มกราคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
วิธีพิชิต "ความขี้กลัว" ของลูก
วิธีพิชิต "ความขี้กลัว" ของลูก
เมื่อพูดถึง "ความกลัว" ของเด็ก ถือเป็นความกังวลอันดับต้นๆ ของพ่อแม่ที่ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็ก "ขี้กลัว" โดยเฉพาะหลายๆ บ้านที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยอนุบาล ความกลัวกับเด็กเป็นเรื่องที่หลีกหนีไม่พ้น ไม่ว่าจะกลัวความมืด กลัวเสียงฟ้าร้อง กลัวคนแปลกหน้า หรือกลัวในเรื่องที่ไม่สมควรกลัว ซึ่งความกลัวเหล่านี้ได้กลายเป็นความวิตกให้กับพ่อแม่จำนวนไม่น้อย เพราะไม่อยากให้ลูกเติบโตเป็นเด็กไม่กล้าจนกระทบต่อกิจวัตรประจำวันของลูก

ปัญหาข้างต้น พญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล อธิบายให้ทีมข่าว Life and Family ฟังว่า ความกลัวเป็นธรรมชาติของเด็กที่เกิดขึ้นได้ปกติ เพราะเด็กยังไม่สามารถเข้าใจในเรื่องต่างๆ ได้ดีเกือบทั้งหมด เนื่องจากการรับรู้ หรือเรียนรู้ครั้งแรกของเด็ก เป็นธรรมดาที่ทำให้เกิดความไม่กล้า หรือเกิดความกลัวได้ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงระดับพัฒนาการ และความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองของเด็กที่ในบางครั้งยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ดี เด็กจึงรู้สึกไม่แน่ใจ และไม่ปลอดภัย ก่อให้เกิดเป็นความกลัวขึ้นได้

ด้านสภาพการเลี้ยงดูลูกในครอบครัว คุณหมอบอกว่า มีผลต่อความกลัวของเด็กเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพ่อแม่ไม่ให้เวลา และความอบอุ่นกับลูกอย่างเต็มที่ เด็กก็จะเกิดความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว ยิ่งถ้าอยู่ในครอบครัวที่มีแต่เสียงทะเลาะกันของพ่อแม่ทุกวัน ๆ เด็กจะจำ และซึมซับเสียงนั้นจนฝังใจ ส่งผลให้กลัวเสียงดังไปโดยปริยาย เช่น รู้สึกกลัวเมื่อเห็นผู้ใหญ่ทะเลาะกัน เป็นต้น

"พ่อแม่ที่ชอบใช้วิธีการขู่ หรือหลอกให้ลูกเกิดความกลัวเพื่อไม่ให้ทำในสิ่งต่างๆ เช่น ออกไปนอกบ้าน ระวังตำรวจจับนะ หรือ ถ้าซนมากๆ เดี๋ยวแม่จะให้หมอมาฉีดยาเลยนะ ซึ่งการขู่ลูกในลักษณะเช่นนี้ หากเกิดขึ้นบ่อย เด็กจะค่อยๆ ซึมซับความกลัวจนกลายเป็นกลัวฝังใจได้" พญ.พรรณพิมลกล่าว

อย่างไรก็ดี เมื่อลูกต้องเผชิญกับความกลัวในสิ่งต่างๆ คุณหมอท่านนี้แนะนำว่า พ่อแม่ไม่ควรตำหนิ หรือผลักให้ลูกเข้าไปเผชิญหน้ากับความกลัว เช่น กลัวความมืด หรือกลัวผี บางคนขังลูกไว้กับความกลัว ความมืด เพื่อให้ลูกคุ้นชิน แต่สิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้เด็กเกิดความกลัวมากขึ้น กลายเป็นกลัวฝังใจ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ เช่น เห็นอะไรก็กลัวไปหมด ทำให้การใช้ชีวิตไม่สนุก

"คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าไปปลอบ เพื่อให้ลูกลดอาการกลัวลง และมีความมั่นใจขึ้น เช่น ถ้าลูกกลัวสัตว์เลี้ยง พ่อแม่ต้องค่อยๆ ให้เรียนรู้ถึงมุมที่น่ารักของสัตว์ ไม่ว่าจะเล่าเรื่อง มีภาพน่ารักๆ โดยหยิบยกมาจากในหนังสือนิทาน หรือการ์ตูน หรือในกรณีที่ลูกกลัวความมืด พ่อแม่อาจหาโคมไฟสำหรับเด็กที่สามารถหรี่ไฟให้อ่อนลงได้ ซึ่งค่อยๆ ปรับให้ลูกคุ้นชินกับความมืด ช่วยให้ลูกปรับตัวได้ง่ายขึ้น" พญ.พรรณพิมลแนะแนวทางที่ถูกต้อง

อยู่กับ "ความกลัว" อย่างเข้าใจ

ด้าน คุณกพล ทองพลับ หรือดีเจป๋องแห่ง The Shock FM ผู้คลุกคลีอยู่กับโลกแห่งวิญญาณ ได้ให้มุมมองในเรื่องเดียวกันว่า การที่เด็กฝังจำเรื่องความกลัว อาจเป็นผลมาจากคำสอน หรือการเตือนของคนสมัยก่อนที่จะปรามไม่ให้เด็กทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ถ้าไม่กินข้าวเดี๋ยวตุ๊กแกมากินตับนะ หรือ ถ้ายังไม่นอนเดี๋ยวผีมาหรอกนะ แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ พ่อแม่หลายคนเริ่มเข้าใจ และมีเหตุผลในการสอนมากขึ้น

"จริงๆ แล้วผู้ใหญ่สมัยก่อนอาจมองว่า การหลอกเป็นกุศโลบายในการสอนเด็ก เพราะไม่รู้จะบอกเด็กให้เชื่อฟังได้อย่างไร แต่ในสมัยนี้ผมมองว่ามีให้เห็นน้อยแล้วนะ เพราะพ่อแม่หลายคนเข้าใจ และจะใช้เหตุผลในการสอนลูกมากขึ้น เช่น ถ้าลูกไม่นอน ก็จะชี้แจงให้ลูกเข้าใจว่า ถ้าไม่นอน ร่างกายของหนูจะไม่แข็งแรง และไม่มีแรงไปวิ่งเล่นพรุ่งนี้นะ" ดีเจป๋องให้มุมมอง

สำหรับเรื่องผีนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่มีความกลัวอยู่ในตัวไม่น้อย ในเรื่องนี้ ดีเจป๋องบอกว่า เรื่องผีเป็นเรื่องที่สนุก และตื่นเต้น เพราะชีวิตคนเราถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้เลย ชีวิตก็ขาดสีสัน แต่ก็อย่าไปกังวล หรือคิดมากจนมีปัญหากับการใช้ชีวิต พ่อแม่ต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจ และใช้ประโยชน์จากเรื่องผีมาเป็นหลักในการสอน

"พ่อแม่ต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า เรื่องผีเป็นเพียงเรื่องเล่า โดยขณะที่ฟัง หรือดูหนังผีกับลูกนั้น ก็สอนลูกได้ไม่ยาก เช่น เห็นไหมลูก คนนี้ถูกผีหลอกเพราะอะไร เพราะเขาพูดจาไม่ดี ลบหลู่ พูดจาไม่น่ารัก เขาก็เลยถูกผีหลอก ดังนั้นเวลาที่ลูกจะพูดกับผู้ใหญ่ ลูกต้องพูดจาสุภาพ น่ารักนะคะ หรือถ้าในกรณีที่ลูกได้ยิน หรือเห็นภาพแปลกๆ การพิสูจน์ความจริงร่วมกันกับลูก จะช่วยให้เด็กกระจ่าง และมั่นใจมากขึ้น ดังนั้นเรื่องผี ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างเดียว มันมีมุมที่พ่อแม่จะเลือกหยิบมาสอนลูกได้ตลอด" ดีเจป๋องแนะวิธี

ดีเจป๋องฝากทิ้งท้ายว่า ถ้าเมื่อไรที่คนเราไม่มีความกลัว ความสนุกในการติดตามเรื่องผี มันก็ไม่สนุก ฉะนั้นความกลัวมันอยู่กับเราได้ เพียงแค่จัดการความกลัวให้อยู่ในระบบระเบียบที่เหมาะสม ซึ่งพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี สอนให้ลูกรู้จักกลัวอย่างมีเหตุผล สิ่งไหนควรกลัว หรือไม่ควรกลัว และที่สำคัญพ่อแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักระวังตัวจากความไม่กลัวด้วย เพราะถ้าขาดการระมัดระวัง หรือประมาทเลินเล่อ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือสิ่งที่ไม่คาดคิดตามมาได้ง่าย


ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์



Create Date : 21 มกราคม 2554
Last Update : 21 มกราคม 2554 13:30:58 น.
Counter : 2814 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อยากเป็นแม่ที่ดี
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



fieldset{ border: 2px solid; padding: 4px 4px 4px 4px; border-color : #FF00CC; width: 590px;}
New Comments