.....เก็บตกจากตรงโน้น( เรื่องดีๆ).....
สวัสดีครับ กลับมาพบกับคอลัมน์ เก็บตกจากตรงโน้น กันอีกครั้งนะครับ
สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอบทความดีๆ มีสาระนิดหน่อย ที่นำมาฝากกันนะครับ ส่วนจะมีเรื่องใดกันบ้างนั้น เชิญติดตามอ่านได้เลยนะครับ
คนทำงาน 4 แบบ
หลวงวิจิตรวาทการกล่าวไว้ว่า มีเรือดีดีไม่ขี่ข้าม ไปเอาเรือรั่วน้ำมาข้ามขี่ อยากได้แต่งานดีดี แต่เอาคนผีผีมาใช้งาน
คำกล่าวนี้ให้แง่คิดในการเลือกคนเข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ
1. พวกพายเรือทวนน้ำ
คนประเภทนี้มีความคิดก้าวหน้า แต่มีนิสัยดื้อรั้น หัวแข็ง และก้าวร้าว การทำงานร่วมกับคนประเภทนี้ต้องใช้ความอดทน อดกลั้น และใช้เวลาจูงใจมากกว่าปกติ แต่ก็จะทำให้ได้ผลงานที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์
2. พวกพายเรือตามน้ำ
คนทำงานประเภทนี้เป็นคนหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย และยอมทำตามกฎระเบียบทุกอย่างด้วยดี จึงทำงานร่วมกันได้ด้วยความสบายใจและได้ผลงานตามที่ต้องการ
3. พวกลอยตามยถากรรม
คนทำงานประเภทนี้เป็นอันตรายต่อหน่วยงาน เพราะเป็นแรงงานที่ไม่สร้างประโยชน์ ทำงานไปวันๆ โดยไม่มีจุดหมาย ไม่ทะเยอทะยาน ไม่สร้างสรรค์ และขาดความกระตือรือร้น
4. พวกมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ
คนทำงานประเภทนี้เป็นอันตรายต่อหน่วยงานเช่นกัน เพราะชอบยุแยงตะแคงรั่ว สร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้น และชอบวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าสร้างสรรค์ผลงาน
เรียนรู้ตลอดเวลา
ภาษิตฝรั่งบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า
" No one is too old to learn"
"ไม่มีใครแก่เกินเรียน"
เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปแต่ทำอย่างไร ? จะปลูกนิสัยรักเรียน ใฝ่หาความรู้ให้เกิดมีขึ้นในใจของพวกเราได้
ในใจของเด็ก ๆลูกๆ ของหลายๆคนด้วย ปัญหานี้สำคัญเพราะเมื่อสามารถจุดประกายใฟแห่งความใคร่รู้ให้ลุกโชติช่วงได้ในใจของเราแล้ว เราก็จะไม่เบื่อหน่ายท้อถอยต่อการเรียนเลย
ในเด็กๆ ก็เหมือนกันถ้าเขาใคร่ใฝ่รู้แล้ว เราจะไม่ต้องปวดหัวกับการจ้ำจี้จำไช รุกเร้าให้เขาเรียนอย่างเช่นที่เห็นกันอยู่ดาษดื่นทั่วไปในสมัยนี้
เพราะเขาจะกระหายต่อข้อมูลความรู้อย่าง ไม่มีวันสิ้นสุด โลกนี้ยังรอการค้นพบของพวกเราอีกเยอะแยะ
ความรู้ต่างๆกำลังรอการศึกษาวิจัยพิสูจน์ค้นคว้าฯลฯอีกมากมายนัก ดั่งนิทานจีนเรื่องหนึ่งว่า
วันหนึ่งกษัตริย์ผิงกงแห่งรัฐจิ้นได้ตรัสกับซือคว่างขุนนางของพระองค์ว่า
"ข้าแก่แล้วอายุปาเข้าไปเจ็ดสิบปีแล้วถึงจะศึกษาหาความรู้บ้างแต่ก็รู้สึกว่าเวลามันดึกเกินไปแล้ว"
ซือคว่างทูลถามว่า
"เวลานะหรือดึกเกินไปพระเจ้าข้าแล้วทำไมพระองค์ไม่จุดเทียนขึ้น"
กษัตริย์ผิงกงตรัสตอบว่า
"ข้าพูดกับเจ้าเป็นงานเป็นการทำไมเจ้าถึงพูดเล่นกับข้า"
ซือคว่างทูลตอบว่า
"ข้าพระองค์เป็นขุนนางไหนเลยจะกล้าพูดเล่นกับพระองค์
พูดกันตามความจริงใครที่รักเรียนในวัยเด็กก็จะมีอนาคตสว่างรุ่งโรจน์เหมือนกับแสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ
ถ้ารักเรียนในวัยฉกรรจ์ก็จะเหมือนแสงอาทิตย์เวลาเที่ยงวันยังมีเวลาถมเถไป
ถ้ารักเรียนเมื่อวัยชราก็จะเหมือนแสงเทียนเท่านั้นเอง แสงเทียนนั้นถึงแม้จะไม่สว่างเท่าไรนักแต่ถ้ามีไว้ก็ยังดีกว่าคลำอยู่ในความมืดกระมั่งพระเจ้าข้า...."
ข้อดีของความทุกข์
1.ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
2.ทำให้รู้ถึงค่าของความสุข
3.ทำให้เรามีความสามารถมากขึ้น
4.ทำให้เรามีสิ่งที่ต้องทำ(ทำเพื่อให้หายทุกข์
5.ทำให้เรามีประสบการณ์ในการแก้ปัญหามากขึ้น
6.ทำให้เรามีความอดทนมากขึ้น
7.ทำให้ความสุขมีค่ามากขึ้น
8.ทำให้มีความระมัดระวังมากขึ้น
9.ทำให้เรามองโลกกว้างมากขึ้น
10.ทำให้เราเห็นได้ว่าใครคือคนที่เป็นที่พึ่งยามยากของเรา
11.ทำให้เราได้รู้ว่ามีใครบ้างที่ห่วงเรา
12.ทำให้เราได้รู้ว่ามีใครบ้างที่เป็นมิตรแท้ของเรา
13.ทำให้รู้ได้ว่าเพื่อนของเรามีความสามารถแค่ไหน
14.ทำให้เรารู้ว่าใครมีความสามารถขนาดไหน
15.ทำให้เรารู้ได้ว่ามีคนไหนที่รักเราจริง
16.ทำให้เรารู้ว่าการหัวเราะเป็นสิ่งจำเป็น
17.ทำให้เราพยายามที่จะมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
18.ทำให้เรามาค้นหาข้อดีของความทุกข์
ชนะได้เพราะไม่คิดเอาชนะ
การคิดเอาชนะคนอื่นมีต้นทุนสูง มีผลเสียมากว่าผลดี
ในระหว่างการเล่น เราต้องควบคุมตัวเองไม่ให้คิดเอาชนะ
แท้จริงคือ การแข่งกันทนยั่วต่อสถานการณ์ ที่มาชักจูงให้เกิดความโลภ อยากทำลายคู่ต่อสู้
ผู้ชนะคือ ผู้ที่ทนยั่วที่จะเอาชนะได้นานกว่า
เพราะอีกฝ่ายที่อยากเอาชนะจะแพ้ให้ก่อน
ผู้ที่ไม่คิดเอาชนะ ก็จะกลายเป็นชนะไปเอง
การชนะจึงมาจากที่สังคมมอบให้...ห้ามไปเอามา!!!
- - - เพราะฉะนั้น - - -
ชัยชนะที่แท้จริง
คือ การบรรลุเป้าหมายของงาน
ไม่ใช่การเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง
และนี่คือ เหตุผลเบื้องหลังปรัชญา
ชนะได้เพราะไม่คิดเอาชนะ!
หวังว่า ท่านผู้เข้ามาแวะชมบล็อกทุกๆท่าน คงจะได้รับสาระเล็กๆน้อยๆ กลับไปฝากคนไกล้ๆตัวกันบ้างนะครับ สำหรับวันนี้ ขอบคุณและสวัสดีครับ
Create Date : 30 มิถุนายน 2548 |
|
6 comments |
Last Update : 30 มิถุนายน 2548 12:59:49 น. |
Counter : 861 Pageviews. |
|
|
|
ง่วงเล็กน้อย ^^'
...