เมื่อประมาณกันยายน 2008 เราได้ไปเกาหลีไปฝึกอบรมของที่ทำงาน ซึ่งทางเกาหลีมีทุนมาให้

ก็จะมีหลายประเทศที่ไปอบรม เช่น ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซียสิงคโปร์ อิรัก อิหร่านฯ

นึกภาพออกเลยใช่ป่ะ .... เรายังไปคุยกับหนุ่มอิรักเลยว่าบ้านเขาเป็นไง หลังโดยอเมริกา

ถล่ม  คุยกับเขาเขาก็ยังร่าเริงอยู่นะ เพื่อนคนหนึ่งชื่อเรียกยากมาก เราเรียกเพี้ยนไปเป็นมอฟีน

ตอนหลังเขาเลยเป็นนายมอฟีนของเรา และอีกหลายๆคนตอนนี้ก็มาเป็นเพื่อนในเฟสบุคกัน 

ถึงไม่ได้คุยกันแต่ก็ยังเหมือนเป็นเพื่อนกันเรื่อยๆ เห็นกันตลอด

บางคนก็ให้ความรู้สึกที่ดี อบอุ่นทุกครั้งที่นึกถึงวันเวลาที่มีร่วมกันช่วงสั้นๆ หนุ่มเกาหลีที่

โรแมนติก อ่อนโยน นอบน้อม และถ่อมตน (ตอนนั้นยังโสดนะจ๊ะ)

โดยภาพรวมแล้วก็ได้ความรู้กันเต็มเปี่ยม  แล้วทางสถาบันฯ KOICA ที่ให้ทุนไปอบรมก็ได้พา

ไปเที่ยวด้วย  อันนี้คิดว่าเป็นนโยบายของเขาเลยคือพอคนไปเห็นที่ประทับใจ ต้องไปบอก

กล่าวญาติพี่น้อง คนรู้จัก เพื่อน แบบการโฆษณาปากต่อปาก ก็ทำให้คนอยากมาอีกก็จะได้มี

รายได้เข้าประเทศอีก นโยบายเหนือชั้นจริงๆ ที่ได้ไปเที่ยวก็หลายทีนะ แต่คงบรรยายไม่ละเอียด

เท่าไรเพราะนานแล้วแต่อยากมาใส่ใน blog

เผื่อเป็นข้อมูลเล็กๆได้ และอยากเก็บเป็นความทรงจำด้วย

ตอนบินไปลงที่เกาหลี เผอิญเป็นหญิงไทยที่บินไปคนเดียว ถูกเชิญเข้าห้องพิเศษ งงเลยอ่ะ

ประมาณว่า "ช้านนนได้ทุนมานะ แล้วทำไมปฏิบัติกับชั้นยังกับคนหนีเข้าเมืองยังงั้นล่ะ"

 เราก็ยื่นเอกสารเชิญ แต่ก็ต้องรอเจ้าหน้าที่ของ KOICA ที่ให้ทุนมารับออกไป

 ถึงได้ออกไปจากห้องพิเศษนี่ 

ไปเที่ยวกันดีก่า 

พระราชวังเคียงบก (GyeongbokPalace) หรืออาจเรียกว่าเคียงบกคุง (Gyeongbokgung) ก็ได้

(คุง แปลว่า พระราชวัง) เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี 

พระราชวังเคียงบกสมัยราชวงศ์โซซอนเป็นที่ประทับของพระราชาของเกาหลีเมื่อสมัย 600 ปีก่อน

ถือเป็นจุดที่ตั้งตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีที่สุด 

ตอนนั้นที่ไปเจอคุณจ๊อบนิธิ กับคุณหญิงด้วย  

แหม...อยู่เมืองไทยไม่เคยเจอ ไปเจอกันที่เกาหลี

เจอสาวๆใส่ชุดประจำชาติ ไม่รู้ว่าเข้าฉากละครหรือเปล่า แต่ขอถ่ายรูปไว้ก่อน หุหุ

ภายในพระราชวังเคียงบกประกอบไปด้วยพระที่นั่งต่าง ๆ มากมาย เช่น พลับพลากลางน้ำ

ห้องประทับของกษัตริย์และพระราชินีห้องทรงพระอักษร ท้องพระโรง สวนกลางแจ้ง เป็นต้น

จุดเด่นอยู่ตรงนี้ พลับพลากลางน้ำ เดือนที่ไปปลายๆกันยายน ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจเท่าไรเลยค่ะ

สถาปัตยกรรมที่งดงาม มองเห็นแล้วก็อยากเก็บไว้ในความทรงจำ

อีกหนึ่งความทรงจำของอีกวัฒนธรรมที่ได้มีโอกาสได้มาเรียนรู้และเยี่ยมเยียน

วิธีชีวิตของวัฒนธรรมต้องเดินทางมาสักเท่าไรจึงจะถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลัง

ได้ภาคภูมิใจและเรียนรู้

คนนี้คือไกด์ของเราสนุกสนานเป็นกันเอง เธอบอกเธอชอบเมืองไทยมาก เธอเป็นฟรีแลนด์

พอมีงานก็มาทำงาน ไม่มีก็จะว่าง ไม่ได้เป็นพนักงานบริษัททัวร์เพราะค่าแรงที่เกาหลีค่อนข้างสูง

ส่วนใหญ่จะจ้างฟรีแลนด์มาทำงานมากกว่า

ห้องตัวอย่างที่เปิดให้ชม

บรรยากาศโดยรอบ ร่มรื่นมาก ต้นไม้เต็มไปหมด

อีกจุดหนึ่ง ตรงนี้จำไม่ได้ว่าคืออะไร เอานึกออก แล้วจะมาเขียนเฉลยไว้ให้นะคะ

บริเวณใกล้ๆพระราชวังจะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลี และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติฃ

 (National Folk Museum of Korea)

บรรยากาศภายใน

ตัวอย่างรถในสมัยก่อนที่ใช้กัน

นาฬิกาทราย

ภายในพิพิธภัณฑ์จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นอยู่

วิวัฒนาการของวัฒนธรรมเกาหลี

ภาพวาดภายใน

รูปตุ๊กตาที่แสดงวิถีชีวิตของชาวเกาหลี

เดี๋ยวไปต่อที่หอคอยกรุงโซลกันค่ะ

อ่านต่อตอนที่ 2  --- >  //www.bloggang.com/mainblog.php?id=functionaltextiles

กลับไปที่สารบัญ blog ---> ที่นี่