Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
เหี้ยมหฤหรรษ์

เหี้ยมหฤหรรษ์

น่าเบื่อ…

น่าเบื่อจริงๆ…

น่าเบื่อหน่ายมาก…

ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน…

เหล่านี้คือถ้อยคำเดิมๆที่วนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ทุกๆวันที่ฉันลืมตาตื่น และไปทำงานด้วยหน้าที่จำเจ รวมทั้งใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยเกินไป คำพวกนี้จะผุดขึ้นมาเป็นระยะให้พอทนได้ แต่พักหลังๆกลับถี่ขึ้นเรื่อยๆจนเหลือทน อันที่จริงฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน และตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็ยังเป็นเหมือนคนอื่นๆ มีกิจกรรมสนุกสนานหลายอย่างให้ทำตามประสา กับพ่อแม่ ญาติๆ และพี่น้องบ้าง เพื่อนฝูงบ้าง

ฉันพยายามค้นหาว่าความรู้สึกที่ว่า เริ่มต้นจากจุดไหน ฉันพยายามคิดทบทวนอย่างหนักทีเดียว และคำตอบก็ปรากฏตอนที่ฉันเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยเสมียนใหม่ๆ ในสถานที่ทำงาน หน้าที่ของฉันกลับคล้ายแม่บ้านเสียมากกว่า พวกเจ้านายก็กระไร เรียกใช้ฉันให้ทำโน่นทำนี่ และที่นี่เองที่ฉันเป็นแค่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งซึ่งไม่สำคัญ ไม่มีใครมองเห็นฉันนอกเสียจากเวลาที่ใครๆต้องการเรียกใช้

ยิ่งเพื่อนร่วมงานก็ยิ่งเหยียดฐานะหน้าที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ผิดที่ผิดทาง ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาต้องนินทาให้เข้าหูฉัน ทำไมใครๆต้องหาเรื่องเอากับความผิดพลาดที่ฉันไม่ได้เป็นคนก่อ เพราะเหตุใดพวกเขาต้องจงใจทำอย่างนั้นกับฉัน พวกเขาไม่ได้รู้ตัวหรอกว่าการกระทำของพวกเขาทำให้ฉันเสียใจ ทั้งรู้สึกกดดันและบีบคั้นขนาดไหน ฉันเป็นผู้ช่วยเสมียน ไม่ใช่ที่รองรับหรือระบายอารมณ์ของพวกเขา แต่ฉันก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆที่ช่างไร้ค่าไร้ความสำคัญและพวกเขาต่างมองข้ามอย่างง่ายดาย

หากเป็นโลกภายนอกสำนักงานก็ไม่ได้แตกต่างจากกรณีข้างต้นเท่าใดนักและดูเหมือนฉันจะเป็นเพียงผู้หญิงที่ไร้เสน่ห์โดยสิ้นเชิง ดวงตาหลังกรอบแว่นแบบตกสมัยก้มมองพื้นอยู่เกือบตลอดเวลา ใบหน้าแทบจะไม่เงยขึ้น หลังค่อมทำให้ลักษณะท่าทางการเดินรวมถึงบุคลิกภาพแลดูแย่ลง แต่ฉันเป็นคนเดินเร็ว การถูกเรียกใช้ทำให้ฉันจำต้องเป็นคนคล่องแคล่วว่องไว และสิ่งที่ประกอบเป็นตัวฉันก็ช่างเหมือนตัวตลก ไม่ว่าจะในโลกของคนทำงานหรือสังคมภายนอก ฉันก็เป็นที่ขบขันของผู้พบเห็น ฉันรู้ว่าจะไม่มีใครแยแสถ้าฉันหายสาบสูญ จะไม่มีคนเหลียวแลหรือห่วงหาอาทร ยกเว้นคนในครอบครัว อย่างไรฉันก็เป็นจุดด้อยของบ้าน เป็นคนที่พวกเขาไม่สามารถช่วยพัฒนาให้มีสภาพหรือแม้แต่ศักยภาพที่ดีขึ้นมาได้ พวกเขาจึงล้มเลิกความตั้งใจและได้แต่ทำใจให้ปลงตก

ฉันอาจจะดูน่าสงสาร แต่ก็ไม่เคยนึกอยากให้ใครมาสังเวช ตัวฉันเศร้าพอแล้วและไม่อยากให้ใครมาทำท่าสลดหดหู่ต่อหน้าเพราะจะทำให้ฉันยิ่งรู้สึกย่ำแย่ ก็คล้ายกับการถูกซ้ำเติม ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นๆจะแสดงความรู้สึกจากใจจริงหรือเสแสร้ง ฉันไม่ชอบการถูกปฏิบัติอย่างคนไร้ความสามารถ สภาพที่น่าเจ็บปวดใจทำให้ฉันรู้สึกคล้ายมีบางอย่างค่อยสะสมอยู่ในกายมากขึ้นทุกทีจนกลายเป็นสิ่งที่อัดแน่น และเป็นความจำเป็นที่ฉันจะต้องปลดปล่อยมันออกมาเสียบ้าง

ฉันคิดอยู่หลายวิธี ทดลองลงมือปฏิบัติก็หลายอย่าง แต่ไม่เป็นที่น่าพอใจเพราะได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉันครุ่นคิดต่อไปกระทั่งค้นพบแนวทางใหม่ที่สามารถลดสิ่งอัดแน่นในกายให้สูญไปเกือบหมด มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องน่ากลัวในทีแรกและฉันก็หวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุหรือโหดร้ายมากไปไหม เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ฉันก็จำเป็นต้องลงมือกระทำและผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งเสียด้วย มันเป็นเรื่องง่ายๆที่ไม่ยุ่งยากอะไรนัก แค่เริ่มต้นด้วยการใส่เศษอาหารไว้ในกรงดักหนูและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น แล้วค่อยสำรวจดูว่าดักได้หรือไม่

แต่แทนที่จะรีบกำจัดพวกมัน ฉันกลับยืดเวลาตายด้วยเกรงกิจกรรมผ่อนคลายความรู้สึกจะสิ้นสุดในเวลาอันสั้น การมองดูพวกหนูวิ่งพล่านอยู่ในกรงด้วยความหวาดกลัวมากเท่าไรก็จะทำให้ฉันรู้สึกสนุกมากเท่านั้น ยิ่งเห็นพวกมันกระเสือกกระสนดิ้นรนหาทางรอดชีวิต ฉันจะยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย แต่สุดท้ายต้องกำจัดมันอยู่ดี ส่วนวิธีการที่ใช้ก็คือวางยาเพราะฉันอยากให้พวกหนูทรมานและอยากเห็นมันดิ้นทุรนทุราย ฉะนั้น การวางยาที่ไม่ทำให้ตายในทันที ทว่าใช้เวลาสักพักย่อมเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินใจได้ไม่น้อย ทั้งเป็นเรื่องที่มอบความอภิรมย์อย่างมากแก่ตัวฉัน เพียงแต่รูปแบบของอารมณ์ที่สนุกอย่างนี้คงเป็นเรื่องที่เหี้ยมผิดวิสัยของใครหลายๆคน และฉันไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องใดทั้งสิ้น ที่ทำก็เพียงต้องการสนองต่อตัวเอง

จากสัตว์ตัวเล็กที่เคยก่อให้เกิดความพอใจ ต่อๆมากลับไม่เป็นที่สบอารมณ์ และส่งให้ฉันอยากทดลองกับสัตว์ขนาดใหญ่บ้าง ที่คิดไว้คือแมวกับสุนัข แต่ต้องลอบกระทำการเพราะอาจเป็นที่ผิดสังเกต อีกอย่างถ้าเป็นจำพวกสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ ฉันจะเสี่ยงให้น้อยที่สุด ถ้าเกิดมีใครพบเห็นฉันอยู่ใกล้กับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ฉันก็จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยโดยปริยาย การเลี่ยงที่น่าจะดีคือไปยังละแวกอื่นที่ไม่มีคนรู้จักและใช้ความระมัดระวังให้มาก ช่วงเวลาที่เหมาะน่าจะเป็นช่วงเย็นถึงดึกและการลงมือจะไม่บ่อยนัก ฉันเลือกที่จะลงมืออาทิตย์ละครั้งจนกว่าความเบื่อหน่ายจะสะสมถึงจุดหนึ่งและส่งให้ต้องหาทางผ่อนคลาย

ถึงอย่างไรกิจกรรมดังกล่าวก็มอบความสนุกอันมีขีดจำกัด มีผลให้ฉันต้องมองหาเป้าหมายอื่นที่จะสามารถสนองต่ออารมณ์ และฉันไม่อาจหยุดยั้งการกระทำตนได้เลย มีอยู่หลายครั้งที่ฉันพยายามจะเลิกทำกิจกรรมที่ชั่วร้าย แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อไม่มีทางยุติและอารมณ์ความรู้สึกยังคอยกระตุ้น ฉันก็ต้องทำต่อไป กับเป้าหมายใหม่ สิ่งใหม่ที่ไม่เคยลองมาก่อนและเป็นเรื่องที่แสนเลวร้าย

ครั้งแรกกับสิ่งใหม่ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นใจทีเดียวเพราะต้องมองหาเป้าหมายที่ง่ายต่อการลงมือและน่าจะเป็นเด็กๆที่มักจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวหรือแยกตัวออกจากคนอื่นๆ ฉันเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับเรื่องนี้ สำรวจ สังเกต ตระเวนหาตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงสถานที่ลงมือที่ปราศจากผู้พบเห็นเหตุการณ์อันได้แก่ บริเวณสิ่งก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จสักที สถานที่อันเป็นมุมมืดไร้ผู้คน เมื่อมั่นใจว่า 'เอาล่ะ นี่แหละที่ทำแล้วปลอดภัย สถานที่ใช้ได้' ฉันก็จะวางแผนการทุกขั้นตอนอย่างรอบคอบและรัดกุม เริ่มต้นด้วยการล่อลวงที่จะทำให้เหยื่อตายใจ หน้าตาไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญต่อการหลอกล่อแต่อย่างใด วิธีการพูดและท่าทางที่เป็นมิตร ดูแล้วไม่น่ามีพิษมีภัยเป็นเรื่องที่ฉันต้องฝึกฝนอยู่นานกว่าจะทำได้ดังใจ มันเป็นกลไกการสร้างภาพที่ต้องเรียนรู้และอาศัยประสบการณ์

ครั้งแรกที่ลงมือได้ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในช่วงเวลาหนึ่ง แต่หลังจากผ่านการทำใจพอสมควร ฉันก็เริ่มคุ้นเคยกับการวางยาเด็กๆ เด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารัก ไม่สามารถป้องกันตัว และไว้วางใจคนแปลกหน้าได้ง่าย ฉันไม่รู้ว่าจะมีใครนึกภาพเด็กที่ทานยาพิษและต้องทุกข์ทนอยู่กับความเจ็บปวดแล้วรู้สึกมีความสุขได้หรือไม่ สำหรับฉันก็เหมือนการฆ่าสัตว์ สำหรับฉันนี่เป็นความสุขสุดหรรษา

แต่กับเด็กโตเป็นเรื่องที่ยากขึ้นอีกระดับ วิธีการจึงเปลี่ยนเป็นลักพาตัวยามราตรีหรือยามเผลอและต้องอาศัยเล่ห์เพทุบายมากอยู่ ฉันยอมรับว่าไม่ใช่คนฉลาดอะไรนัก ก็นับเป็นเรื่องแปลกที่กิจกรรมแสนสนุกของฉันมักจะดำเนินไปด้วยดี ราบรื่นเสียทุกครั้ง และฉันยังคงลอยนวลอยู่พ้นเงื้อมมือกฎหมาย หากก็คิดถึงเรื่องเหยื่อในวัยผู้ใหญ่อยู่บ้างเพราะพวกผู้ใหญ่เข้มงวดกับบุตรหลานนับแต่หนังสือพิมพ์ลงข่าวคดีที่ฉันเป็นผู้ก่อด้วยความถี่ทุกอาทิตย์ กอปรกับทางตำรวจเตือนให้ประชาชนคอยระวังและสอดส่องบุตรหลานของพวกเขาให้ดี ฉันคิดเห็นว่าเหยื่อวัยผู้ใหญ่อาจจะยากเกินความสามารถและฉันไม่มั่นใจ แต่ก็อยากลอง…

"เหม่ออะไรอยู่ล่ะ" เสียงคุ้นหูห้วนจัดเรียกให้ฉันคืนสติ

พอเหลียวมองก็เห็นพนักงานหญิงที่เป็นคนสั่งให้ฉันชงกาแฟ

"ฉันรอเธอตั้งนานก็ไม่เห็นโผล่สักที"

สีหน้าของหล่อนคนสวยช่างบึ้งตึง

"ขอโทษค่ะ" ฉันก้มหน้างุด อีกฝ่ายก็ยึดแก้วกาแฟจากมือฉัน

"บอกให้ทำอะไรก็ไม่เคยได้เรื่อง" ตำหนิเสียงดัง

"เธอน่ะถ่ายเอกสารให้ฉันดีกว่า" พนักงานชายเรียกใช้

"ฉันฝากด้วย" หญิงวัยกลางคนเอ่ย

"รีบๆล่ะแม่คุณ" หญิงคนเดิมกำชับ

"ไม่ได้เรื่อง" พนักงานหญิงวางแก้วกาแฟอย่างกระแทกกระทั้น

"ชงใหม่" หล่อนสั่งเสียงเฉียบขาด

"แต่ฉันต้องไปถ่าย…เอกสาร" พูดตะกุกตะกักด้วยเสียงแผ่ว

"เอ๊ะ!" คนฟังขึ้นเสียงอย่างเคืองขุ่น

"ฉัน…" ฉันพูดไม่ออก

"ชงเดี๋ยวนี้!" หล่อนยืนกอดอก

"ค่ะๆ"

"อย่าลืมว่าเธอต้องรีบไปถ่ายเอกสารด้วย" เป็นถ้อยคำของพนักงานชายที่เรียกใช้ฉัน

ฉันนำเอกสารที่ถ่ายมาให้ผู้เรียกใช้ พวกเขาก็เอาแต่ต่อว่าต่อขานที่ฉันทำงานล่าช้าให้พวกเขาต้องเสียเวลา ถ้าเป็นแค่คำต่อว่าธรรมดาคงไม่เป็นอะไร แต่ถ้อยด่าทอสารพัดนี่สิที่ยิ่งทำให้ฉันต้องน้ำตาตกใน ฉันจะทำอย่างไรได้ ถ้าลาออก…คนอย่างฉันใช่จะสามารถหางานทำได้ง่ายนักและฉันก็จำต้องกล้ำกลืนฝืนทนสภาพที่น่าเศร้าใจไปอีกนาน

พอคิดๆก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ ในหัวของฉันมีแต่คำว่าเบื่อหน่ายอยู่เต็ม มันเพียงพอที่จะผลักดันไปสู่การลงมือกับใครสักคนและเป็นคนที่ฉันหมายตาไว้เพราะกิจกรรมเช่นว่าใช่จะลงมืออย่างปัจจุบันทันด่วนด้วยต้องอาศัยการเฝ้าสังเกตการณ์ระยะหนึ่ง

ฉันเลิกงานตามเวลา ทว่ายังไม่กลับบ้านเพราะต้องเตรียมตัว และเดินทางไปหาเหยื่อด้วยพาหนะที่ได้มาจากเงินเก็บอันน้อยนิด ตามปกติฉันจะไม่ขับรถยนต์ไปทำงาน ฉันไม่ต้องการให้ใครรู้เห็นทำให้ต้องหาสถานที่รับฝาก โชคยังดีที่ฉันรู้จักกับพนักงานที่ทำงานในโรงแรมม่านรูด เราเป็นเพื่อนเล่นวัยเยาว์ที่ดีต่อกันและคงสัมพันธภาพฉันเพื่อนมาโดยตลอด เขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา ด้วยต่างคนต่างมีความลับที่ต้องปกปิดทำให้เราไม่เคยถามไถ่ถึงเรื่องที่ต้องปิดบังซ่อนเร้นต่อกันและความใคร่รู้ก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเราสองคน

เขามองเห็นฉัน ฉันพยักหน้าแทนการทักทาย เขาก็ทำเหมือนกัน

"ยังอยู่ที่เดิม ไม่มีใครแตะต้อง" เขามักพูดอย่างนี้เพราะคอยดูแลพาหนะให้ฉันด้วยความมีน้ำใจ แต่ฉันคิดว่าเขามีอะไรบางอย่างคล้ายคลึงกับตัวฉัน เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแจ่มชัด เพียงฉันไม่อยากใส่ใจเหมือนกับที่เขาไม่อยากรู้เรื่องของฉัน

"ขอบใจ" เป็นถ้อยที่ฉันบอกกับเขาเสมอ

"โชคดี" พูดจบเขาก็ยิ้มเพียงนิดเดียวด้วยดวงตาเสมือนโถงถ้ำลึก

"เช่นกัน" ฉันยิ้มตอบปานกัน

ค่ำนี้ฉันสะกดรอยตามใครคนหนึ่ง และแบบฝึกหัดที่หนักหนาเอาการเฉพาะเหยื่อวัยผู้ใหญ่ที่ฉันนึกอยากลองเสี่ยง นั่นคือการศึกษาพฤติกรรมของเหยื่อ นิสัยใจคอ กิจวัตรประจำวัน หมายรวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิต เหล่านี้สามารถให้ประโยชน์สูงสุดต่อตัวฉัน มันจะช่วยให้การลงมือสำเร็จลุล่วง ถ้าถามฉันว่าไปเรียนเรื่องพวกนี้มาจากไหน คงต้องตอบว่าก็จากการศึกษาตำราในหัวข้อที่ว่าด้วยอาชญากรรม อาชญากร และเหยื่อวิทยาอย่างไรเล่า

ฉันยังคงขับรถยนต์ที่ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน ตามหลังคันสีชมพูอย่างรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต กระทั่งถึงเส้นทางเปลี่ยวฉันก็เร่งความเร็วกะทันหัน เป็นการจงใจชนท้ายรถยนต์คันหน้าอย่างแรงพอประมาณแล้วทำท่าขับหนี ผู้เสียหายคงโกรธมากถึงเร่งพาหนะตามฉันชนิดไม่ยอมลดละ คงจะตามเอาเรื่องและทวงถามค่าเสียหาย แต่ฉันกลับยิ้มละไมด้วยความสมใจ

เส้นทางที่เห็นแทบไม่มียวดยานสัญจร พอถึงทางแยกด้านหน้าฉันก็หักเลี้ยวไปสู่ตึกร้างและหลอกให้คนตามมุ่งสู่ทางที่โรยด้วยตะปูเรือใบ เป็นขอบเขตที่ถูกกำหนดอย่างแน่ชัด แน่นอนว่าฉันขับอ้อมมัน แต่ผู้เสียหายไม่มีทางรู้ และฉันที่สวมหมวกไหมพรมสีดำ ถุงมือพร้อมอุปกรณ์ก็ยังคงรอคอยอย่างใจเย็น

ผู้เสียหายที่ฉุนขาดไม่ได้เฉลียวใจ ยางรถยนต์อย่างดีก็มีอันต้องรั่วทำให้ไม่สามารถเคลื่อนหนีไปไหนได้ ฉันก็ลงจากรถด้วยรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า รองเท้าพื้นหนาที่สั่งทำพิเศษเพื่อป้องกันความผิดพลาดจากตะปูเรือใบด้วยราคาที่ต่อรองกับช่างทำรองเท้า และฉันก็เดินเลี่ยงแสงไฟที่สาดส่อง

อีกฝ่ายคงต้องระแวดระวังตัวเต็มที่ แต่ฉันยังอารมณ์ดีอยู่ ว่าแล้วก็เคาะกระจกตรงที่นั่งคนขับให้เจ้าหล่อนต้องสะดุ้งสุดตัว

"เปิด" ฉันสั่งเสียงเรียบเรื่อย

เหยื่อรายใหม่และวัยผู้ใหญ่รายแรกตระหนกสุดขีด หล่อนเป็นพนักงานหญิงที่สั่งให้ฉันชงกาแฟ ใช่ ฉันเจตนาเลือกหล่อน

"จะเปิดไหม" ฉันย้ำถามอย่างไม่ต้องการรู้คำตอบเพราะปฏิกิริยาของเหยื่อที่แลเห็นชัดเจน

"ก็ได้" พูดจบฉันก็ยกค้อนให้หล่อนดู

หล่อนมีทางเลือกสองทาง แต่ไม่ว่าทางใดย่อมไม่อาจรอดพ้น และด้วยความหวาดกลัวก็ทำให้หล่อนนิ่งงันแทนที่จะหาทางหนีทีไล่ ฉันคิดว่าอย่างน้อยหล่อนน่าจะออกจากพาหนะแล้ววิ่งหนีสุดชีวิต ทว่าฉันศึกษานิสัยใจคอของหล่อนและรู้ว่ายามความกลัวเกาะกุมหัวใจ หล่อนจะแสดงทีท่าเช่นไร

"ไม่เปิดใช่ไหม งั้นจัดให้"

การทุบกระจกรถอาจเป็นความคิดที่โง่ด้วยเสี่ยงต่อการได้ยินของผู้ที่อาจจะบังเอิญผ่านมาแถวนี้ อาจทำให้ฉันต้องเปลี่ยนวิธีการสังหารโหดเพื่อประหยัดเวลาและหลบหนีได้เร็วขึ้น แม้ฉันจะชอบการใช้ยาพิษมากกว่าวิธีการอื่นก็ตาม

แรงของค้อนที่เหวี่ยงทำให้เฉียดศีรษะของเหยื่อที่หลบโดยสัญชาตญาณ และฉันไม่รอช้าที่จะลากตัวหล่อนออกจากรถยนต์คันงาม ฉันกระชากผมของคนที่ร้องขอชีวิตทั้งน้ำตา

"ฉันขอโทษที่ตามมาเอาเรื่อง ฉันขอโทษ" สุ้มเสียงสั่นเครือ

"รู้จักขอโทษด้วยเหรอ" ฉันหัวเราะร่วน

"เราไม่เคยรู้จักกัน ฉันไม่เคยทำอะไรให้ กรุณาปล่อยฉันไปเถอะนะ" วิงวอนตัวสั่นเทา

"ฮื่อ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยทำอะไรให้" ทวนคำอย่างเยาะหยัน

"ฉันมีพ่อแม่ที่ต้องดูแล พวกท่านก็แก่มากแล้ว ถ้าไม่มีฉันซะคน พวกท่านจะต้องลำบาก"

ฉันหัวเราะในลำคอหึๆ หล่อนช่างโกหกออกมาได้ทั้งที่มีพี่ชายอีกสองคนแท้ๆ

"ฉันไม่อยากเสียเวลา ถึงเธอจะขอร้อง ฉันก็ไม่รู้สึกอะไร เวลามีน้อย คงต้องเร่งมือกันหน่อย"

ผู้หญิงที่กลัวจนอ่อนแรงได้แต่พนมมือไหว้อย่างตัวสั่นงันงกและร่ำไห้ ปากก็พร่ำเพื่อความอยู่รอด

"ลาก่อน" สิ้นเสียง ฉันก็หวดค้อนเข้าที่ศีรษะของเหยื่อด้วยรอยยิ้มอย่างเปี่ยมสุข

เกิดเสียงดังคล้ายทุบลูกมะพร้าวหลายคราทำให้ร่างที่จมกองเลือดด้วยความทุกข์ทรมานต้องดิ้นกระตุกเหมือนปลาถูกทุบหัวไม่มีผิด ขณะที่ลงมือฉันก็ยิ่งยิ้มกว้าง บางครั้งหัวเราะสลับด้วยความรู้สึกสุดแสนหฤหรรษ์ที่บังเกิด และรู้สึกถึงกระแสที่แล่นเวียนอยู่ในร่างที่ก่อให้เกิดความรู้สึกซาบซ่านทั้งสรรพางค์กาย แม้ยามหยุดมือฉันก็ยังคงเฝ้ามองลักษณะการตายของเหยื่อด้วยอารมณ์ที่รื่นรมย์ ฉันยืนในท่าเดิมจนเหยื่อแน่นิ่งอันเป็นสัญญาณบ่งบอกเวลาหลบหนี พอจัดการสิ่งที่ควรทำจนเสร็จด้วยการใช้สติเหมือนปกติชนทั่วไปเท่าที่ตัวฉันพอจะรวบรวมได้ ฉันที่อยู่หลังพวงมาลัยและมุ่งหน้ายังสถานที่รับฝากพาหนะก็ยังคงรู้สึกถึงความสนุกสุดยอดที่ทำให้เกิดความติดใจอยากกระทำอีกซึ่งฉันรู้แน่ว่าค่ำคืนที่หฤโหดจะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่มีวันจบสิ้น.


Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2549 11:14:22 น. 5 comments
Counter : 372 Pageviews.

 
อ่ะนะ

แต่งได้น่ากลัวจังเลย


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:42:00 น.  

 
ต้องดุน้องที่ฝ่ายให้น้อยๆ หน่อยแล้ว กลัวแฮะ


โดย: นางสาวอาร์ต วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:48:32 น.  

 
แวะมาเยี่ยมวันหยุด...สวัสดีครับ


โดย: **mp5** วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:22:35 น.  

 


โดย: IP: 58.8.243.65 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:20:20 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมเยียนจ้า


โดย: กาญจน์ฏีบ่ได้ log in IP: 203.113.16.241 วันที่: 20 มีนาคม 2549 เวลา:1:17:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.