ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
1 กันยายน 2555
 
All Blogs
 

จากฟากฟ้าสุราลัย...สู่แดนดิน บทที่ 19 "อุปริยา"











จากฟากฟ้าสุราลัย....สู่แดนดิน "อุปริยา"



....ฉันจะตามไปทั่วฟ้า ทั่วจักรวาลผ่านพื้นผิวแห่งทุกดวงดาว
สุดฟ้าสุราลัย สุดขอบแห่งห้วงมหรรณพ
ขอเพียงแต่ให้เธอรอฉันอยู่ เพื่อพบพาน.......

************************************************


บทที่ 19

อาจารย์ภาณุเลือกทำเลที่จะพอสามารถตั้งแคมป์ชั่วคราวได้ แต่เนื่องจากโขดหินหลายที่ค่อนข้างเป็นหินขรุขระ มีเพียงหินบางก้อนเท่านั้นที่ราบเรียบ แต่ยังพอสามารถให้ตั้งเป็นเพิงที่พักกันแดดกันลมสำหรับตั้งเครื่องมือได้บ้าง

เขาเดินสำรวจรอบๆ บริเวณ แม้จะไม่มีพื้นที่ให้สำรวจมากนักก็ตาม มีเพียงตะไคร่ และต้นหญ้ากระจุกหย่อมๆ ที่ยังสดบ้าง แห้งบ้างขึ้นแทรกอยู่ตามซอกหิน มีแมลง ผีเสื้อ และนกทะเลที่พอจะให้ศึกษาได้โดยรอบ แต่เนื่องจากหินแต่ละก้อนไม่ได้ต่อเนื่องเป็นหินก้อนใหญ่ๆ ทำให้การเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบเป็นไปได้ค่อนข้างยาก

หากความเชื่อของเขาถูกต้อง บริเวณส่วนนี้จะต้องเป็นแนวเขตประตูของอาณาจักรอนินตระปุรา หินเหล่านี้เป็นหินปูน หินทรายที่เกิดใหม่จากแนวสันของเทือกเขาใต้น้ำ รวมถึงแนวต่อเนื่องของภูเขาไฟใต้น้ำ ที่เขาเชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำลายอาณาจักรอนินตระปุราให้จมหายไปในเวลาอันรวดเร็ว

นอกจากนั้นความเชื่อของเขาส่วนตัว และของศาสตราจารย์แวนซิ่งไฮม์ นั้นตรงกันว่า ผ่านจากแนวภูเขาหินนี้ จะต้องมีปล่องถ้ำ หรือโพรงหินใต้ทะเล ที่นำทางให้ไปพบซากของอาณาจักรอนินตระปุรา ซึ่งยังคงอยู่ในสภาพดี ด้วยการปกคลุมของแนวหินเหล่านี้อย่างแน่นอน



กียอง เดฟรีต์ และวิษุวัต เตรียมทีมพร้อมที่จะขึ้นไต่เขาแนวสันผาที่จะไต่ขึ้นไปได้ง่ายที่สุด และใช้เวลาให้น้อยที่สุด ซึ่งก็อยู่ห่างจากเต็นท์ผ้าใบของอาจารย์ภาณุไม่ไกลมากนัก

สำหรับเดฟรีต์ดูจะสนุกสนาน และชื่นชอบกับการไต่เขามากเป็นพิเศษ เขาจึงอาสาเป็นคนแรกที่ขึ้นไป เพื่อดูแนวสันหิน แล้วจึงตามด้วยวิษุวัต ส่วนกียองทำหน้าอย่างเสียไม่ได้ ที่ดูจะไม่ชอบ และไม่ชำนาญการไต่เขาเท่าใดนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ชอบมากกว่าการดำน้ำ แม้ว่าจะมีหญิงสาวที่เขาสนใจอยู่ในทีมนั้นก็ตาม

วิษุวัตคำนวณความสูงกับเวลาคร่าว ๆ กว่าจะขึ้นไปถึงยอดเขาคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 45 นาที แต่แนวหินก็ยังถือว่าไม่โหดนักสำหรับนักไต่เขาสมัครเล่นอย่างเขา เพราะดูจะมีซอกหลืบให้สามารถจับ และเหยียบได้ อีกทั้งเป็นการปีนเขาสำรวจครั้งแรก ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าภูเขาด้านบนจะเป็นสิ่งใด

ดังนั้นการปีนเขาจึงเริ่มต้นขึ้นโดยผู้ที่ปีนในครั้งแรกจึงมีเพียงเดฟรีต์และวิษุวัต โดยมีกียองเป็นผู้ถือเชือกอยู่ด้านล่าง อย่างน้อยมันก็เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวกียอง และเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น ความตื่นเต้นของทุกคนมีไม่น้อยไปกว่ากัน เดฟรีต์เริ่มปีนด้วยความชำนาญส่วนตัว ส่วนวิษุวัตอดหันไปมองน้ำทะเลที่ราบเรียบอีกครั้ง สายลมบาง ๆ โชยมาพร้อมกับกลิ่นทะเลมากมาย ก่อนรวบรวมพละกำลังทั้งหมดสาวตัวตามเดฟรีต์ขึ้นไป



น้ำทะเลเบื้องหน้าใสจนแทบไม่ต้องพึ่งแสงไฟ แต่อธิปกลับรู้สึกประหลาดใจ น้ำบริเวณใกล้กับเทือกเขากลับเย็นกว่าน้ำบริเวณที่เรือจอดอยู่ ในคราวที่ทดสอบกระแสน้ำครั้งแรก ราวกับว่าน้ำทะเลส่วนนี้แสงแดดไม่อาจส่องมาถึง ทั้งๆ ที่อยู่ห่างจากบริเวณเดิมไม่มากสักเท่าไร อธิปว่ายขนาบไปกับชนิกรรดา ในขณะที่วาสโกดา และเปเรสว่ายนำพร้อมถ่ายรูปและอยู่ใกล้บริเวณเทือกเขาใต้น้ำมากที่สุด

กำแพงเทือกเขาใต้น้ำมีหลายสิ่งที่แปลกมากกว่าเขาจะคาดถึง แนวหินทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ราวกับไม่สามารถทายได้ว่าจะสิ้นสุดลงส่วนใด เหมือนแนวประตูหินเก่าแก่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ

อาณาจักรใต้น้ำส่วนนี้ ยิ่งลึกยิ่งเหมือนว่ายลงสู่ดินแดนต่างมิติ เนินทราย โขดหินอยู่รายล้อมไปทั่วบริเวณ อีกด้านกลับหนาแน่นไปด้วยสาหร่าย และไม้ใต้น้ำ ดอกไม้ทะเลรูปร่างแปลกๆ ฟองน้ำสีสันแสบตา ปะการังแข็งยืนต้นกระจายราวกับกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่

ฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อย แม้แต่ทูน่าตัวเขื่องว่ายกรูกันมาอออยู่ใกล้ๆ ทีมดำน้ำ รอบล้อมล้อเล่นโดยเฉพาะกับชนิกรรดา ราวกับว่าปลาเหล่านั้นดีใจ และรับรู้การมาของเธอ ทำให้เขาอดคิดเรื่อยเปื่อยตามประสาตัวเองอีกไม่ได้ว่า นอกจากเป็นเทวีบนฟากฟ้า ชนิกรรดาเทวีอาจเคยเป็นนางเงือกเทวีแห่งมหาสมุทรอีกด้วย


ผ่านไปเกือบสิบนาที แสงสว่างเริ่มริบหรี่ลง อธิปเริ่มใช้ประสาทนำทางด้วยสัญญาณเสียง แสงไฟ และเครื่องมือที่ติดอยู่กับตัวเท่านั้น ปลาเล็กปลาน้อยสีสันแปลกตาอีกฝูงเริ่มกรูเข้ามาวนเวียนอยู่รอบตัวเขาบ้าง จนแทบจะมองหาใครไม่เห็น ใจเริ่มประหวั่นถึงฉลามจะมีมาเพ่นพ่านอยู่บริเวณนี้หรือไม่...

กระแสน้ำอุ่นๆ เริ่มผ่านเข้ามาให้รู้สึก ราวกับมีลมป่วนและน้ำวนเบาๆ อยู่บริเวณนี้ ไม่ต่างกับลมหายใจแรงๆ ของท้องน้ำ แนวหินบางส่วนเริ่มลาดลง มีทรายเพิ่มมากขึ้น วาสโกดาเริ่มว่ายนิ่งๆ ส่งสัญญาณบอกตำแหน่งที่คาดว่าจะมีอุโมงค์ ก่อนว่ายห่างออกไปเพื่อหาแนวอุโมงค์ หรือโพรงช่องใต้ภูเขาหินอีก

แต่ยังไม่ทันที่วาสโกดาจะว่ายผ่านไปไกลนัก เสียงครืดคราดคล้ายๆ อาการเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ เสียงและความรู้สึกคล้ายกับใครบางคนกำลังขยับตัว และสะอึกเบาๆ กลุ่มปลาหลากสีเริ่มแตกฮือจากที่ว่ายชะลออยู่นิ่งๆ หลังจากเสียงสะอึกผ่านไป

น้ำเริ่มกระเพื่อมจากเบาเป็นหนักขึ้นเหมือนการสูดกลับของลมหายใจ น้ำรอบๆ บริเวณเริ่มหมุนวนตีม้วนเหมือนอยู่ในเครื่องตีไข่ใบยักษ์ แรงดึงดูดด้วยมวลมหาศาลเริ่มเพิ่มขึ้นๆ ร่างของเปเรส อธิป และชนิกรรดา หมุนคว้างไปตามรอบที่หมุน ยกเว้นวาสโกดา ที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากพรายน้ำมากมาย และแรงต้านก็เหมือนผลักเขาให้ห่างออกจากรัศมีการดึงดูดนั้น

จากแรงดันของน้ำทำให้น้ำเบื้องหน้าและรอบๆ บริเวณ ขุ่นคลั่กดำมืด เม็ดทรายและซากสาหร่ายใต้ทะเลถูกตีกวนขึ้นมากระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ วาสโกดาไม่สามารถจะต้านทาน กระแสน้ำเริ่มเปลี่ยนทิศทาง และตีส่งเขากลับออกมา จนไม่อาจจะว่ายทวนกลับไปได้ จนเขาต้องตัดสินใจ ว่ายกลับไปที่เรือจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่า ที่จะฝืนทวนกระแสน้ำวนตามคนอื่นๆ เข้าไป

อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าความชำนาญของเปเรสจะรับมือกับกระแสน้ำที่เปลี่ยนกะทันหัน และทำให้มั่นใจได้ว่าตรงบริเวณนั้นต้องเป็นช่องโพรงอุโมงค์ของน้ำที่มาจากในภูเขาอย่างแน่นอน และมีอยู่สองกรณีคือ เมื่อกระแสน้ำสงบ พวกเขาจะกลับออกมาได้ และอีกข้อหนึ่งพวกเขาอาจจะพบถ้ำใต้ทะเลก่อนกำหนด

วาสโกดา และไดแอสยังไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาเท่าไรนัก แม้อาจารย์ภาณุ แวนซิ่งไฮม์จะแสดงสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรับฟังข่าวที่วาสโกดานำมาแจ้ง ทั้งสองคนเชื่อมั่นในฝีมือการดำน้ำทั้งในทะเลลึก และในถ้ำของเปเรสก็ตาม

การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำอาจเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ในบริเวณที่มีโพรงถ้ำ ซึ่งนั่นหมายถึงข้อสันนิษฐานของอาจารย์ภาณุนั้นถูกต้อง อีกทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทางทีมงานเตรียมมาก็พร้อมกับการรับมือเป็นอย่างดี รวมถึงสัญญาณชีวิตในเครื่องก็แจ้งว่าทุกคนก็ยังรวมกลุ่มดีอยู่ ไม่มีสัญญาณของคนใดกระจายหายไป และเมื่อทิ้งช่วงให้กระแสน้ำเป็นปกติแล้ว วาสโกดา และไดแอสจะดำน้ำตามลงไปอีกครั้ง

และจากข้อวิเคราะห์ของแวนซิ่งไฮม์จากแผนที่นำทาง ก็เชื่อว่า หากทีมไต่เขายืนยันว่ามีปล่องถ้ำ ก็ย่อมจะเป็นการยืนยันว่าเส้นทางเข้าสู่ภายในภูเขา ของทั้งสองทีมอาจจะบรรจบกันในที่สุด และนั่นก็หมายถึง อนินตระปุราอย่างแน่นอน


เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เสียงของวิษุวัตเรียกวิทยุติดต่อแจ้งเข้ามาว่า พวกเขาทั้งสามคนมาถึงด้านบนแล้วและข้างบนเป็นเนินผากว้าง และมีปล่องลงไปยังถ้ำด้านล่าง ซึ่งทีมของเขากำลังรอคำสั่งว่าจะไต่ลงไปสำรวจดีหรือไม่

อาจารย์ภาณุลังเลที่จะแจ้งวิษุวัตกับเหตุการณ์ผิดพลาดของทีมดำน้ำ จึงยืนยันให้วิษุวัตสำรวจพื้นที่ด้านบนว่ามีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการตั้งแคมป์ค้างแรมหรือไม่ ซึ่งเขาและแวนซิ่งไฮม์จะตามขึ้นไปสมทบพร้อมกับทีมดำน้ำ

วาสโกดา และไดแอสกลับลงไปใต้น้ำอีกครั้ง ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก วาสโกดาก็มาถึงยังจุดที่เกิดกระแสน้ำวน เขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว พื้นน้ำเบื้องหน้าแม้จะใสขึ้น แต่ก็แปรเปลี่ยนไปเกือบหมด กระแสน้ำนิ่งเรียบ แม้ตำแหน่งพิกัดจะยืนยันว่าเป็นจุดที่มีโพรงใต้น้ำ แต่บัดนี้มันหายไป ไม่มีแม้แต่รอยแยกของช่องหิน กระแสน้ำเท่ากันไม่มีบริเวณใดให้รู้สึกถึงความแตกต่าง

ไดแอสพยายามสำรวจเลยไปอีก เพราะบางครั้งการเกิดกระแสน้ำวนเปลี่ยนทิศทางอาจทำให้ตำแหน่งที่ระบุไว้คลาดเคลื่อน ทั้งคู่พยายามว่ายวนเวียนไปมา อยู่หลายรอบแต่ก็ไม่มีบริเวณใดที่แสดงให้เห็นเป็นจุดที่จะเป็นโพรงจนสามารถเกิดแรงดูดเข้าไปด้านในของแนวหินใต้น้ำได้เลย

คราวนี้ทั้งวาสโกดาและไดแอสเริ่มรู้สึกถึงปัญหาอย่างแท้จริง มันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆ สัญญาณของทั้งสามคนยังแจ้งการมีชีวิตดีอยู่ และอยู่รวมกัน ไม่ได้กระจาย หรือทิ้งห่างกันแต่อย่างใด

แต่อย่างไรก็ตามความกังวลหลายเรื่องๆ ก็ยังปรากฏให้เห็นกับทั้งคู่ และเป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีของการใช้ชีวิตอยู่กับการดำน้ำ เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์ให้กับพวกเขาอย่างที่สุด

“เอาละ เอาละผมเข้าใจ ยังไงก็ตามสัญญาณชีวิตของพวกเขาก็ยังอยู่ และยังเคลื่อนตัวเดินหน้าอยู่ภายใต้ภูเขานี้”

อาจารย์ภาณุตอบกลับวาสโกดา ที่ดูจะหัวเสียกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาคงเริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ควรจะถูกกระแสน้ำตีกลับออกมา เขาควรจะถูกดูดรวมเข้าไปพร้อมกับคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

“พระเจ้าย่อมมีเหตุผลของพระองค์เสมอ”

แวนซิ่งไฮม์เขามาตบไหล่วาสโกดา พร้อมกับเสนอความคิดให้กับอาจารย์ภาณุ เมื่อมั่นใจว่าสัญญาณชีวิตของทีมดำน้ำที่พลัดหายไปยังอยู่ครบ และคงเดินหน้าไปในทิศทางมุ่งเข้าสู่ภูเขา ไม่ใช่ติดนิ่งอยู่กับที่ หรือติดขัดว่ายวนเวียนเพื่อหาทางออกมาจากซอกหิน

อย่างน้อยก็แสดงว่ามีหนทางที่พวกเขาสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าจะว่ายน้ำ หรือพบถ้ำแล้วก็ตาม และเชื่อว่าความสามารถของพวกเขาจะสามารถเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี

“หากเป็นเช่นทั้งสองคนบอก เราควรยุติการหาทางเข้าใต้น้ำ เพราะดูกระแสน้ำจะแปรปรวนได้ และก็ต้องภาวนาให้ทางจากด้านบนบรรจบกับถ้ำใต้น้ำ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ดังนั้นผมว่าเราส่งสองคนกลับขึ้นเรือไปก่อนและเตรียมเสบียงอาหารมาสำหรับพวกเรา สำหรับการตั้งแคมป์ด้านบน น่าจะดีกว่า”

อาจารย์ภาณุเห็นด้วยกับข้อเสนอของแวนซิ่งไฮม์ แม้จะลังเลอยู่บ้าง แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า และไม่ใช่วิสัยที่ดีของนักสำรวจที่จะกังวลให้เพื่อนร่วมทีมต้องมีความกังวลมากขึ้น เพราะดีก็เริ่มบ่ายคล้อยมากแล้ว และก่อนที่ตะวันจะตกดิน พวกเขาควรเลือกที่จะพักด้านบน หรือจะกลับไปพักในเรือ

เสียงจากวิทยุติดต่อของวิษุวัตแจ้งเข้ามาอีกครั้งว่ามีบริเวณโตรกหินที่สามารถตั้งแคมป์ได้ และเขากำลังเตรียมส่งบันไดลงไปให้ทางทีมด้านล่างขึ้นมาสบทบ อาจารย์ภาณุตอบรับ และขอเวลารอทีมที่กลับไปเตรียมเอาเสบียงจากเรือ เพื่ออยู่สำรวจด้านบนสักวันหรือสองวัน และเมื่อพร้อมแล้วจะส่งสัญญาณพร้อมติดต่อไปอีกครั้ง

วาสโกดาถอนหายใจ รับคำสั่งของอาจารย์ภาณุและแวนซิ่งไฮม์อย่างเงียบๆ อย่างน้อยสัญญาณไฟในเครื่องมือสื่อสารก็ยังยืนยันว่าทีมดำน้ำไม่ได้มีใครพลัดหลงกระจาย หรือเสียชีวิต อีกทั้งแนวกระแสน้ำก็บอกได้ว่ามีโพรงอากาศขนาดใหญ่อยู่ภายในภูเขาใต้น้ำ มิฉะนั้นคงไม่เกิดน้ำวนได้ขนาดนั้น ซึ่งอาจต้องรอเวลาในวันพรุ่งนี้ที่กระแสน้ำจะเปิดโพรงน้ำอีกครั้ง

เพียงแต่เขายังคงข้องใจที่ทำไมเขาถูกตีกลับออกมา และถกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับไดแอสไปตลอดเส้นทางที่กลับไปเดอะ เนปจูนส์เอกซ์โพลเลอร์ 1



เมื่อวาสโกดาและเปเรสขนเสบียงกลับมายังแนวโขดหินอีกครั้งเมื่อแสงอาทิตย์อ่อนกำลังลง และเมื่อทั้งหมดปีนขึ้นมาบนเขาด้านบนเป็นที่เรียบร้อย พระจันทร์ส่องแสงสว่างจ้าขึ้นแทนที่

ที่ราบเบื้องหน้าเป็นเนินเขากว้างไกลมีต้นหญ้าต้นเล็กๆ ขึ้นเป็นหย่อมๆ วิษุวัต เดฟรีต์ และกียอง เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ความตื่นเต้นกับเนินเขาด้านบนของทุกคนดูจะเหือดหายไปในทันที

อาจารย์ภาณุสรุปเหตุการณ์ให้ฟังคร่าว แม้ทั้งสามคนต่างจะตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นนักสำรวจ ทุกคนต่างก็ยอมรับกับความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา

"แต่มั่นใจได้ใช่ไหมครับว่าทุกคนยังปลอดภัย"

"ไม่เต็มที่ แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจ" แวนซิ่งไฮม์เเอ่ยเสียงเรียบๆ


มันยิ่งทำให้วิษุวัตรู้สึกอดห่วงไม่ได้ แม้จะเป็นสิ่งใหม่สำหรับวิษุวัต เขาก็ต้องฝืนยอมรับความจริง แม้ในใจเขาอยากจะไต่ลงไปในปล่อง ตามข้อสันนิษฐานของอาจารย์ภาณุ แต่ก็ต้องสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้


กียองและเดฟรีต์รายงานถึงพื้นที่รอบบริเวณด้านบนให้อาจารย์ทั้งสองคนฟังคร่าวๆ ก่อนนำทางไปยังที่พักของคืนนี้ ที่อยู่บริเวณปากถ้ำที่มีโพรงปล่องที่คาดว่าจะเป็นทางลงไปยังถ้ำด้านล่าง

วิษุวัตพยายามเดินสำรวจรอบๆ ปากถ้ำ ใจนึกอยากจะเข้าไปในถ้ำเสียเดียวนี้ เขาอดพึมพำให้คนอื่นฟังไม่ได้

"ถ้าอย่างนั้นเราไต่ลงไปดูในปล่อง อาจมีทางบรรจบกับน้ำด้านนอก อย่างที่อาจารย์ว่าดีไหมครับ"

"ผมว่า รอเป็นวันพรุ่งนี้น่าจะดีกว่า ในปล่องตอนนี้มันคงมืดมาก จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ไว้แต่เช้าเราค่อยลงไปดูดีกว่า"

เมื่ออาจารย์ภาณุเอ่ยขึ้นเช่นนี้อีกครั้ง ก็คงยากที่ใครจะคัดค้างได้อีก

วาสโกดาและเปเรสจัดที่พักและเตรียมอาหารให้ทุกคน แม้ว่าที่พักของคืนนั้นจะอยู่ในปากถ้ำอย่างดีก็ตาม

แต่ดูเหมือนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันทำให้ไม่มีใครอยากรับประทานอาหารเย็นมื้อนั้นเลย คณะทำงานเริ่มวางแผนอย่างรัดกุมสำหรับการลงสำรวจด้านล่าง ก่อนแยกย้ายกันไปนั่งเขียนบันทึกทำงานในส่วนของตนเองอย่างเงียบๆ


วิษุวัตปลีกตัวออกมาบริเวณที่ตั้งอุปกรณ์ต่างๆ แสงไฟจากเครื่องกำเนิดไฟขนาดกะทันให้ความสว่างได้มาก

แสงจันทร์และแสงดาวทำให้เนินเขาด้านบนสว่างเหมือนมีคนเปิดสปอตไลท์ เขายังคงจับจ้องอยู่เพียงแต่กล่องสัญญาณของทีมดำน้ำที่พลัดหลง สัญญาณเริ่มหยุดอยู่กับที่เป็นระยะๆ เขาพยายามคาดเดาว่าเป็นการหยุดพัก แต่จากพิกัดที่แจ้งค่าออกมาจากเครื่อง พวกนั้นอยู่ใต้เขาไม่ห่างจากทีมด้านบนมากเท่าใด

ความเป็นห่วงเริ่มเพิ่มมากขึ้น แม้วาสโกดาและเปเรสจะย้ำให้ทราบว่าทีมดำน้ำที่พลัดหลงทุกคนมีอุปกรณ์เครื่องมือดำน้ำและอุปกรณ์ยังชีพชั้นดีเลิศ และทุกคนในทีมก็เชื่อมั่นว่า เส้นทางจะต้องมาบรรจบกันในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน

เขาสวดมนต์ภาวนาอยู่ในใจ และเชื่อมั่นว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ และใต้ท้องทะเลจะคุ้มครองทุกๆ คน โดยเฉพาะทีมที่พลัดหลงให้ปลอดภัย


**โปรดติดตามอ่านบทต่อไป**




 

Create Date : 01 กันยายน 2555
5 comments
Last Update : 1 กันยายน 2555 20:50:02 น.
Counter : 892 Pageviews.

 

ได้อ่านตอนใหม่แล้วววว จำได้ว่าคราวที่แล้วยังอ่านไม่ถึงตอนนี้ ใจหายใจคว่ำหนักกว่าเดิม สามคนอยู่ใต้น้ำไปถึงไหนกันแล้วหนอ แล้วจะได้หยุดพักกินข้าวกันมั่งมั้ยเนี่ย

 

โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 4 กันยายน 2555 4:00:26 น.  

 

สู้ๆ ลุยๆ

 

โดย: รินบุญญา 9 กันยายน 2555 19:20:08 น.  

 

คุณพีท

สวัสดีค่ะคุณพีท กว่าจะได้เข้ามาตอบ

บทที่ 20 อธิปมาให้คุณพีทเป็นห่วงแบบเต็มๆ ค่ะ

ตามอ่านกันต่อไปนะคะ

 

โดย: พรายทราย 17 กันยายน 2555 10:15:15 น.  

 

คุณรินบุญญา


สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะมาทิ้งชื่อไว้ สู้ๆ ลุยๆ นี่สำหรับตัวละครหรือคนเขียนคะ
คนเขียนก็พยายามลุย สู้ ไม่แพ้ตัวละครทีเดียว


แล้วแวะมาอีกนะคะ

 

โดย: พรายทราย 17 กันยายน 2555 10:16:31 น.  

 

จะพบกันไหมหนอ

 

โดย: Thanya IP: 49.49.122.197 30 กันยายน 2555 16:23:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.