ตุลาคม 2550

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
(5) the day in Sapa ++ memory never end ++ วันเวลาในซาปา วันเวลาที่ไม่รู้ลืม ++
วันที่ 13 สิงหาคม

เราตื่นมาด้วยอากาศที่สดชื่น เย็นเหมือนนอนอยู่บ้านที่เมืองเลยตอนหน้าหนาว ฝนตกเป็นสาย ทำให้กลัวว่าถ้าตกอย่างนี้ทั้งวัน เราคงไปเที่ยวไม่ได้ มอไซค์ที่จองไว้ก็มีอันล้มเลิก โทรเข้าไปที่ห้องพี่ติตอนแปดโมง ไม่มีคนรับสายเราเลย สงสัยพี่ติยังไม่ตื่นให้อากาสนอนต่อก็ได้ เห็นว่าเมื่อวานนี้เหนื่อยมาก ต้องนั่งรถกะหมูแถมแบกเป้ใบมหึมาทั้งวัน

ว่าแต่พี่ติ เราก็นอนต่อเหมือนกันล่ะ เราตื่นมาอีกทีเก้าโมงกว่า อาบน้ำอุ่นสระผมอย่างสบายใจ เพราะตอนนี้ฝนหยุดแล้ว ไชโยจะได้เที่ยวแล้วสิ



กำลังจะโทรไปห้องพี่ติเลย พี่ติเดินมาเคาะหน้าต่างพอดี ถ่ายรูปหน้าต่างกะโจ๊กคัพที่หอบมาจากกรุงเทพ นั่งกินโจ๊กเสร็จก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางไปเที่ยวกันสัก

ก่อนออกจากโรงแรม หันซ้ายหันขวา ไม่เห็นฟรอนท์ คนที่จะให้เราเช่ามอไซค์เก่าๆ ตั้ง 7 เหรียญ รีบเผ่นดีกว่า

พี่ติอยากได้แผนที่ซาปา แวะถามที่ร้าน จะบ้าเหรอ แผนที่บ้าอะไร แผ่นตั้ง3 เหรียญ ไม่เอาก็ได้ฟร่ะ

เดินขึ้นมาบันได ตรงข้างร้าน Buffalo Bell เลี้ยวขวาอีกนิด ก็ถึงโรงแรม น้องเหงียนคนสวยเห็นเราแล้วก็ทำหน้าดีอกดีใจ บอกให้เรารอสักประเดี๋ยว กำลังจะไปตามรถมาให้



เรานั่งรอถ่ายรูปไปพลางๆ โรงแรมนี้ น่ารักดี แอบเห็นค่าห้องแว๊บๆ คืนละ 120,000 –150,000 ด่ง อืม ไม่แพงแหะ แต่วิวคงไม่สวยเหมือนที่เรานอน แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่มายด์ เราว่าโรงแรมนี้ก็ใกล้ สะอาดดี น้องน่ารักดีด้วยค่ะ พูดจาง่าย

เรารอแค่ห้านาทีมั้ง ก็มีคนขี่มอไซค์มาให้ เป็นลุง หน้าตาใจดีมากๆ ลุงถามน้องเค้าว่าเรามาจากไหน น้องเหงียนบอกว่าเราเป็นไทยแลนด์ ลุงพยักหน้า อ้อ... ไทย ๆ แล้วลุงก็เรียกเราไปดูรถ พี่ติดีใจมาก ค่าที่รถใหม่กิ๊ก สะอาดเชียว สีแดงสด ทะเบียนสวยด้วยค่ะ 009 แหม..... ถ้าเลขนี้ที่เมืองไทยต้องประมูลนะเนี่ย รถลุงเนี่ย เพิ่งวิ่งไปแค่ 5พันกว่าๆเองค่ะ ค่าเช่าวันละ 70,000 ไม่มีการเก็บพาสปอร์ต หรือตรวจอะไรทั้งสิ้น เราส่งค่าเช่าให้น้องเหงียน แต่น้องบุ้ยบ้ายให้เราไปส่งให้ลุงเลย

เราเอาตังค์ไปให้ลุง ลุงเริ่มงง บอกว่าไม่ต้องๆ เออ ดีเนอะ เค้าไม่กลัวเราเอารถหายไปเลยเหรอยิ่งใกล้ๆ ชายแดนอยู่

เคยอ่านมาว่ามีชาวเขาที่นี่พูดภาษาไทยอีสานได้ ชั้นเจอแล้วล่ะ ตัวเป็นๆเลย ลุงพูดชัดมาก ฝน ข้าว เช้า บ่าย สื่อสารกันได้ประมาณ 50-60%

ลุงเปิดอานรถ หยิบเอาเสื้อกันฝนมาให้เรา บอกว่าถ้าฝนตกก็ใส่ หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ให้ แล้วบอกว่าให้เช็ดเบาะ ท้ายสุดลุงหยิบแผนที่มาให้ ใหม่กิ๊กเลย เจ๋งมาก เพราะก่อนหน้านี้พี่ติเค้าถามๆ แล้วแผ่นละ 30,000 ด่ง ต่อไม่ได้ด้วย ชั้นเลยจบข่าว

หยิบเอาแผนที่กิ๊กก๊อกของโรงแรมมาดูขำๆ เพราะกะว่าจะถามทางเค้าเอา ชัวร์ดี

ทางอยู่กะปาก กลัวไรจิงไหมเพื่อน

พอได้แผนที่มาเหมือนสวรรค์โปรด แต่พอถามน้ำมัน เค้างงๆ เรียก gas ก็ไม่รู้เรื่อง เรียก Oil ก็ยังงงอีก ไม่เป็นไร ดูจากหน้าปัดแล้วลุงเติมมาประมาณ ¾ ถัง ถึงจะหาปั๊มไม่เจอ แต่พี่ติบอกว่าน่าจะพอ

แล้วเราก็เริ่มออกเดินทาง

กลัวฝนตกเหมือนกันนะเนี่ย ครึ้มๆ มาแต่ไกลเลยแก แต่เอาน่า........อยู่ใต้ฟ้ากลัวอะไรกะฝน ไปกันดีกว่า

ก่อนอื่น ต้องออกมาตรงถนนหน้าโบสถ์ ถ่ายรูปโบสถ์ซะหน่อย เสียดายที่ปิดซ่อม

เราถามทางเค้าไปเรื่อยๆ ขี่รถออกไปทางที่เรามาจากลาวไกเมื่อวานนี้

วิวสองข้างทางสวยมาก ชั้น(บอกให้พี่ติ) จอดรถถ่ายรูปเป็นระยะๆ

ถนนเลียบเขา มีชาวเขานั่งสานไม้ไผ่ ใส่ผลไม้ขายเป็นจุดๆ

ผ่านแม่น้ำสายเมื่อวานนี้ ลงไปถ่ายรูปอีก เห็นเด็กๆ ชาวเขาเล่นน้ำ ปรื๋อ หนาวจะแย่



วิวที่นี่สวยทุกมุม ได้ใจมากๆ ชั้นกดไม่ยั้งเลยแก เพราะงั้น ถ้าแกจะเห็นรูปนาข้าวเชียวๆ เยอะแยะล่ะก้อ อย่าว่ากันเลยนะ ก็คนถ่ายมันชอบนินา



เราเลี้ยวเข้าหมู่บ้านตาฟิน ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวม้งที่เค้าว่ากันว่านาข้าวขั้นบันไดที่นี่สวยมาก



เสียค่าเข้าหมู่บ้านด้วย ฝนก็ตก

เราเลยแวะจอดรถหลบฝนที่อาคารเหลือง มีเสาธงอยู่ด้านหน้า พอชะโงกหน้าผ่านหน้าต่างที่ล็อคไว้ ก็เข้าใจล่ะ ที่นี่คือโรงเรียนนี่เอง

สวยอ่ะ สะอาดดี



เราหลบฝนที่นี่เกือบครึ่งชม. ฝนเริ่มซา เราก็ไปต่อ ขี่รถไปเรื่อยๆ พอถนนเปียก ก็เริ่มลื่น แถมทางขึ้นเขาอีกตะหาก ชั้นเลยไม่กล้าสะกิดให้พี่ติจอดบ่อยๆ เหมือนเมื่อเช้ากลัวรถลื่นแล้วล้มอ่ะ ขืนล้มตอนนี้ ดูไม่จืดแน่ๆ

เราขี่รถเข้าในหมู่บ้าน ฝนก็ตกมาอีก เลยไปนั่งรอให้ฝนหยุด มองไปมองมา เห็นตึกใหญ่ๆ หน่อย คงจะเป็นเทศบาลหรือที่ทำการอะไรสักอย่าง คงจะปลอดภัยกว่าไปหลบในบ้านชาวบ้านที่มะรุมมะตุ้มฝรั่งที่ลงจากรถตู้อยู่

เราไปนั่งรอให้ฝนหยุดที่บันได สงสัยเที่ยงแล้ว หรือว่าเป็นวันหยุดก็ไม่รู้ เพราะเมื่อกี้ที่โรงเรียนก็ไม่มีใครเลย ทั้งที่เป็นวันจันทร์ ชั้นเลยเอาข้าวเหนียวกะเนื้อสวรรค์ที่ซื้อมาจากกรุงเทพมากินกะน้ำพริกตาแดง อร่อยมากมาย หรือเพราหิวก็ไม่รู้ มีคนเดินมาดูเราด้วยล่ะ แต่เค้ายิ้มๆ กวักมือเรียกให้ชั้นตามไป ตามไปที่ห้อง (ติดๆ กะบันไดนั่นล่ะ) เค้าก็ให้กินน้ำชา คุยอะไรกันก็ไม่รู้เรื่อง ได้แต่ยิ้มให้กันไปมา จริงๆ คนเวียดนามน่ารักและมีน้ำใจนะ แต่ต้องไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องกะนักท่องเที่ยว พวกนี้เขี้ยวลากดินมากๆ คนเวียดนามที่เราเจอก็ยินดีช่วยเราทุกอย่าง ถึงจะคุยกันไม่รู้เรื่องก็เหอะ



ฝนเริ่มซา เราก็ลาเค้าไปเดินเล่นในหมู่บ้าน รถตู้คันนั้นกลับไปแล้ว ชาวบ้านเริ่มมองเรา แต่เราพยายามไม่มองใคร ยกกล้องถ่ายโน่น ถ่ายนี่ มีม้งสาวสะพายลูกไว้ข้างหลังมาชวนเราคุย พูดเก่งมากๆ เค้าชวนเราไปบ้านเค้า ตรงโน้น........ มองเห็นไกลๆ เหมือนจะใกล้ แต่คงไกลพอสมควร ต้องขึ้นเขาไปอีกหน่อยด้วย เลยปฏิเสธไป รู้ตัวอยู่ว่าถ้าไป ต้องซื้อของเค้าแน่ๆ เค้าก็เดินตามเรา ตื้อให้เราซื้อของ เราก็บอกว่าเราซื้อเยอะแล้วเมื่อวานจาก BucHa เค้าพูดภาษาอังกฤษเก่งมากๆ ถ้าเดินนานกว่านี้ สงสัยเราจะใจอ่อนแน่ๆ พี่ติไปเอามอไซค์มารับเราที่หน้าร้านค้า แล้วเราก็กลับออกมา ตอนนี้ฝนหยุดแล้ว อากาศกำลังเย็นสบายมากๆ ดูอุณหภูมิที่ห้องเจ้าหน้าที่ที่เรียกเราไปกินชาเมื่อกี้ 21 องศา กำลังดีเลย



ขากลับมา ผ่านมุมที่ชั้นเล็งไว้ขาไป ชั้นก็บอกพี่ติให้หยุด จอด ถ่ายรูป หยุดจอดถ่ายรูป จนพี่ติบอกว่าเรายังเหลือที่เที่ยวอีกเยอะ เลยเพลาๆ มั่ง



ช่วงบ่ายชั้นกะไปน้ำตก Silver หมู่บ้านตาวาน หมู่บ้านเลาไช แต่ไม่เดิน trekking เพราะพรุ่งนี้จะเดินหมู่บ้าน cat cat ค่อยเดินพรุ่งนี้ดีกว่า เดี๋ยวจะหมดแรง

ผ่านปั๊มน้ำมัน ไม่รู้ว่าจะเติมเท่าไหร่ดี เห็นคนข้างหน้าเติม 30,000 เราก็เติม 30,000 มั่ง โห.... เมื่อกี้ที่ไปมา พร่องไปหน่อยเดียว เติมไปเต็มจนแทบจะล้นถัง ต้องเขย่าๆ กันเลยล่ะ

มีฝรั่งอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 คน เช่ารถมอไซค์มาเหมือนเรา แต่เก่ากว่ามาเติมเหมือนกัน ถามได้ความว่าเช่าคันละ 10 เหรียญ เย้ๆๆ เราเช่าถูกสุดแล้ว

ทางไปสองหมู่บ้านที่ว่านั่นคือกลับมาซาปา ผ่านหน้าโรงแรมเราไป ออกไปด้านหลัง แล้วก็ขี่มอไซค์ไปเรื่อยๆ เจอด่าน เก็บเงินคนละ 10,000 ให้ตั๋วมาด้วย แต่ชั้นเห็นรถตู้นักท่องเที่ยวผ่านไป ไกด์ลงมาจ่ายเงิน เค้าไม่ให้ตั๋วกัน ชั้นมองเค้าก็เฉยๆ แปลว่า ขอ-รับ-ฉัน เนี่ย มีทุกที่จริงๆ ด้วย




ขี่มอไซค์มาเรื่อยๆ อากาศกำลังดี ฝนก็ไม่ตก ไม่มีแดด ดีไม่ดำ ถนนที่นี่ตัดเลียบชายเขาไปเรื่อยๆ จะมองให้สวยก็สวย ให้เสียวก็เสียว

ผ่านอุโมงค์ต้นไม้ เหมือนที่สระบุรีตอนเราไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อยเลย ระหว่างทางเราก็ผ่านน้ำตกเป็นระยะๆ

น้ำตกที่ว่าน่ะ อยู่ริมถนนเลย ขี่รถ ขับรถผ่านกันไปซะงั้น น้ำตกใหญ่ด้วยนะแก ชั้นน่ะตื่นเต้นมากๆ ถ่ายรูปๆ กลัวเหมือนกัน กลัวรถลื่น เพราะอีกข้างน่ะ เหวเราดีๆ นี่เอง

พี่ติสิ สามารถขี่มอไซค์ผ่านมาได้ เก่งๆๆๆๆ

มีรถเองก็ดีอย่างนี้ล่ะ เราเห็นตรงไหนสวย เราก็จอดถ่ายรูป เพราะชั้นน่ะไปทริปถ่ายรูปอยู่แล้ว ก่อนมาหมอก็ให้ยาเอ็นร้อยหวายอักเสบมาเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้น ไม่เดินเยอะดีที่สุด

พอเราจอดรถถ่ายรูป รถคันหลังที่ตามมาก็จอดมั่ง มาก็อบมุมเราล่ะสิ อิๆ



ขี่รถผ่านทางเข้าหมู่บ้านเลาไชไป ไม่ลงดีกว่า ถ่ายรูปข้างบนก็พอแล้ว ขากลับถ้ามีเวลาค่อยแวะ

ขี่รถต่อไปเรื่อยๆ ตรงไหนสวยก็ถ่ายรูป จนไปเกือบถึงหมู่บ้านอะไรไม่รู้เกือบสุดทาง



ดูนาฬิกาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว คงต้องกลับกันแล้วล่ะ พวกชั้นเลยขี่มอไซค์ออกมาเรื่อยๆ อย่างเคย เห็นตรงไหนสวยก็จอด มุมนี้เป็นมุมที่ดีที่สุดที่ชั้นถ่ายรูปมา เสียอย่างเดียว มันมีเสาไฟฟ้าหลายเส้น ที่หลบไง ก็หลบแทบจะไม่พ้น หลบเส้นนี้ไปเจอเส้นนั้น พวกตากล้องทั้งหลายในบ้านเรา แทบจะตัดเสาไฟทิ้งก็เพราะงี้ล่ะ มันทำให้รูปเราดูรกหูรกตาพิกล



หลังจากที่ขี่รถหนีฝนมาทั้งวัน ฉันกะพี่ติก็เพิ่งได้เจอแสงแดดส่องลอดเมฆลงมาเป็นลำ นาข้าวเขียวๆ กระทบแสงแดดเนี่ย สวยจริงๆ เลยนะ



ขี่รถออกมา ดูเวลาแล้วยังไม่ 5 โมง ยังพอมีเวลาเหลือเลยขี่มอไซค์ลงไปที่หมู่บ้านเลาไช มีรถมารอรับนักท่องเที่ยวเพียบเลย เป็นรถตู้คันใหญ่ๆ ทางลงชันน่าดู รถใหญ่หลายคันยังมีลื่นโคลนบ้าง อะไรบ้าง แต่มอไซค์ชาวบ้านเก่งมากๆ หอบของเต็มรถก็ขึ้นลงไปชิวๆ เห็นแล้วทึ่งมากเลย



เราไปถ่ายรูปคู่กะสะพานทางเข้าหมู่บ้านซะหน่อย เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราน่ะไปไม่ถึง พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ขึ้นเขามา ชั้นน่ะกลัวแทบแย่ นั่งหลับตาตลอดทาง กลัวรถขึ้นเขาไม่ไหว แต่พี่ติเก่งอ่ะ มาได้จนรอด เย้ๆๆ



พี่ติอยากล้างรถให้ลุง เพราะตอนนี้รถซกมกแล้ว กะว่าจะล้างรถที่น้ำตกอันสุดท้าย แต่จำกันผิด นึกว่าจะมีอีก เลยอดล้างรถให้ลุงเลย จริงๆ เราเห็นชาวเขาเค้าล้างรถ ซักผ้า เด็กๆ เล่นน้ำกันอยู่น้ำตกริมถนนหลายที่ ไม่กลัวรถที่ผ่านไปผ่านมาเฉี่ยวเอาหรือไงไม่รู้เหมือนกันนะ

เข้าเมือง ผ่านหน้าโรงแรมเรา เลยเอากล้องไปชาร์ตแบตก่อนตัวหนึ่ง ดูดการ์ดไว้ด้วย ดูเวลา ยังมีเหลืออีกหน่อย เลยขี่รถเข้าเมืองไปดูอะไรเล่น เพลินๆ ที่นี่มี Supermarket ด้วย ใหญ่เชียว น้ำขวดใหญ่ราคาแค่ 5,000 ด่ง เอง เราซื้อตามร้านก็ 6,000 – 8,000 แล้วแต่เค้าจะโก่งราคา



ผ่านทะเลสาบ จอดรถถ่ายรูป เมืองนี้เล็กและสงบจริงๆ ทะเลสาบน้ำนิ่งมาก สวย มีฉากหลังเป็นภูเขาสลับซับซ้อน โอ้ยยยย ไม่อยากกลับกรุงเทพเลย

คิดๆ ดู แป๊บเดียวเอง เวลาผ่านไปวันนี้วันที่ 4 แล้ว อีกสองวัน เราก็ต้องกลับแล้ว ยังไม่อยากกลับเลย

ขี่รถมาเรื่อยๆ เห็นสนามเทนนิส คนเล่นเยอะเหมือนกัน ดูนาฬิกาหกโมงกว่าแล้ว แต่ฟ้ายังไม่มืด ตอนเช้าที่เช่ารถเราบอกเค้าว่าจะมาคืนตอนเย็นๆ นี่มันก็เย็นแล้ว เลยชวนพี่ติเอารถไปคืนลุง ป่านนี้ลุงคงชะเง้อหารถตัวเองแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้สองนี้แอบเอารถแกไปขายหรือยัง

มาถึงโรงแรม ไม่เจอลุง อยู่แต่น้องเหวียนสาวน้อยคนนั้น เลยเอากุญแจกะข้าวของคืนเค้า ไม่เห็นมาตรวจอะไรรถเลย เราต้องจูงแขนพาไปดูว่าเราเติมน้ำมันมาให้เต็มนะ ชี้ๆ ให้ดูที่เกยจ์น้ำมัน เค้ายิ้ม ดีใจใหญ่

แต่แหม เสียดายจัง ไม่ได้เจอลุง อยากคุยกะลุงว่าบ้านแกอยู่ไหน อยากรู้ว่าจะคุยอะไรกันได้เยอะแค่ไหน เพราะแกพูดภาษาไทยเลยล่ะ

เราออกมาเดินเล่นที่หน้าโบสถ์ เดินเล่นในตลาด เย็นมากแล้ว ร้านส่วนใหญ่กำลังปิด แปลกดี มาสองวันแล้ว ยังไม่เห็นเด็กที่นี่ไปโรงเรียนเลย หรือเค้าไม่ต้องเรียนหนังสือกันก็ไม่รู้ แต่เด็กที่เราเห็นเดินขายของเมื่อวานกะวันนี้ก็ยังเดินขายอยู่

โทรไปหาเจ๊ เม้าธ์กันซะเงินหมด ต้องไปเติมเงิน เลยไปให้ร้านข้างๆ โรงแรมเติมเงินให้ เค้าเอาโทรศัพท์เราไปกดๆๆๆ หมดค่าเติมอีก 50,000 ด่ง พอได้โทรศัพท์คืนมา นึกได้ว่า อ้าว เมื่อกี้เค้าทำได้ไงอ่ะ โทรศัพท์เราเป็นเมนูภาษาไทยนี่นา แต่พี่ติว่าไม่แปลกเพราะเด็กกะโทรศัพท์มือถือของคู่กันอยู่แล้ว



ทุ่มกว่า เดินหาอะไรกิน เราเลือกกิน Hotpot เจ้าเดิม ไม่มีอะไรดีไปกว่าน้ำซุปร้อนๆ อร่อยๆ ซดเล่นแก้หนาวอีกแล้ว วันนี้ร้าน Sapa Smile ตั้งแต่เจ้าของยันเด็กเสริ์ฟ จำหน้าเราได้หมดแล้ว แน่นอน พี่ติต้องกินเบียร์ตามเคย เพราะชั้นอยากกินถั่วแกล้ม



กินเสร็จสามทุ่มกว่า เดินลงมา ได้ยินเสียงคนไทยแว๊ปๆ ทำใมเวลามาต่างบ้านต่างเมืองทีไร ได้ยินเสียงภาษาไทยทีไร ชื่นใจทุกทีก็ไม่รู้สิ เดินเข้าร้าน เจอพี่กลุ่มหนึ่งกำลังต่อกระเป๋า เสื้อผ้ากันอยู่ ไถ่ถามได้ความว่าพี่เค้ามาเป็นคาราวาน 4 WD ขับรถกันมา ข้ามจากเชียงของเข้าลาว ผ่านด่านเดียนเบียนฟู เก่งมากๆ เลย พี่เค้าซื้อกัน ต่อกัน สนุกมาก เราก็ร่วมวงกะเค้าด้วย แหม ถ้าไม่ติดว่ายังต้องเดินทางต่ออีก คงจะซื้อกะพี่เค้าด้วยล่ะ ซื้อเยอะๆ ถูกกว่า

ดูนาฬิกา อ้าว 4 ทุ่มกว่าแล้ว ลาพี่เค้า ขออีเมลล์เอาไว้คุยกัน ชวนกันไปเที่ยวทีหลัง ต้องนอนแล้วล่ะ เพราะพรุ่งนี้เราต้องคืนห้องก่อน 9 โมงเช้า แล้วเดิน trekking ใน Catcat เพราะงั้นคืนนี้เรากะพี่ติต้องเก็บของกันอีกแล้ว



กว่าจะเก็บของเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน โทรศัพท์ไปห้องพี่ติ ตาอ้วนสงสัยเหนื่อยจัด หลับไปเรียบร้อยแล้ว เราเลยนอนมั่ง

วันนี้ปิดหน้าต่างเพราะฝนตก หนาวจัง

เฮ้อ.... จะได้นอนสบายๆ อย่างนี้คืนสุดท้ายแล้ว คืนพรุ่งนี้ก็ต้องนอนบนรถไฟอีก

Bye bye ซาปา ขอบคุณมากสำหรับความสุขได้รับตลอดทั้งวันนี้






Create Date : 10 ตุลาคม 2550
Last Update : 10 ตุลาคม 2550 15:10:55 น.
Counter : 1527 Pageviews.

2 comments
  
ว๊าวพี่เลี้ยงของเราก็คนเวียยดนาม!(แต่จะฟังภาษาเวียดนามได้ไหมอ่ะเนี่ย)
โดย: เนย IP: 101.108.184.87 วันที่: 26 มิถุนายน 2554 เวลา:20:01:36 น.
  
ภาพสวยจังค่ะ องค์ประกอบเยี่ยม สีสวยทุกรูปเลย เจ้าของบล็อคใช้กล้องรุ่นไหนหรอค่ะ ^^
โดย: Sasa IP: 180.214.214.171 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2554 เวลา:3:49:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยแก้มป่อง
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



"All Or Nothing"

ถ้าจะรักต้องให้หมดทั้งใจ หรือก็ไม่ต้องเลย
Friends Blog
[Add หมวยแก้มป่อง's blog to your weblog]