gappaman

gappaman
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]







Add to Technorati Favorites
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gappaman's blog to your web]
Links
 

 

My side stories # 06 : รัก .... โลกาภิวัฒน์

ลองเอาประสบการณ์จริงมาใช้ภาษาแบบนิยายเรื่องสั้นเขียนดู .... จะออกมาเป็นยังไง

พอเอาไปหากินกับสำนักพิมพ์ได้หรือเปล่าวะ? 5555+




"ก็ยังรักคนๆหนึ่ง
และก็ยังซึ้งกับคนๆนั้น.....
ซึ่งมันก็เหมือนเดิม ทุกประการ
ไม่ว่าจะเนิ่นนานสักเท่าไร....."

เสียงเพลง "รัก .... โลกาภิวัฒน์" ที่ใช้ประกอบหนังเรื่อง "ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น" (แต่ก่อนใช้กับหนังเรื่อง "รัก .... ออกแบบไม่ได้") ดังออกมาจากหน้าโปรไฟล์ hi5 ของผม

เพลงๆนี้สะกิดใจให้ผมนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ....

"นี่กูชอบเขามากี่ปีแล้ววะ" ผมรำพึงกับตัวเองเบาๆในใจ

"7 ปีแล้วไงมึง แค่นี้ทำเป็นลืม สมองเสื่อมเรอะ?" คำตอบลอยออกมาในหัวอย่างทันควัน

เอ๊ะ? ด่าตัวเองทำไมวะ ....

เว็บ hi5 สำหรับผมแล้ว ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย มองเผินๆก็คล้ายๆหน้าเว็บเพจส่วนตัว ที่มีกล่องเล็กๆสำหรับฝากข้อความสั้นๆให้กับคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามาดู ผมเองก็มีไว้แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะมี blog ส่วนตัวไว้ให้เล่นอยู่แล้ว skin ดูไปดูมาก็เบื่อๆเลยไม่ได้ใช้ (ดีแล้วจะได้คลีนๆ) ชาวบ้านผ่านมา comment ก็อ่านบ้าง เออๆออๆ ขอบใจ แต่ขี้เกียจตอบกลับ รูปภ่งรูปภาพก็แทบไม่ใส่ ส่วน journal ก็ลืมไปได้เลย มี blog แล้ว ไม่ต้องใช้หรอก

แต่จุดผกผันของเรื่องมันอยู่ตรงที่วันหนึ่ง ผมได้คุยโทรศัพท์กับเธอ แล้วมีคำถามเข้ามาว่า

"นัท .... มี hi5 หรือเปล่า?"

หลังจากสิ้นประโยคนั้นมา พอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่า .... เวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ในการเล่นอินเตอร์เน็ตได้เสียไปให้กับเว็บนี้ซะแล้ว หน้าโปรไฟล์มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง มีการหาโน่นหานี่มาใส่อย่างบ้าคลั่ง แถมยังพบว่าตัวเองนั่งหน้าคอมแล้วย้ำคิดย้ำทำ คลิกปุ่ม refresh ไอ้เว็บนี่ซ้ำๆ เพื่อรอดูว่ามี comment หรืออะไรใหม่ๆเข้ามาบ้าง

เหมือนคนโรคจิตเลยว่ะ ..... นอกจากนั้นพักนี้ยังตื่นเช้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทำได้ไงวะ? ทั้งที่แต่ก่อน เวลามีงานตอนเช้าก็ตื่นได้ซะจวนเจียน หัวฟูออกไปทุกครั้ง วันไหนเข้ากะเย็นก็ล่อซะบ่าย เคยโดนไซโครมาหนักๆเรื่องการตื่นเช้าเป็นกำไรของชีวิตอย่างโน้นอย่างนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร .... ต้องพลังแห่งความหื่นเท่านั้น ที่ทำให้ผู้ชายทำได้ทุกอย่าง

ฉะนั้นแล้ว ใครว่าความรักเปลี่ยนแปลงคนไม่ได้? ขอเถียง (แม้ว่าคบกันไปได้นานสักระยะนึงแล้ว ตัวตนเดิมจะค่อยๆกลับมาก็ตาม)

วันนี้ก็เช่นกัน ผมก็ตื่นมาออนไลน์รอเธออยู่ .....

เงียบเลย .... อืมม์ รู้สึกว่าจะยังไม่เข้ามาแฮะ

ผมตื่นมาตอน 9 โมงเช้าที่อเมริกา ก็เท่ากับตอนนั้น 2 ทุ่มที่ไทย (days saving time) แสดงว่าอาจยังไม่กลับถึงบ้าน คงไปแวะไหนก่อนตามเคย ก็ไม่เป็นไร รอไปก่อน เลยนั่งเล่นอินเตอร์เน็ต อ่านโน่นอ่านนี่ไปเรื่อย พร้อมๆกันกับการกดปุ่ม refresh ซ้ำๆด้วยความหื่น (ทำไมกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้นะ?) จนกระทั่ง 9 โมงครึ่ง ผมก็เห็นไฟสีเขียวข้างๆรูปโปรไฟล์ของเธอสว่างขึ้น .... ในที่สุดก็มา

ไม่รอช้า ผมเข้าไปทักทายตามระเบียบ จากนั้นสักพักเธอก็พิมพ์ตอบกลับมาสั้นๆ พอเป็นพิธี รู้สึกได้ถึงความเย็นชาผ่านข้อความออกมา

"ไหงงั้นวะ?" ผมนึกในใจ รู้สึกผิดหวัง เพราะไม่ตรงกับจินตนาการที่วางไว้ คิดว่าน่าจะทักทายกลับมาด้วยความร่าเริงแจ่มใสสักหน่อย

แต่ถ้าคิดดูดีๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก .... ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา เธอเป็นผู้หญิงที่คาดเดาพฤติกรรมได้ยากเป็นที่สุด บทจะดีขึ้นมาก็ดีใจหาย บทจะเย็นชาขึ้นมาก็เล่นเอาปวดใจไม่น้อย ถ้าจะให้อธิบายให้ลึกซึ้งกว่านั้น ลองหาเพลง "หมอกหรือควัน" ของเบิร์ด - ธงไชยมาเปิดฟังก็ดี นั่นล่ะ สื่อความหมายได้ครบถ้วนเลย

ก็เลยมักจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมายให้ผมเห็นอยู่บ่อยๆ .... เธอคนนี้สอนให้ผมรู้ว่าไม่ควรคาดหวังอะไรให้มากกับการทำอะไรให้ใครสักคน หากมันเกิดอะไรดีๆกลับมาก็ถือซะว่าเป็นกำไรชีวิต แต่ถ้ามันไม่เป็นแบบนั้น ก็คิดซะว่ากำลังทำความดีอยู่ก็แล้วกัน (ได้บุญ)

และเนื่องจากว่าผมเดาใจเธอไม่ได้ เลยทำให้ผมไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรให้เธอถูกใจ .... หลังจากที่เคยลองนั่นลองนี่มาจนปลง สุดท้ายก็คิดได้ว่า การเป็นตัวของตัวเองนี่ล่ะ ดีที่สุดแล้ว ไม่ปวดหัว (แต่อาจทำแต้มได้ยากหน่อย .... ไม่หรอก อะไรก็เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงคนนี้ ใครจะไปรู้)

เธอก็สอนอะไรๆให้ผมเยอะเหมือนกันนะ .... เกี่ยวกับเรื่องความรัก

กลับมาที่ hi5 กันต่อ ....


ผมคิดว่าเธออาจจะมีอะไรที่ต้องทำ เลยออนไลน์ไว้เฉยๆก็ได้ ..... แต่เปล่านี่ ดูจาก recent update แล้ว ก็ยังมีการทักคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย .... หวัดดีจ้า จ๊ะจ๋าๆ คิดถึงนะ ฝันดีจ้า ฯลฯ มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด

"แล้วทำไมไม่คิดถึงตูบ้างวะ? " ผมชักหงุดหงิด ทีคนอื่นล่ะพิมพ์มาปุ๊บก็ตอบปั๊บเลย ในใจก็รู้ดีว่าไม่ควรหวังอะไรมากอย่างที่บอกไว้ข้างต้น ถ้าเข้าใจเธอสักหน่อย คิดซะว่าเขาก็มีสังคมของเขา .... ธรรมชาติของคนเราก็มักจะคิดถึงแต่เรื่องของคนที่อยู่ใกล้ๆ เจอหน้าเจอตากันทุกวัน มากกว่าคนที่อยู่ไกลออกไปอยู่แล้ว ช่วยไม่ได้นี่

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น เพราะบางทีอารมณ์มันก็อยู่เหนือเหตุผลได้อย่างไม่มีสาเหตุ .... ผมนั่งดูหน้าโปรไฟล์ของเธอต่อ

มาคิดๆดูแล้ว เธอเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน นับจากสมัยเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นดูเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยมีเพื่อนมาก แต่ที่ทำงานที่เธอทำอยู่ตอนนี้ดูจะเป็นที่ทำงานที่ดี บวกกับไม่ต้องมากังวลเรื่องเรียนแล้ว คงมีเวลาทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆมากขึ้น เลยออกมาเป็นคนรวยเพื่อนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมเห็นเธอใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้มีความสุขดี เล่นกีฬา ได้ไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ หัวเราะร่าเริง ก็หมดห่วง แต่สัญชาติญาณของผู้ชายก็ทำให้ผมกังวลอยู่บ้าง เพราะการที่เธอได้ผู้คนเยอะแยะ ก็หมายถึง มีโอกาสมากขึ้นในการไปเจอคนที่ดี คนที่เธอชอบ ที่เธอพอใจ .....

"เฮ้ย !!! พอได้แล้ว" ผมเรียกสติตัวเองกลับมา ให้ตายสิ .... นอกจากใจน้อยแล้วยังจะฟุ้งซ่านอีก

ผมปิดตาลง พยายามสะกดอารมณ์ ....

"นี่ไม่ใช่เวลามานั่งซึม" ผมบอกตัวเอง การที่อยู่คนเดียวแบบที่ต้องดูแลตัวเองทุกอย่างที่นี่ แม้จะดูโดดเดี่ยวอ้างว้างไปบ้าง แต่ก็มีข้อดีของมัน คือ ถึงเกิดเรื่องอะไรแย่ๆขึ้นมา ก็ไม่มีเวลาไปคิดฟุ้งซ่านมากนัก เพราะวันนี้ตั้งแต่ตื่นนอนมา ผมยัง .....

1. ไม่ได้อาบน้ำ แปรงฟันเลย
2. หิวแล้วด้วย แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรให้ตัวเองทาน
3. จะกินข้าว ก็ต้องล้างจานที่กินทิ้งไว้เมื่อคืนนี่หว่า (กินเสร็จก็ต้องล้างอีกรอบ น่าเบื่อชะมัด)
4. วันนี้วันอาทิตย์ ต้องเอาผ้าไปซัก จะไม่มีใส่แล้ว
5. แล้วก็เป็นเวรล้างห้องน้ำให้ยัยเจ้าของบ้านรักสะอาดโรคจิตนั่นอีก

ผมเหลือบไปมองดูนาฬิกา .... 10 โมง 45 (3 ทุ่ม 45 ที่ไทย) ใกล้ได้เวลานอนของเธอแล้ว คิดว่าเช้านี้ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นแล้วล่ะ อีกไม่นานเดี๋ยวก็ออฟไลน์ไป แต่ผมสังเกตได้ว่าเช้านี้เธอเข้าๆออกๆ hi5 บ่อย เลยพิมพ์ถามทิ้งท้ายไปว่าทำแบบนั้นทำไม?


"เอาวะ !! " ผมลุกขึ้นจากเตียง เดินไปอาบน้ำ หลังจากนั้นก็เข้าครัวไปล้างจาน เตรียมอาหาร เสร็จแล้วก็ยกมาทานในห้อง คิดว่าน่าจะปิดคอมซะก่อน ..... ขืนเปิดไว้ก็ยั่วยวนให้เข้าไปนั่งเล่นจนไม่เป็นอันทำอะไรอีก เลยเอื้อมมือขยับเมาส์จะไปคลิกปุ่ม shut down .... แต่ก็เกิดลังเลใจขึ้นมา ชะงักเมาส์วูบหนึ่ง

"สุดท้ายของสุดท้ายแล้วกัน" ผมเปิด browser ขึ้นมาใหม่ แล้วเข้าไปยังที่หน้าโปรไฟล์ของตัวเองอีกครั้ง

"เราปิดคอมไปตอนเย็นแล้วเปิดขึ้นมาใหม่น่ะ แต่เราจะไปนอนแล้วน้า กินข้าวหรือยัง ถ้ายังก็รีบกินนะ บ๊ายบาย" นี่เป็นข้อความของ comment ข้างบนสุดที่ผมเห็น

เอ้อ ในที่สุด .....

"ผู้หญิงคนนี้คาดเดาอะไรไม่ได้จริงๆ" .... ผมนึกถึงประโยคที่เคยพูดเอาไว้ข้างต้น

"ชิ !! " ผมสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะตักข้าวคำแรกใส่ปาก

"ก็กินอยู่นี่ไง ! "
"เพิ่งจะมาตอบเรอะ นอนดึกนะเนี่ยเราน่ะ"
"ทำไมเพิ่งตอบป่านนี้ฟะ? ตอบเสร็จก็ออฟไลน์ไปเลย .... โธ่เว้ย"
"แน่จริงออนไลน์มาใหม่สิ เดี๋ยวจะหยอดอะไรหวานๆให้ 555+"
"ทีหลังอย่าให้เป็นอย่างนี้อีกล่ะ"

นั่งบ่นหน้าคอมเป็นไอ้บ้าเลย ....ที่จริงมีเยอะกว่านี้ แต่เริ่มลืมๆแล้ว ผมรู้สึกได้ว่าความหงุดหงิดรำคาญใจเมื่อครู่นี้ก็หายไปด้วย

อาจเพราะมันเป็นแบบนี้มาตลอดก็ได้ เลยดูมีเสน่ห์ ลึกลับน่าค้นหา จนดึงดูดให้ผมชอบเธอมานานขนาดนี้ (ก็น่าจะเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง) .... ไม่ใช่เพราะว่าผมเป็นคนรักมั่นคง รักจริงจัง รักเธอตลอดไป แบบพวกพระเอกละครหลังข่าวหรอก ผมไม่กล้าใช้คำพวกนั้น เพราะโลกเรามันไม่มีอะไรที่แน่นอน แค่ตอนนี้ผมแน่ใจว่ายังชอบเธออยู่ ก็เท่านั้น .... ยังมีแรงจะไปต่อ ก็ต้องก้าวไปข้างหน้าจริงไหม? อีกอย่างผมเชื่อว่ากำลังใจมันเป็นทรัพยากรจำกัด ใช้ไปๆทุกวันมันก็มีหมด หากเธอทำแต่เรื่องให้ปวดใจตลอด ก็คงเลิกล้มไปนานแล้ว นี่ผมยังได้คืนมาจากเธอบ้างบางที .... ก็ไม่เลวเกินไปนัก

แม้ว่าท้ายที่สุดผมอาจไม่ได้ลงเอยกับเธอก็ช่างมันปะไร .... ไม่รู้สิ ผมว่าคนเรามักไปสนใจที่จุดหมายปลายทางมากซะจนลืมสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทุกวันนี้ผมยังได้คุยกับเธอ ว่างก็ชวนไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ ใช้เวลาด้วยกันบ้าง ก็มีความสุข (ในระดับหนึ่ง) แล้ว

แต่ตอนนี้ดันอยู่อเมริกาก็อดซะ ..... รีบกลับประเทศดีกว่าเรา

ผมทานข้าวเสร็จ ลุกขึ้นเก็บจานไปไว้ที่ครัว พร้อมกับรวบรวมเสื้อผ้าที่ใส่แล้วมากองรวมกันเพื่อจะเอาไปซัก ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี

วันนี้คงเป็นวันที่ดีสำหรับผมอีกวันหนึ่ง .....





คอมเมนต์ที่นี่






 

Create Date : 24 ตุลาคม 2551
0 comments
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2551 11:18:45 น.
Counter : 1126 Pageviews.

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.