตของทั้งคู่ต่างก็มีปมหลังที่เป็นปัญหายิ่งใหญ่ของใครของมันพ่วงติดมาอย่างแกะไม่ออก
อาภากร ... สาวน้อยที่ความอดทนมีมากเป็นที่ตั้งต้องจากเมืองไทยมาทั้งๆที่ไม่ได้วางแผนเพราะปัญหาของครอบครัวพ่อตายแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงเธอเลยต้องรีบยืนด้วยลำแข้งของตัวเองปากกัดตีนถีบทำมันทุกอย่าง แต่ชีวิตก็ดันเจอกับสิ่งกดดันหลากหลาย
ธีรัญญ์ .. ชายหนุ่มที่แบกรับงานหนักทำงานเพื่อได้รับการยอมรับจากคนหลายๆคน แต่แล้วกลับต้องถูกขอร้องให้วางมือเพราะว่าอุบัติเหตุที่เขาเองได้พบเจอความหวังสูญสิ้น ความมั่นคงในใจกับการทำงานเหมือนถูกสั่นครอน เขาไม่ยอมรับการช่วยเหลือของใครเลยและใช้ชีวิตเหมือนคนหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง
คนสองคนเมื่อต่างพบเจอกับปัญหาหนักหน่วง ต่างมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แรกเริ่มอาจจะไม่ดีแต่ว่าเมื่อทุกอย่างเวลามันได้ผ่านไปความเห็นใจถูกทำให้แทนที่ทั้งสองคนก็เลยรู้สึกดีต่อกัน และเมื่อมีโอกาสทำให้ได้ใกล้ชิดกันความสัมพันธ์ก็ก้าวไปอีกขั้น แต่แล้วความสุขที่คิดว่าจะมีกลับเริ่มถูกบั่นทอนเมื่อคนที่คิดว่าจะไม่ได้เจอก็เจอแถมยังสร้างเรื่องทำให้การแยกจากต้องเริ่ม เมื่อนั้นความรักของทั้งคู่ถึงต้องเดินมาสู่ทางแยกที่สร้างความเจ็บปวดให้กันและกันได้มากพอดู แต่เชื่อว่า ความรัก เมื่อมันมีขึ้นจากความเจ็บปวดและเห็นใจมันคงไม่ยากเกินไปจะแก้ไขแค่เพียงให้เวลา
ตัวหนังสือของมาภายังคงทำงานได้ดีสำหรับคนอ่านอย่างฉันเชียวค่ะ แม้ว่าพล็อตและความแปลกใหม่สำหรับคนที่ต้องการเสพอะไรที่นอกเหนือจากที่อ่านกันทั่วไปอาจจะบอกว่าไม่มีนักแต่สำหรับฉันแล้วมันไม่ได้มองตรงนั้นเลยเพราะจะว่าไปงานของมาภาสำหรับตัวเองอาจจะชอบเสพในตัวหนังสือที่ค่อยๆ พาเราไปดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัว ความเป็นมาของตัวละครที่เรียกว่าค่อนข้างจะมีมิติ มีปมชวนให้คิดนั่นคิดนี่ตามเข้าไป มันเลยไม่ได้ไปคาดหวังอะไรกับเรื่องอื่นนักนอกจากการที่เราค่อยๆได้อ่านแล้วมองความเป็นไปแล้วได้รับรู้เรื่องราวของแต่ละคนตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างเรื่องนี้บอกเลยว่าชอบและชูป้ายไฟให้กับอาภากร หรือว่าสาวเอ๋ยนางเอกของเราที่ฉันอยากจะคาราวะนางหลายครั้งมาก เพราะว่ามาภาใส่เรื่องราวให้เธอได้หนักหน่วงจริงค่ะ เหมือนเด็กหญิงน่ารักขี้อ้อน ชีวิตเคยถูกดูแลมาดี ใครๆต่างก็รัก แต่ก็ดันมาเจอกับอุปสรรคจากความอิจฉาริษยาแล้วก็ต้องทำให้พรากจากสิ่งรักสิ่งหวงและต้องไปเผชิญกับการอยู่ตัวคนเดียวและเจอกับปัญหารายล้อมรอบตัวกลางเมืองใหญ่ เอาแค่บรรยากาศทึมหม่นของอังกฤษฝนตก อากาศซึมๆอึนๆ คิดดูเล่นๆว่าถ้าเราต้องอยู่กับบรรยากาศแบบนี้และเจอกับสิ่งที่ต้องคิดต้องเจอกับปัญหาต่างๆทั้งเรื่องตกงาน เรื่องของที่พักไม่มี ห้องโดนงัด ของโดนขโมย คือบอกได้ว่าอ่านถึงตอนนี้คนอ่านอย่างฉันสะอื้นฮักอยู่ในใจแล้วล่ะค่ะ บรรยากาศของเรื่องเลยมีส่วนทำให้สีรอบตัวในการอ่านของฉันอมเทาไปบ้าง มันเลยยิ่งทำให้รู้สึก อินกับเรื่องราวของตัวละครไม่รู้จบ อ่านไปแล้วหน่วงหนักความรู้สึกในปัญหาที่ต้องเจอ แม้ว่าอาจจะมีบางอยางที่ดูเหมือนไม่ค่อยสมเหตุผลสำหรับการแยกจาก และการ ไม่บอก บางอย่างเพราะทิฐิ นั่นเป็นสิ่งที่คนอ่านบอกได้ว่า อยากจะหยิกให้เนื้อเขียวแล้วกัดจิกว่า --- บอกเสียทีสิจ้ะให้เขาเหล่านั้นได้ฟัง ด้วยเพราะอันกับเรื่องราวนั่นล่ะค่ะเลยทำให้คนอ่าน เยอะอย่างที่ไม่คิดว่าจะเป็น อ้อ แล้วถ้าเรื่องนี้มาภาเขียนโดยการ เล่นถึงความบังเอิญกับความสัมพันธ์ และสถานการณ์ ของเรื่องราวอาจจะต้องบอกว่ามากมายค่ะซึ่งถามตัวเองว่ามันเยอะไปหรือเปล่าต้องบอกว่าไม่มากจนทำให้รู้สึกขัดเพราะค่อนข้างเปิดใจกับความบังเอิญที่ใส่เข้ามาแต่เรารู้สึกดีเพราะว่าเราคิดอยู่ว่าบางทีชีวิตเราก็ต้องการความบังเอิญแบบดีๆเหมือนแบบนี้มั่งเหมือนกันนะ
เรื่องนี้ใครที่ชอบความงามความเรียบเรื่อยทางภาษาที่ชวนชักให้พาอารมณ์ของคนอ่านร่วมไปกับเรื่องราวอาจจะต้องบอกว่าแนะนำให้อ่านกันแบบลองของค่ะ อ่านแล้วแม้ว่าอุณหภูมินอกบ้านอาจจะร้อนฉ่าแต่เมื่อหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านอาจจะรู้สึกเย็นยะเยือกกับความหนาว หิมะและฝนของอังกฤษได้พอควรค่ะ
นิยายผมแทบไม่ได้อ่านเลย
และที่น่าพอจะดีใจอยุ่บ้าง
คือตลาดหนังสือนิยายนั้น
ยอดขายไม่ค่อยตกเหมือนแนวอื่นๆเลยครับ