"ทฤษฎีสองสูง" ของ เจ้าสัวซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์
ที่มา : //lab.tosdn.com/?p=178 , //lab.tosdn.com/?p=179
"ทฤษฎีสองสูง" ของ เจ้าสัว CP ธนินท์ เจียรวนนท์ ที่ได้สัมภาษณ์ในรายการ "จับเข่าคุย" เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2551 และ 8 เมษายน 2551
โดยจากแหล่งที่เอามานั้นได้สรุปใจความออกเป็นข้อๆให้อ่านกันครับ ที่จริงก็ออกจะเห็นด้วยครับกับความคิดแบบนี้
ปล่อยให้ราคาสินค้าเกษตรในประเทศสูงขึ้น โดยที่ขึ้นเงินเดือนคนในประเทศตามไปด้วย จะว่าไปก็คล้ายๆกับประเทศญี่ปุ่นที่ข้าวของในประเทศราคาสูงมาก แต่คนที่นั่นก็อยู่กันได้เพราะเงินเดือนที่โน่นก็ไม่ใช่เล่นๆเช่นกัน .... ไ่ม่ว่าจะทำอาชีพใดๆก็ตาม (ผิดกับบ้านเราที่เทิดทูน ให้ความสำคัญกับอาชีพไม่กี่อาชีพ)
อาจจะดีก็ได้ ถ้ามันทำให้เกษตรกรในประเทศมีรายได้มากขึ้น โดยไม่ใช่การเอาเงินมาฉีด มาหว่านเฉยๆ อย่างที่เคยทำๆกันมา เงินหมุนเวียนสูงก็จริง แต่ไม่มีประโยชน์ พอกองทุนอะไรที่ว่านี่หมด คนมันก็จนกันเหมือนเดิ๊มมม ..... ไหนจะปัญหาเงินรั่วระหว่างทางอีก (รั่วรูเบ้อเริ่ม) รู้ๆกันอยู่ว่าบ้านเรานี่มัน ..... เอ้อ พูดไม่ได้นี่เนอะ
เห็นด้วยมากๆกับการให้คนในประเทศได้เงินจากระบบ พอกันทีกับกองทุน , งบประมาณต่างๆ เพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายเงินมันไปอยู่ที่ใครกันแน่ ....
ตัวอย่างเล็กน้อย .....
- ห้ามกดราคาข้าว เพราะเหมือนทองคำ เป็นทรัพย์สมบัติชาติ เหมือนที่ญี่ปุ่นทำ ปล่อยให้ราคาข้าว 200 ไม่ลดเหลือ 20-30 บาท เพราะเขามองว่ามีค่าเหมือนน้ำมัน ถ้าหากข้าวถูกลงคนไทยก็จนลง แม้ในประเทศกินข้าวแพงขึ้น ก็ต้องเพิ่มเงินเดือนให้สมดุลสูงตามกัน
- เมื่อชาวนารวยขึ้น จับจ่ายมากขึ้น ภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น ข้าราชการเงินเดือนขึ้น มีเงินจับจ่ายต่อ สมมุติ สร้างบ้าน 1 หลัง สามารถหมุนได้ 6-7 รอบ และแต่ละรอบได้เงินภาษี ฉุดให้อุตสาหกรรมหลายอย่างสูงตัวขึ้น เช่น สายไฟ เหล็ก กระเบื้อง ไม้ ปูน หลอดไฟ ฯลฯ ถ้าโรงงานไม่ขายตรง พ่อค้าคนกลาง ก็ได้ต่อ มีการขนส่งสินค้า ก็เปิดกับโลจิสติก ช่างไม้ คนงาน ช่างปูน เฟอร์นิเจอร์ ทำให้คึกคักไปหมด
- คุณธนินท์ บอกว่า ยอมกินข้าวแพง แต่ขึ้นเงินเดือนให้สูงสมดุลกัน ถือว่าไม่เป็นเงินเฟ้อ
- เงินจะได้จากภาษี จากสินค้าที่ขายแพง พอสินค้าแพงเท่าตัว ภาษีมากขึ้นเท่าตัว พอได้เงินเท่าตัว คนก็จับจ่าย อุตสาหกรรมเกิด บริการเกิด แม่ค้าหาบเร่ แท็กซี่เกิด คึกคัก
- แนวคิดนี้คุณธนินท์ ยกตัวอย่างใต้หวันเมื่อ 40 ปีก่อน เงินเดือนเขาน้อยกว่าไทย 8 เท่า แต่่ปัจจุบันสูงกว่าไทยไม่ต่ำกว่า 8 เท่า
- เมื่อเกษรตรกรได้ดี ก็จะเริ่มค้นหาเทคโนโลยี หรือผู้มีเทคโนโลยี ทำให้เขาได้เพิ่มผลผลิต สุดท้าย แบงค์ก็กล้าปล่อยกู้ นักลงทุนก็กล้าลงทุน แต่ถ้าหากไปกดเขาให้ราคาถูก ความเสี่ยงสูง ก็ไม่มีใครกล้าลงทุน แบงค์ก็ไม่กล้าปล่อยกู้ คนจนก็ยิ่งจน
- คุณธนินท์ บอกว่ายังดีที่รัฐบาลก่อนๆ มี BOI มีการส่งเสริมอุตสาหกรรม มีการส่งเสริมท่องเที่ยว คนไทยก็หนีไปทำงานต่างประเทศ เลยทำให้ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร แต่ที่จริงแล้ว ทรัพย์สมบัติของชาติกำลังหายไป คนไทยน่าจะรวยกว่านี้เยอะ
- คุณธนินท์ บอกว่าให้เรายกราคาเกษตรให้ตีคู่ไปกับราคาน้ำมัน เพราะน้ำมันมนุษย์ สำคัญกว่าน้ำมันเครื่องจักร ทำไมเราไม่ดึงขึ้นมาคู่กับเขา แล้วถ้าคนจนบ่น ก็ใช้วิธีขึ้นเงินเงินเดือนอย่าไป อย่าไปกดราคาของ แต่ให้ไปเพิ่มเงินเดือนแทน
- คุณธนินท์ บอกว่า เหตุการนี้ผิด เงิน เดือนเรายังเท่าเดิม แต่น้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราก็ไปกดราคาน้ำมันเค้าไม่ได้ เราเลยต้องมากดน้ำมันของเรา (สินค้าเกษตร) ซึ่งเป็นสมบัติของชาติให้ราคามันต่ำลงไปอีก แล้วประเทศไทยจะเงยหน้าอ้าปากได้อย่างไร เมื่อคนส่วนใหญ่ยังยากจน
- ไม่ต้องกลัวว่าราคาสูงแล้วจะขายไม่ออก เพราะเป็นสินค้าที่ต้องใช้ เช่น ยางพารา ความต้องการนำไปผลิตรถยนตร์มาสูง คุณธนินท์ เลยบอกว่า บางพาราเราน่าจะแพงกว่าน้ำมันด้วยซ้ำไป เพราะทำยากกว่า น้อยกว่า แต่คนต้องการสูง ผลิตได้ไม่กี่ประเทศ
สำหรับ comment
//gappaman.everthai.com/phpbb3/viewtopic.php?f=22&t=39
Create Date : 04 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 10 มิถุนายน 2551 2:56:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1083 Pageviews. |
|
|