Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
7 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

ตอนที่๒๕

ตอนที่๒๕
ภวาวดีรอคอยการกลับของเพื่อนสาวอย่างใจจดใจจ่อเพราะตอนที่อีกฝ่ายบอกว่าจะไปบ้านของโจนาธาน หล่อนก็ให้รู้สึกวิตกและอยากบอกกล่าวให้ธัชรัตน์พงศ์รับรู้เรื่องราวที่หล่อนเพิ่งรับทราบ ทว่าหล่อนก็จำเป็นต้องเก็บงำด้วยเห็นแก่คำขอของเพื่อนสาว ฉะนั้น ทันทีที่เห็นหน้าของคนที่หล่อนนึกห่วงใย หล่อนก็ยิงคำถาม

"เป็นไงบ้างซัน"

"เหนื่อยสุดๆ" ท่าทางระโหยโรยแรงของสณาจิณห์ยืนยันตรงกับคำพูด

"ทำอะไรถึงเหนื่อย" คนถามนิ่วหน้า

"ก็ป้องกันจิตไม่ให้น้องจิลล้วงความรู้สึกนึกคิด เหนื่อยพอดู"

"ไม่ค่อยเข้าใจ" ภวาวดีสารภาพ

"ฉันใช้อำนาจจิตสร้างเกราะป้องกันจิตใจ ความจริงก็คือการต้านทานอำนาจจิตของเขาไม่ให้เข้ามาได้ ด้วยการควบคุมจิตของฉันเองให้แข็งกล้า ถ้าจิตตกหรืออ่อนแรง โอกาสก็เป็นของเขา แถมฉันต้องใช้อำนาจจิตที่ว่าเพื่อช่วยในการตรวจจับความรู้สึก นึกคิดของเขาที่อาจส่งกระแสอ่อนๆออกมา มันยากจริงๆ ยากมากๆเพราะเขาบล็อคตัวเองแน่นหนายิ่งกว่าฉัน และฉันก็แน่ใจว่าระดับอำนาจจิตของเขาสูงกว่า ตลอดมาฉันถึงไม่รู้ว่าใครคือเงาดำมรณะที่เป็นคนร้าย และไม่ทันคิดว่าเป็นเขา"

เสียงโทรศัพท์มือถือของ 'แม่หมอ' ดังขึ้น เจ้าตัวรับสาย ภวาวดีมองหน้าอีกฝ่ายเป็นเชิงถาม สณาจิณห์ก็ขยับปากเอ่ยกับเพื่อนสนิทว่า 'กิ๊กโทร.มา' และถ้อยความจากปลายสายก็ทำให้หล่อนยิ้มออก พอพูดคุยอยู่ครู่หนึ่งหล่อนก็ตัดการติดต่อ

"กิ๊กว่าไง" ภวาวดีถามอย่างใคร่รู้

"ข่าวดีจ้า กิ๊กอัดเสียงพูดตามที่ฉันกำหนด พรุ่งนี้เที่ยงจะเอา 'ของ' ไปให้ฉันที่ร้าน"

โจนาธานนั่งนิ่งราวกับรูปปั้นที่มีลมหายใจอยู่ภายในห้องอาหาร แต่ปราศจากซึ่งอาการรับรู้สิ่งอื่นใด น้องชายของเขากับอาก็หารือกันด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

"เธอคุยกับนังแม่หมอ ท่าทีของหล่อนบ่งบอกอะไรบ้างไหม"

"หล่อนทำท่าว่าสงสัยพวกเราครับคุณอา" เจอร์ราล์ดเอ่ยง่ายๆ

"เธออ่านใจหล่อนได้หรือเปล่า"

"เกือบครับ ตอนที่โจน่าโผล่พอดี แต่หล่อนชิ่งหนีทันเวลา ไม่งั้นผมคงจะอ่านใจหล่อนได้ความพอควร"

"บ้าชะมัด!" เอริคสบถด้วยความหงุดหงิด

"หล่อนมาเพราะต้องการหยั่งท่าทีของพวกเรา และผมก็เชื่อว่าหล่อนมั่นใจกับข้อสงสัย"

"หล่อนคงหาทางสืบเสาะ" อาปรารภ

"ครับ"

"โจน่าก็ดันไม่รู้เรื่องแผนของหล่อน เราเลยไม่รู้อะไรสักอย่าง"

"หล่อนต้องมีแผนครับคุณอา ผมอยากรู้จังว่าแผนของหล่อนเป็นแบบไหน" เด็กหนุ่มหัวเราะในคำอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุกที่ท้าทายความสามารถของเขา

"นังแม่หมอเอาชนะหลานของอาไม่ได้…ใช่ไหม" เขาถามหลานชายคนเล็กอย่างต้องการเน้นย้ำความเชื่อมั่นให้กับตน

"ครับคุณอา" ดวงตาของคนพูดเป็นประกายวาววาม

คนมองก็ให้รู้สึกพรั่นพรึงระคนคร้ามเกรง

ช่วงสายของวันมาร์คัสที่ถูกเอริคทิ้งให้ตรวจทานแฟ้มงานอยู่คนเดียวก็หวนรำลึกถึง 'แม่หมอ' …ในฐานะของเพื่อน ที่เขาคิดถึงหล่อนก็เพราะอยากรับคำทำนายจากหล่อนอีกสักครั้ง ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากได้คำแนะนำที่ชี้นำเส้นทางชีวิตแก่ตัวเขา ถึงเขาจะอยากท่องเที่ยว อีกใจก็เริ่มวิตกเรื่องบุพการีด้วยพวกท่านก็อายุมากขึ้นทุกปี ริ้วรอยแห่งความชราภาพก็เช่นกัน และช่วงเวลา ที่เขาฝึกงานกับเอริค ความใกล้ชิดก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้เป็นบิดาเป็นไปด้วยดี การถกเถียงลดน้อยลงกว่าเคย ความรู้สึกห่วงใยท่านกับผู้เป็นมารดาก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว ถ้าเขาจะทำตามใจตนเหมือนที่ผ่านๆมาก็ออกจะเป็นการอกตัญญูที่ปล่อยปละละเลยท่านทั้งสอง หรือเขาควรทำงานทำการและลงหลักปักฐานอยู่กับครอบครัว ใจสองส่วนบังเกิดความขัดแย้งส่งผลให้เขาตัดสินใจบางประการ

หญิงสาวที่นั่งทานอาหารโดยหันหน้าออกทางหน้าร้านก็แลเห็นชายหนุ่มผมทองที่หล่อนรู้จักดี เขากำลังเดินเข้ามาในร้าน และหล่อนก็เห็นเขาถือถุงพลาสติคสีเข้มที่คุ้นตา ก็รู้ว่ามาร์คัสคงแวะร้านขายเทปและซีดีเพลงก่อนมาหาหล่อน ภวาวดีเห็นสายตา แน่วนิ่งอย่างจับจ้องของเพื่อนสาว หล่อนก็เหลียวมองจากตำแหน่งที่นั่งด้านข้าง

"คุณมาร์คอะซัน" หล่อนเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยเสียงกระซิบ

"ฮื่อ" เพื่อนสนิทก็ทำเสียงในลำคอแทนการรับรู้

ผู้มาเยือนหยุดเท้าที่โต๊ะของพวกหล่อนและเปิดรอยยิ้มให้ สองสาววางมือจากช้อนส้อมชั่วคราวและยิ้มตอบให้เขาปานกัน

"ว้า ทานอาหารก็ไม่ยอมรอผม" เขาแสร้งตำหนิอย่างไม่ใส่ใจพลางทรุดตัวนั่งตรงข้ามกับสณาจิณห์

"ถ้าเราสองคนรู้ว่าคุณมาร์คจะมา ก็จะรอค่ะ" ภวาวดีหัวเราะน้อยๆ

"อย่าเพิ่งทานหมดนะครับ รอผมด้วย" พูดจบเขาก็สั่งอาหารกับเจ้าของร้านโดยตรง

คนรักของธัชรัตน์พงศ์กวักมือเรียกพนักงานของหล่อน เด็กสาวก็เดินเข้าไปหาและรับรายการอาหารจานเดียวจากหญิงสาว

"รอสักครู่ค่ะคุณมาร์ค รับรองรอไม่นาน" ภวาวดียิ้มละไม

"ครับผม" บอกอย่างล้อเลียน

"ลมอะไรหอบคุณมาร์คมาคะ" หญิงสาวอีกคนถาม

"ผมมีธุระกับคุณครับ อยากให้คุณช่วยทำนาย" คนตอบเอ่ยตามจริง

"หลังทานอาหารน่าจะสะดวกต่อเราทุกคนค่ะ" เจ้าตัวบอกเสียงเรียบเรื่อย

ทั้งสามใช้เวลาทานอาหารในช่วงสั้นๆ สณาจิณห์ก็เดินนำมาร์คัสขึ้นชั้นลอยเพื่อการทำนาย

"ท่าทางคุณมาร์คมีเรื่องคิดไม่ตก"

"ครับ ผมเลือกไม่ได้ระหว่างสิ่งที่อยากทำ กับสิ่งที่ควรทำ" เขาไม่ยอมอธิบายขยายความ ท่วงท่านั่งสบายๆขัดกับสีหน้าที่บ่งชัดถึงความกลัดกลุ้มใจ

ขั้นตอนต่างๆผ่านพ้นก็ถึงคราวที่ 'แม่หมอ' ต้องเปิดหน้าไพ่ทั้งหมด ไพ่สิบใบที่วางตำแหน่งต่างๆและปรากฏแก่สายตาก็กระตุ้นความอยากรู้ของมาร์คัส ถ้าเขารู้ความหมายของไพ่สักนิดก็คงดี

หัวคิ้วของ 'แม่หมอ' ขมวดมุ่น กระทั่งชะตาชีวิตของเขาก็ยังไม่พ้นต้องเกี่ยวพันกับหล่อนและโจนาธาน แต่ในฐานะของผู้ร่วมชะตากรรมที่ต้องพลอยเดือดร้อนเพราะหล่อนเป็นต้นเหตุ หล่อนจำได้ว่าครั้งแรกที่เขารับคำทำนาย หล่อนก็เคยบอกเขาเช่นนี้ หนนี้คำทำนายส่วนดังกล่าวยังคงอยู่ แสดงว่าเรื่องร้ายยังไม่จบอย่างที่หล่อนตระหนักรู้

หล่อนเงียบเสียง มาร์คัสก็เรียกขานอย่างขอคำอธิบาย

"คุณซันครับ"

หญิงสาวยิ้มไม่ออก แต่ยอมเผยคำทำนาย

"คุณควรจะทำในสิ่งที่ควรค่ะ ถึงจะรู้สึกขัดอกขัดใจอยู่บ้าง แต่การกระทำของคุณจะทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจ พวกท่านจะมีความสุขถ้าเห็นอนาคตที่ดีของคุณ ที่สุดงานจะค่อยๆแทรกซึมและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่คุณยอมรับ"

สณาจิณห์สมเป็นนักพยากรณ์มืออาชีพ…เขารำพึงในใจ ขนาดเขาไม่ได้ออกปากพาดพิงถึงบุพการี หล่อนก็ยังทราบ

"คุณจะได้ทำงานในบริษัทและเป็นผู้ถือหุ้นจำนวนไม่น้อย"

"หุ้นของคุณพ่อ…จำนวนน้อยนิด" คนพูดยักไหล่

"ซันขอยืนยันค่ะว่าคุณจะได้ถือหุ้นตามจำนวนที่ซันบอก"

ความจริงจังที่ฉายชัดบนใบหน้าของหล่อนทำให้เขาไม่กล้าขัด

"พักนี้ขอให้คุณระวังเรื่องร้ายแรงสักหน่อย"

"ร้ายแรงขนาดไหนครับ"

หญิงสาวทอดถอนใจ

"ถึงชีวิตค่ะ"

"อย่าบอกนะว่าผมจะเจอกรณีเดียวกับโจน่า"

"ไม่เชิงค่ะ ถึงเวลาคุณก็จะรู้" หล่อนเลือกที่จะตอบแบบเลี่ยงๆ เกรงว่าหากเอ่ยออกมาจะยิ่งรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องร้ายแรงที่เขาต้องประสบ

"เอาล่ะครับ ถึงเวลาผมก็จะรู้ งั้นผมก็จะไม่ซักไซ้"

ใช้เวลาเกือบสิบนาทีก็เสร็จสิ้นการทำนาย มาร์คัสขอตัวกลับทิ้งให้ 'แม่หมอ' ปริวิตกกับสถานการณ์อันใกล้

ด้านหนึ่งของห้างสรรพสินค้าหญิงสาวร่างระหงในชุดทันสมัยที่เดินเพียงลำพังก้าวย่างเร็วๆด้วยความรีบร้อนเพื่อมุ่งหน้าไปที่ร้านเรือนทิพย์ ในมือมีถุงพลาสติคที่ใช้อำพรางสิ่งของสำคัญที่อยู่ภายใน หล่อนเดินถึงหัวมุมหักเลี้ยวก็เป็นจังหวะที่ยกแขนข้างที่มีนาฬิกาเรือนทองขนาดเล็กประดับ ส่วนที่เป็นหน้าปัดบอกเวลามีเพชรเม็ดเล็กๆฝังอยู่แทนตัวเลขทั้งสิบสอง หล่อนก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อเขม้นมองดูเวลาทำให้ไม่ทันสังเกตหรือแม้แต่แลเห็นทิศเบื้องหน้าถนัดตานัก ยังผลให้เกิดเหตุปะทะกับชายหนุ่มผู้มีดวงตาเลื่อนลอยอย่างคนที่หมกมุ่นครุ่นคิดโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง และเนื่องด้วยเขามีระดับฝีเท้าทัดเทียมกับหล่อนทำให้คนทั้งสองเดินชนกันโดยแรง ถุงพลาสติคหลุดจากมือของหญิงสาวผู้สูญเสียการทรงตัวชั่วขณะ ตัวหล่อนซวดเซจวนเจียนจะล้ม ฝ่ายชายทรงตัวได้ดีกว่า แต่ของในมือก็ยังตกสู่พื้น เขาไม่สนใจของ กลับปราดเข้าใช้มือใหญ่ช่วยจับยึดตัวหญิงสาวให้ทรงตัวด้วยความว่องไว คำกล่าวขอโทษขอโพยออกจากปากเขาและหล่อนเป็นเสียงเดียวพร้อมกับเอ่ยให้อภัยต่อกันอย่างง่ายดาย

"ขอบคุณค่ะที่ช่วยฉันไม่ให้ล้ม"

"ไม่เป็นไรครับ" พูดจบเขาก็ปล่อยมือจากต้นแขนของหล่อน

จากนั้นต่างคนต่างก็ก้มตัวลงเก็บของของตนอย่างรวดเร็วโดยไม่รีรอแล้วต่างคนต่างออกเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยกเว้นความชื่นชมกับรูปร่างหน้าตาที่ฝ่ายหญิงมีต่อชายหนุ่มที่เป็นความชื่นชมอย่างธรรมดาสามัญของบุรุษเพศ

ภวาวดีที่อยู่หลังเคาน์เตอร์เป็นคนแรกที่เห็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย หล่อนส่งยิ้มอย่างยินดีต้อนรับ เจ้าของร่างสูงโปร่งและมีสัดส่วนเป็นที่ต้องตาต้องใจเพศตรงข้ามก็ปรับระดับฝีเท้าก้าวเดินอย่างสง่าก่อนทักทายอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม

"ดีจ้ะวดี จามรกานต์" ผู้มาเยือนยืนอยู่ต่อหน้า

"ดีจ้ะกิ๊ก ฉันยังใช้นามสกุลเดิม ไม่ใช่จามรกานต์ของโก้เขา"

"เหรอยะ แกเป็นคู่หมั้นของโก้ก็เท่ากับเป็นภรรเมียเขาครึ่งตัว นามสกุลแกเป็นจามรกานต์ครึ่งนึงแหละย่ะ"

"ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนปากคอยังเหมือนเดิม"

"แหม ฉันมันพวกจริงใจ ถ้าให้แหลใส่ใครก็จะรู้สึกเหมือนผื่นจะขึ้น"

"นิสัยดี๊ดีเนอะ" เป็นเสียงของคนที่เพิ่งออกจากห้องน้ำที่เผอิญแว่วเสียงของผู้มาเยือน

"ไงยะนังนิสสันซันนี่"

"'ของ' อยู่ไหนยะนังกิ๊ก" คนถามขยับยืนใกล้กับอีกฝ่าย

"ต๊าย จะทักเพื่อนเป็นไม่มี ห่วงแต่แฟน เจอหน้าเพื่อน แกก็ดันถามหา 'ของ'"

"ก็เรื่องมันกำลังเข้าขั้นวิกฤต"

"น่าจะห่วงเพื่อนนะยะเพราะตะกี้ฉันเดินชนกับหนุ่มคนนึงอย่างจัง"

"เขาสึกหรอหรือเปล่า" ภวาวดีถามยิ้มๆ

"ฉันย่ะที่ต้องสึกหรอ"

"อย่างแกเหรอจะสึกหรอ" สณาจิณห์หัวเราะร่วน

"ฉันก็ผู้หญิง ออกจะบอบบาง"

คนฟังทั้งสองประสานเสียงหัวเราะ

"พวกแกนี่นะ" คนพูดแยกเขี้ยวใส่

"ว่าแต่หนุ่มคนนั้นหล่อไหม" คนรักของธัชรัตน์พงศ์เสเปลี่ยนเรื่อง

"หล่อกระชากใจ เสียดายที่ฟ้าไม่เป็นใจเพราะดูเหมือนทั้งฉันทั้งเขาจะรีบทั้งคู่"

"จบเรื่องไร้สาระของแก เรื่อง 'ของ' ของฉันว่าไงยะ" สณาจิณห์ทวงถาม

"อะ เอาไป" คนพูดยื่นส่งถุงพลาสติคให้ฝ่ายหลังด้วยท่าทางเหมือนรำคาญ

"ใช่สิ เรื่องของฉันไร้สาระ เรื่องของแกสำคัญกว่า" เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยพูดต่อด้วยสุ้มเสียงน้อยอกน้อยใจที่เสแสร้งเต็มที่

"จะหลอกใครก็หลอกไป แกอ้าปากทีฉันกับวดีก็รู้หมด" 'แม่หมอ' แสร้งเอ่ยเสียงเข้ม

"ย่ะแม่คุณ ไอ้ที่แกบังคับให้ฉันทำ ฉันก็ทำอย่างที่แกสั่งทุกอย่าง พอเห็นว่ามีสัญญาณโทร.เข้า-ออกหมายเลขโทรศัพท์บ้านหลังที่แกบอก ฉันก็จัดการให้ อ้อ มีของแถม ซีดีเพลง ฉันซื้อมาฟังละ เพราะดี เลยอยากให้แกฟังบ้าง"

"ขอบใจเพื่อนรัก" สณาจิณห์แทบถลาเข้ากอดเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ฝ่ายหลังยกมือในท่าห้าม

"หึย พิศวาสตายล่ะ อย่ากอดเชียว แค่นึกก็ขนลุก ฉันน่ะยอมให้หนุ่มๆกอดเท่านั้นย่ะ"

ภวาวดีหัวเราะเบาๆ

"ฉันมีเวลาน้อย ต้องรีบไปทำงาน ทีแรกว่าจะมาทานข้าวกับพวกแก คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวจะคุยกันยาว ฉันเลยทานข้าวละค่อยมา"

"น่าจะอยู่คุยกันนานๆ" สณาจิณห์ทำหน้ามุ่ย

"ไว้มีเวลากะโอกาสเถอะย่ะ ฉันต้องเอาซีดีคืนแหง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เห็นหน้า"

"ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เมื่อไหร่จะมีสุดที่รักยะ" ภวาวดีถาม

"หล่อนๆไม่รู้อะไร แค่ฉันกระดิกนิ้ว ขี้คร้านผู้ชายจะวิ่งเข้าใส่"

"ที่วิ่งเข้าใส่น่าจะเป็นแก พวกผู้ชายคงวิ่งหนีมากกว่ามั้ง" สณาจิณห์พูดจาค่อนแคะ

"นังนิสสันซันนี่ ฉันอุตส่าห์ทำงานที่แกสั่ง ยังจะแขวะกันอีก"

"แกมาคราวหน้าฉันจะเลี้ยง"

"วดี แกเป็นพยานล่ะ"

"จ้า" ภวาวดีลากเสียงอย่างขบขัน

"ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้รายละเอียดของเรื่องที่แกกำลังสืบเสาะเพราะแกเล่นบอกนิดเดียว ยังไงฉันก็อยากอวยพรให้แกโชคดี" เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเอ่ยกับ 'แม่หมอ' โดยตรง

"ขอบใจ"

"ฉันต้องไปล่ะ วดี ซัน"

เพื่อนทั้งสองพยักหน้ารับรู้ อีกฝ่ายก็หันหลังจากไป

"ซัน ขอฉันฟังด้วยคน" ภวาวดีออกปากแทบจะในทันใด

สณาจิณห์เปิดปากถุง หล่อนหยิบซีดีออกมากลับกลายเป็นของใหม่ที่ห่อหุ้มด้วยพลาสติคใส ทว่าไม่มีเทป!

รถยนต์ของมาร์คัสติดไฟแดงอยู่ที่สี่แยก เขาคิดอะไรเรื่อยเปื่อย พอนึกถึงของที่ซื้อ เขาก็เอื้อมมือซ้ายหยิบถุงพลาสติคที่วางบนเบาะที่นั่งข้างตัวมาเปิดปากถุง หน้าผากย่นน้อยๆอย่างรู้สึกถึงสิ่งผิดแปลก เขาซื้อเฉพาะซีดี ในถุงกลับมีเทปติดมา มือขวาละจากพวงมาลัยเพื่อหยิบของในถุง ผลปรากฏอย่างชัดเจนว่าถุงนี้ไม่ใช่ของเขา ชั่ววินาทีก็เกิดแสงสว่างวาบในหัว แน่ชัดว่าถุง ของเขาต้องสลับกับของผู้หญิงที่เขาเดินชนในห้างสรรพสินค้าอย่างแน่นอน แล้วสายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับกระดาษกาวที่มีตัวหนังสือเขียนด้วยหมึกสีแดงโดดเด่นซึ่งติดอยู่บนปกของม้วนเทป 'Top Secret Of Sun' ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิดก็ชัดว่าม้วนเทปเกี่ยวข้องกับคนชื่อซัน ชื่อที่คุ้นความรู้สึก เขาถือวิสาสะนำม้วนเทปใส่ในเครื่องเล่นอันเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์ ซีดีวางทับถุงและอยู่บนเบาะดังเดิม

สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว พาหนะเคลื่อนตัวจังหวะเดียวกับม้วนเทปเริ่มเล่น เสียงสนทนาที่คุ้นหูก็เข้าสู่โสต คนฟังย่นหัวคิ้ว ความเครียดเคร่งอย่างยิ่งก็ให้บังเกิด เขากำลังรับรู้ความลับที่ชั่วร้ายของญาติถึงสองคน ชายหนุ่มผมทองไตร่ตรองก็ค้นพบว่า 'Sun' ที่ระบุจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากสณาจิณห์ที่ยังคงสืบหาความจริงบางประการ

'แม่หมอ' กับเพื่อนสนิทคาดเดาจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็คิดเห็นตรงกันว่าคงจะเกิดการสลับสับเปลี่ยนข้าวของในตอนที่เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเดินชนกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ความยุ่งยากทำให้พวกหล่อนปรึกษาหารือด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด ใครได้ม้วนเทปไป เขาจะรู้ไหมว่าเป็นม้วนเทปดักฟังทางโทรศัพท์ พวกหล่อนมองหน้ากันด้วยใจที่นึกภาวนาขออย่าให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ เพียงชั่วแล่นก็พลันเกิดมีบางสิ่งสะกิดความทรงจำของสณาจิณห์และลางสังหรณ์ก็มีส่วนช่วยให้หล่อนทบทวนถ้อยคำเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่องที่ออกจากปากของเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มที่เพื่อนของหล่อนเดินชน…มาร์คัส! เขาถือถุงแบบเดียวกันนี้ 'แม่หมอ' มั่นใจว่าต้องใช่เขา! หล่อนยิ้มอย่างโล่งใจ ก่อนที่หล่อนจะเอ่ยกับภวาวดี โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงขัด เจ้าตัวเห็นเลขหมายของญาติผู้พี่ของโจนาธาน หล่อนก็กรอกเสียงอย่างยินดีเป็นเชิงถามไปตามสัญญาณ

"คุณมาร์ค ซันมีเรื่องอยากถามคุณค่ะ"

"ผมก็คิดว่าเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกันครับ"

"เรื่องสำคัญอะไรคะ" หญิงสาวสะกดกลั้นความลิงโลดไว้และให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มเรื่องอย่างรักษามารยาท

"ผมคิดว่ามีของที่คุณต้องการ"

"ค่ะ ซันก็คิดว่าคุณมี"

และหล่อนก็เป็นฝ่ายบอกเล่าอย่างคร่าวๆถึงข้อสันนิษฐานที่ถูกต้องอันเป็นเหตุให้ข้าวของเกิดการสับเปลี่ยน

"ของของคุณก็อยู่กับซันค่ะ คนที่เดินชนกับคุณชื่อกิ๊ก เป็นเพื่อนของซันกับวดีค่ะ" หล่อนพูดปิดท้ายคำบอกเล่า

"ซีดีเพลงนั่นไว้ผมจะไปเอาทีหลัง ฝากไว้ที่คุณก่อน ตอนนี้ผมมีเรื่องต้องถามคุณ เรื่องม้วนเทป ผมเห็นชื่อคุณก็เกิดอยากรู้ ขอโทษนะครับที่ผมฟังเทปโดยไม่ได้รับอนุญาต"

"เอาเถอะค่ะ ถึงไงซันก็ให้เพื่อนทำเรื่องที่ผิด และยังไม่ได้ฟังเทปด้วย ว่าแต่คุณมาร์คก็รู้แล้วสิคะว่าเรื่องอะไร"

"ครับ" เขาตอบด้วยสุ้มเสียงติดจะห้วน

หญิงสาวรับรู้ความไม่พอใจจากปลายสาย

"ขอโทษจริงๆค่ะที่ซันปิดบังคุณ ซันคิดว่าใครๆก็ต้องเชื่อกับฉากใหญ่ที่คุณลอเรนซ์ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์กลับต้องรับเคราะห์จนเสียชีวิต ถ้าซันเกิดพูดถึงข้อสงสัย คงไม่มีใครเชื่อ ซันก็จำเป็นต้องลงมือสืบตัวคนเดียวและก็ไม่อยากให้ใครพัวพัน ยิ่งไม่อยากให้ใครต้องเผชิญกับอันตราย มันเสี่ยงเกินไปค่ะ"

"เรื่องร้ายแรงที่คุณทำนายหมายถึงเรื่องนี้" เขาปรารภ

"วดีเป็นอีกคนที่คาดคั้นให้ซันต้องพูด ขอร้องคุณมาร์คอย่าเพิ่งบอกคุณโจน่านะคะ"

"เขาเป็นแฟนคุณ เขาก็ควรรับทราบครับ และควรมีส่วนเพราะเขาเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆต้องทำเรื่องสุ่มเสี่ยง"

"คุณมาร์ค" หล่อนคราง

"ให้โจน่ารู้เพื่อคอยระวังตัว คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว และผมจะช่วยพวกคุณอีกแรง" เขาเสนอตัวด้วยความห่วงกังวล

ภวาวดีมองหน้าเพื่อนสาว หล่อนก็แลเห็นสีหน้าเหมือนคนตกที่นั่งลำบากของอีกฝ่าย มือเรียวยื่นไปกุมมือของเพื่อนสนิทและบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ สณาจิณห์ก็ฝืนยิ้มอย่างยากเย็น

"ตกลงว่าคุณมาร์คจะบอกคุณโจน่าใช่ไหมคะ" หล่อนย้ำถาม

"ครับ" คำตอบจากปลายสายหนักแน่น

"ผมจะใช้ความระมัดระวังให้มาก" เขาพูดต่อและตัดสัญญาณอย่างกะทันหันโดยไม่รอฟังถ้อยคำใดๆจาก 'แม่หมอ'

หญิงสาวทอดถอนใจลึก…ยาว… มาร์คัสดึงดันจะทำอย่างที่เขาเห็นสมควรและหล่อนก็ไม่อาจห้าม หวังเพียงเขาจะไม่ทำพลาดให้ฝ่ายตรงข้ามล่วงรู้และขอให้เขาเกลี้ยกล่อมให้โจนาธานยอมรับฟังสำเร็จ

"คุณมาร์คจะทำอะไรเหรอซัน" ภวาวดีถามคนเป็นเพื่อนเพราะหล่อนจับใจความได้เพียงกระท่อนกระแท่น

แวววิตกฉายชัดในดวงตาของคนถูกถาม

"เขาจะโดดเข้าร่วมวงและจะเอาเทปให้คุณโจน่าฟัง" น้ำเสียงเนือยเนิบบอกเพื่อนสนิท

"เขาแค่อยากช่วยเธอ เป็นฉัน ฉันก็อยากโดดร่วมวงเต็มตัวเพราะห่วง แต่เธอกันฉันออกนอกวงเสียนี่" คนพูดออกอาการแง่งอนกึ่งตัดพ้อ

"ฉันห่วงเธอ เธอก็ห่วงฉัน ถือว่าเราต่างเข้าใจกันและกัน คุณมาร์คเอาเทปไปโดยที่ไม่กลัวว่าจะตกถึงมือคนที่ไม่พึงประสงค์" 'แม่หมอ' เอ่ยขรึมๆ

"เธอมีเทปสำรองหรือเปล่า ถ้าม้วนเดียวก็ถือว่าขาดความรอบคอบ" ภวาวดีจ้องหน้าคนเป็นเพื่อน

เป้าสายตาส่ายหน้าแทนคำตอบ

"ซัน!" เพื่อนสาวเรียกขานอย่างตื่นตระหนก

"ล้อเล่น ฉันให้กิ๊กอัดเผื่อกรณีฉุกเฉิน อยู่ที่กิ๊กม้วน ให้ฉันม้วน สบายใจได้"

คนฟังถึงกับถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างมีอารมณ์

"ขอโทษจ้าวดี" สณาจิณห์ทำหน้าทะเล้น

"หน้าสิ่วหน้าขวานยังทำเป็นเล่น" เพื่อนสนิทตำหนิ

"เห็นฉันทำเล่น จริงๆเครียดต่างหาก ฉันกลัวคุณเอริคกับน้องจิลจะรู้เรื่องเทป คุณมาร์คก็จะตกอยู่ในอันตรายพอๆกับคุณโจน่า"

"คิดแผนอะไรมั่งหรือยัง"

"ไม่มีแผน ถ้าวิกฤตจริงก็ต้องเสี่ยงแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ากันหน่อย"

"เธอสังหรณ์หรือเห็นภาพบ้างไหม"

"เห็น แต่เธออย่ารู้จะดีกว่า ต่อให้บีบคอฉัน ฉันก็จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น" คนพูดยืนกราน




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2550
0 comments
Last Update : 7 กรกฎาคม 2550 13:22:08 น.
Counter : 309 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.