Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2548
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
4 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 

ตอนที่๖ ครึ่งหลัง

คนที่ใช่คือเธอ
ตอนที่๖ ครึ่งหลัง
โจนาธานอยากส่งมอบหน้าที่สารถีคืนให้ญาติผู้พี่ ถึงเวลาเลิกงานเขาก็โกหกนิสิตสาวว่านัดพบกับเพื่อนเก่าและให้หล่อนติดรถไปกับมาร์คัส ราจารีย์ไม่ว่ากระไร ดูเหมือนหล่อนจะว่าง่ายกว่าเดิม หนำซ้ำยังไม่ทักท้วงหรือคัดค้านแต่อย่างใดจนชายหนุ่มนึกสงสัย และพอเข้าพบญาติผู้พี่ก็ได้รับทราบความจากอีกฝ่ายถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ความคาดหมายในทางที่ดีส่องสว่างให้เห็นอยู่เบื้องหน้า ไม่เสียแรงที่เขากับภรรยาเชื่อมั่นในตัวมาร์คัส อย่างไรก็ต้องทะลวงกำแพงที่ราจารีย์สร้างห่อหุ้มจิตใจสำเร็จ

มาร์คัสขับรถยนต์ด้วยสีหน้าเบิกบานเพราะมีนิสิตสาวเป็นผู้โดยสาร ท่าทีของหล่อนอ่อนลงและเป็นธรรมชาติ ปราการที่ขวางกั้นคล้ายค่อยๆทลายลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เขารู้ว่าต้องใจเย็นและให้เวลาหล่อน หน้าที่ชวนคุยจึงตกเป็นของเขาโดยปริยาย ราจารีย์ก็ยอมพูดจาดีๆทำให้ชายหนุ่มผมทองยิ่งรู้สึกราวกับหัวใจพองโต เป็นช่วงเวลาที่มีค่าและเขาตั้งมั่นว่าจะไม่ทำสิ่งใดให้ต้องผิดพลาดอีกเป็นเด็ดขาด บทเรียนที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าต้องระวังแค่ไหน

"จ๋า อยากแวะที่ไหนบ้างไหม" คำถามเอาใจ น้ำเสียงเริงรื่น

"ไม่ล่ะค่ะ" ถ้อยปฏิเสธนุ่มนวล

หล่อนแทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีท่าทีที่แปรเปลี่ยนถึงเพียงนี้ อะไรบางอย่างในตัวเขาที่ทำให้หล่อนหายเคืองขุ่น อาจเป็นกิริยา ท่าทางของเขากระมังที่ต่างจากผู้ชายบางคนที่หล่อนเคยพบ เขาไม่ใช่ชายหนุ่มที่ชอบแทะโลมผู้หญิง แต่ให้เกียรติและมีความอ่อนโยน ถ้าสังเกตไม่ผิด เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตนอย่างมาก หากสิ่งที่อยู่ในใจของหล่อนลึกๆนั่นต่างหากที่ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึก ขณะนี้ที่อยู่ใกล้เขา ใจก็สั่นไหวน้อยๆอย่างที่ไม่เคยเกิดแม้แต่กับผู้ชายคนใด ชายหนุ่มร่วมเรียนมหาวิทยาลัยเคยตามจีบ หล่อนเพียงรู้สึกเฉยๆ ไม่มีใครพิเศษพอที่หัวใจจะยอมรับ…ต่างจาก 'เขา'

"ถ้าคุณอยากแวะก็ตามสะดวกนะคะ" หล่อนเปิดปาก

"พี่ไม่อยากแวะ ขอส่งจ๋าถึงที่พักโดยสวัสดิภาพดีกว่า" เขายิ้มพราย ทว่านึกบางสิ่งขึ้นได้

"จ๋าไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอ"

คนฟังย่นหน้าผากและหันมองเขา ฝ่ายหลังชะลอความเร็วของพาหนะเพราะสัญญาณไฟจราจรสีแดงที่เห็นอยู่เบื้องหน้าก่อนสบตากับร่างบางตรงๆ

"พี่อยากรู้" ถ้อยคำจริงจังและเคร่งขรึม

หล่อนส่ายหน้าแทนคำตอบเกือบทำให้หัวใจของเขาต้องห่อเหี่ยว แต่ความพยายามเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จ

"คุณล่ะคะ เห็นพี่อรถาม" ราจารีย์ย่นจมูกเหมือนเล่นแง่

คนมองหัวเราะอย่างเอ็นดู

"พี่น่ะเหรอ อืม ยังไม่เจอคนที่ใช่สำหรับตัวเองมั้ง ที่ผ่านๆมาไม่เห็นจะใช่สักคน"

"ดิฉัน…" หล่อนพูดยังไม่ทันจบ เขาก็เอ่ยขัด

"เลิกใช้คำแทนตัวแบบนั้นเถอะ ฟังไม่เหมือนคนรู้จักเลย" ถ้อยทีเล่นทีจริง

นิสิตสาวพ่นลมหายใจแรงๆ

"ก็ได้ค่ะ"

เขายิ้มชวนให้หล่อนรู้สึกใจกวัดแกว่ง

"พูดต่อสิจ๋า"

"จ๋าคิดว่า เมื่อไหร่ที่เจอคนที่ใช่ ก็เมื่อนั้น ไม่เสาะแสวงหา ถึงเวลาเขาก็มาเองค่ะ"

"ปล่อยไปตามลิขิต" คำพูดเป็นเชิงถาม

"ค่ะ ถ้าเป็นเนื้อคู่ก็ต้องพบกันสักวัน"

มาร์คัสกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ

"เชื่อเรื่องเนื้อคู่ด้วยเหรอ"

ดวงตาคู่สวยของราจารีย์เริ่มขุ่น ชายหนุ่มจำต้องรีบแก้ความ

"พี่หมายถึง จ๋าเชื่อหรือ คือ…แรกๆ พี่ไม่เชื่อนะ แต่พักหลังๆชักจะเชื่อ"

"เชื่อค่ะ" หล่อนตอบคำถามที่ค้างคา

"คุณซันเคยทำนายเรื่องเนื้อคู่ให้จ๋าหรือเปล่า" เป็นอีกเรื่องที่เขาใคร่รู้

"จ๋าจำไม่ได้ค่ะ นานมากแล้ว"

"เสียดายจัง" มาร์คัสปรารภเสียงแผ่วเบา

สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนสีนิสิตสาวก็เอ่ยกับเขา

"พี่มาร์คคะ ไฟเขียวค่ะ"

รถยนต์คันหนึ่งติดไฟแดง แต่คนที่นั่งอยู่ด้านในมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องไปโรงพยาบาล ถ้าเพียงไม่บังเอิญขับรถมาติดสัญญาณไฟในช่วงที่เปลี่ยนจังหวะเส้นทางเดินรถด้วยเหตุที่สภาพการจราจรติดขัดอย่างเหลือร้ายเสียก่อน เสียงร้องคร่ำครวญของภรรยารุมเร้าและส่งให้เขาร้อนรุ่มระคนกระวนกระวายใจ การตัดสินใจอย่างเฉียบพลันก่อเกิด

เขาลงจากพาหนะไปเปิดประตูอีกด้านและประคองภรรยาให้เดินไปด้วยกัน ลัดเลาะช่องว่างระหว่างรถคันอื่นๆ แต่ภรรยาเจ็บครรภ์เกินทนไหว หล่อนหยุดเดินและงอตัว สามีเหลียวมองรอบๆพลางร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างร้อนใจ หากคนส่วนใหญ่ต้องการหลุดออกจากท้องถนนหลวงโดยเร็วและมุ่งสู่บ้านของตนมากกว่าจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ

มาร์คัสเห็นเหตุการณ์และด้วยวิสัยก็ทำให้ต้องทำผิดกฎจราจร เขาจอดรถยนต์ริมทางเท้าที่ทาสีแดง-ขาว ราจารีย์รู้สึกงุนงง แต่สายตาสะดุดเข้ากับผู้หญิงท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีกับสามี หล่อนก็เข้าใจ

คนทั้งคู่เข้าช่วยคู่สามีภรรยาโดยการพาพวกเขาเข้านั่งในรถยนต์และรับปากจะส่งที่โรงพยาบาล จากนั้นมาร์คัสก็เร่งความเร็วเพื่อให้ถึงที่หมายที่ใกล้ที่สุด

คนตั้งครรภ์เข้ารับการผ่าตัดในห้องคลอด สามีของหล่อนก็รอคอยอยู่ด้านนอกและไม่ลืมขอบอกขอบใจคู่หนุ่มสาวที่มีน้ำใจ นอกจากนี้พวกเขายังอยู่เป็นเพื่อนคนที่กำลังจะเป็นพ่อคนเพื่อคอยให้กำลังใจ กระทั่งทารกคลอดอย่างปลอดภัยพวกเขาก็กล่าวอำลากับพ่อของเด็ก

เป็นเหตุการณ์ตื่นเต้นระทึกขวัญในนาทีที่ชีวิตจวนเจียนถือกำเนิดและเกือบผิดสถานที่อันอาจมีผลให้ทั้งแม่ทั้งลูกได้รับอันตรายถึงชีวิต ราจารีย์มองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มผมทองอย่างชื่นชมคละเคล้ากับความรู้สึกประทับใจที่เขาตระหนักถึงความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ ตัวเขาก็ยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจและไม่ทันรับรู้สายตาของร่างบางข้างตัว

พาหนะจอดสนิทที่หน้าหอพัก ราจารีย์ก็เอ่ยถ้อยความที่คนฟังต้องประหลาดใจ

"ขอบคุณค่ะพี่มาร์ค"

"จ๋า ตะกี้จ๋าว่าไงนะ"

คนถูกถามยิ้มละไมพลางส่ายหน้า

"พี่มาร์คได้ยินแล้วนี่คะ"

"พี่นึกว่าตัวเองฟังผิด"

หล่อนหัวเราะคิก

"บาย จ๋า" คนพูดโบกมือ

"ค่ะ บาย"

รถยนต์ยังจอดอยู่ที่เดิมและเขาก็ไม่คิดจะขยับขับเคลื่อนอย่างคำกล่าวลา

"เอ่อ…"

"อะไรคะ"

"พรุ่งนี้ พี่มารับได้ไหม"

หล่อนแสร้งทำหน้าเหลอ

"จริงอยู่ จ๋าไปบริษัทเองทุกวัน แต่…" มาร์คัสออกอาการกระอึกกระอักเพราะไม่รู้จะกล่าวอ้างอย่างไร รู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง ก็เขาไม่ใช่ชายหนุ่มรุ่นที่จะต้องรู้สึกกระดากหรือจนมุมเอาง่ายๆต่อหน้าสาวเจ้าสักนิด

"คะ" ขานเป็นเชิงทวงถามพร้อมกับจ้องเขาด้วยดวงตาใสซื่อ

"เอาเป็นว่าพี่อยากมารับ" เขาบอกหน้าตาเฉย

คนฟังทำท่าคิดหนัก

"จ๋ากลัวคนอื่นเข้าใจพี่มาร์คผิดค่ะ พี่มาร์คเป็นถึงผู้บริหาร พนักงานจะนินทาเอานะคะ" คำตอบบ่ายเบี่ยง

"ไม่เห็นแคร์" เสียงหนักๆเอ่ย

"หรือจ๋าแคร์ใคร" ถ้อยกล่าวหา

ราจารีย์รู้สึกอ่อนใจกับผู้มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ที่เอาแต่ใจคล้ายลดอายุสักหลายสิบปี

"จ๋าต้องแคร์อยู่แล้วค่ะ ก็จ๋าเป็นผู้หญิง" หล่อนพูดชัดเจน

"พี่ขอโทษที่ไม่ทันคิด"

ริมฝีปากบางของนิสิตสาวคลี่ยิ้มน้อยๆ

"งั้น พี่ไปล่ะครับ"

"ค่ะพี่มาร์ค ขับรถระวังๆนะคะ"

เขาพยักหน้าอย่างรับรู้

พาหนะออกพ้นประตูโดยมีสายตาของร่างบางมองส่งด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่จางหาย ชายหนุ่มผมทองที่แลกระจกหน้าเห็นเจ้าหล่อนก็ยิ้มกว้างอย่างสุขใจ

โจนาธาน สณาจิณห์ และวิลเลี่ยมส์ผู้บิดาของมาร์คัสกับภรรยาที่เยี่ยมเยียนหลานชายกับหลานสะใภ้ก็รับฟังเรื่องราวผ่านเครื่องโทรศัพท์ที่ฝ่ายภรรยาของเจ้าบ้านเป็นผู้กดปุ่มเปิดเสียงให้ได้ยินทั่วถึง ใบหน้าของคนทั้งหมดต่างมีรอยยิ้มบ่งบอกความปรีดาปราโมทย์ เหลือแค่ขั้นตอนของการสารภาพความในใจของคู่หนุ่มสาวที่พวกเขาเอาใจช่วย ทุกอย่างก็จะลงเอยด้วยความสุขสมหวัง และภาวนาขออย่าให้มีสิ่งเลวร้ายกล้ำกรายให้ช่วงเวลาแห่งความสุขที่ทุกคนรอคอยต้องเลื่อนออกไป

********************************
เรื่องช้าๆแต่ใกล้จะจบแล้วค่ะ ถ้ากะไม่พลาดก็น่าจะเป็นตอนที่๗ นะคะ แหะๆ ^^''




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2548
0 comments
Last Update : 4 พฤษภาคม 2548 23:17:22 น.
Counter : 354 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.