เจาะลึกบทความที่ร้อนสุดๆ เรื่อง "ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี" ของ อ.มีชัย ฤชุพันธุ์
อ.มีชัย เขียนบทความนี้ด้วยเหตุผลท้ายบทความว่า "ไหน ๆ คนในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก็ไปปล่อยข่าวกับหนังสือพิมพ์มติชนว่า ผมเป็นที่ปรึกษาลับ ๆ ให้กับนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง (อันที่จริงการอุปโลกน์นี้มีมาตั้งแต่ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ ๆ แล้ว ซึ่งผมก็ได้ปฏิเสธไปทุกครั้งที่มีการกล่าวอ้าง ปฏิเสธทั้งในที่ประชุมสัมมนา ทาง meechaithailand.com และต่อสื่อมวลชน แต่การปล่อยข่าวทำนองนี้ก็ดูเหมือนจะมีอยู่ร่ำไป) ข้อเขียนนี้ขอให้ถือเสียว่าเป็นคำปรึกษาของคนที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นที่ปรึกษาก็แล้วกัน"
บทความโดยย่อมีดังนี้..
ตลอดระยะเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เคยมีการประชุมข้าราชการระดับสูงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ดูเหมือนการประชุมเมื่อวันที่ 29มิถุนายน 2549 จะเป็นครั้งเดียวที่เขียนมาอ่าน ซึ่งน่าจะต้องแปลว่าท่านได้ไตร่ตรองและระดมมันสมองที่อยู่ใกล้ตัวมาอย่างรอบคอบแล้ว ว่าต้องการสื่อให้ตรงตามที่คิดไว้ทุกประการ
การเริ่มต้นด้วยการอัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ มากล่าวเพื่อชักจูงใจให้ข้าราชการที่อยู่กันพร้อมเพรียงกัน ณ ที่นั้นให้ปฏิบัติตาม อ.มีชัยชมว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่คำพูดต่อไปของนายกรัฐมนตรี กลับสร้างการวิพากษ์วิจารณ์ครั้งนี้ให้เกิดขึ้น อาทิ
- วันนี้องค์กรนอกรัฐธรรมนูญไม่ใช่ในรัฐธรรมนูญ คือบุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ
เข้ามาวุ่นวายองค์กรที่มีในระบบรัฐธรรมนูญมากไป มีการไม่เคารพกติกา - บางคนยังเข้าใจว่าตัวเองมีความสำคัญมากกว่าคนจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเสียงของตัวเองต้องดังและมีความหมายกว่าเสียงของคนอื่น
ไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน - มีคนอยากเป็นนายกรัฐมนตรีมาตรา ๗ ทั้ง ๆ ที่มีพระราชดำรัสรับสั่งออกมาแล้วว่ามาตรา
๗ นั้นไม่เป็นประชาธิปไตย เลยทำให้วุ่นวายกัน - ตอนท่านรองนายกรัฐมนตรีวิษณุ เครืองาม ท่านเลขาธิการคณะรัฐมนตรีบวรศักดิ์ อุวรรณโณ
มาขอลาออก ก็ยังพูดกับผมถึงเรื่องแรงจูงใจที่มีคนมาขอให้ออก - บางองค์กรหัวหน้าองค์กรถึงขนาดยอมทำให้ระบบขององค์กรตัวเองเสีย เพื่อที่จะทำตามนโยบายผู้ที่ร้องขอบางราย
- ท่านทำหน้าที่ของท่านไปตรงนั้น นั่นคือ ธง ไม่ต้องรออีกธงหนึ่งเลย ธงเดียว
และใครมาแอบสั่งราชการ อย่าปฏิบัติ เพราะหน้าที่ของท่านทำตามนั้นแล้ว คนที่จะสั่งราชการของท่านคือผู้บังคับบัญชาโดยตรง ประเภทแอบสั่งราชการนั้นผมขอร้องทั้งคนแอบสั่งและคนปฏิบัติ - ผมจะไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ไม่ผ่านกระบวนการประชาธิปไตยโดยเด็ดขาด
ผมจะขอปกป้องประชาธิปไตยของชาติ....ใครก็แล้วแต่จะนำพาประเทศถอยหลังเข้าคลองโดยทิ้งประชาธิปไตย ผมไม่ยอม ขอย้ำอีกครั้งว่าผมจะปกป้องประชาธิปไตยด้วยชีวิต
อ.มีชัยชี้ให้เห็นว่า คำพูดของนายกรัฐมนตรีนั้น มิได้มีสิ่งใดที่จะแสดงให้เห็นถึง ความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญ ต่อกันเลย ทั้งยังไม่อาจกล่าวได้ว่า อยู่ในความสุจริต ในกฎ กติกา และในระเบียบแบบแผนโดยเท่าเทียมเสมอกัน
- เมื่อมีคนไปถามท่านว่าท่านหมายถึงใครที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญแล้วเข้ามาวุ่นวายในองค์กรต่าง
ๆ ท่านไม่ตอบแต่กลับจะร้องเพลงให้ฟัง - เมื่อท่านไม่ตอบจึงเป็นธรรมดาที่สื่อมวลชนและผู้คนทั่วไปจะแปลกันไปต่าง ๆ นานา
อ.มีชัยวิเคราะห์ว่า เมื่อคนทั้งประเทศเชื่อกันว่าคนที่มีบารมีมากที่สุดและเป็นที่รักของคนทุกคน ก็คือ พระเจ้าอยู่หัว ส่วนคนที่เคยอยู่ในแวดวงการเมืองที่มีบารมีและคนยังเคารพนับถือ ก็คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งบัดนี้ท่านก็พ้นจากแวดวงการเมืองไปดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี อันเป็นตำแหน่งที่อยู่ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัว
อ.มีชัยได้เจาะถึงจุดสำคัญว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 8 บัญญัติว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้ ขึ้นมาในบทความนี้ด้วย
สุดท้าย อ.มีชัยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี "จะต้องทำความชัดเจนให้เกิดขึ้น" ถ้าท่านมิได้หมายความอย่างที่คนเขาคลางแคลงใจ แม้ท่านจะไม่อยู่ในฐานะที่จะบอกได้ว่าหมายถึงใคร แต่ท่านก็อยู่ในฐานะที่จำต้องออกมาบอกให้ชัดเจนว่าท่านมิได้หมายถึงใคร
ข้อมูล : มุมของมีชัย "ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี"
Create Date : 07 กรกฎาคม 2549 |
|
1 comments |
Last Update : 7 กรกฎาคม 2549 16:05:49 น. |
Counter : 598 Pageviews. |
|
|