|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์
| | | |
พระนารายณ์ บรรทมสินธุ์
ภาพจำหลักรูปดอกบัวแปดกลีบ
ปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู
ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล
ชื่อพนมรุ้งแปลว่าภูเขาใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นใน
พุทธศตวรรษที่ 15 18 จารึกต่างๆที่นักวิชาการได้อ่าน
และแปลพอจะสรุปได้ว่า พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 3
กษัตริย์แห่งเมืองพระนคร (พ.ศ.1487 1511)
ได้สถาปนาเทวาลัยถวายพระอิศวรที่ขาพนมรุ้ง
ซึ่งในสมัยแรกๆคงยังไม่ใหญ่โตนัก ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 5
(พ.ศ.1511 1544)ได้ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่
เทวสถานพนมรุ้ง ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 นเรนทราทิตย์
เจ้านายแห่งราชวงศ์มหิทรปุระที่ปกครองดินแดนแถบนี้
(ซึ่งเป็นต้นตระกูลของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างนครวัด)
ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นและได้ทรงบำเพ็ญพรตเป็นโยคี
ณ ปราสาทพนมรุ้ง
พนมรุ้ง เป็นชื่อดั้งเดิม ซึ่งปรากฏหลักฐานตามศิลาจารึก
ที่ค้นพบปราสาทแห่งนี้ ปราสาทพนมรุ้งสร้างขึ้นเนื่องใน
ศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย ซึ่งนับถือ
พระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด ดังนั้น เขาพนมรุ้งจึงเปรียบเสมือน
เขาไกรลาสที่ประทับของพระศิวะ
องค์ประกอบและแผนผังของปราสาทพนมรุ้ง
ได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเป็นแนวเส้นตรง
และเน้นความสำคัญเข้าหาจุดศูนย์กลาง
นั่นคือปราสาทประธานซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
ด้านขวาของบันไดทางขึ้นสู่ศาสนสถานมีอาคารที่เรียกว่า
พลับพลา อาคารนี้อาจจะเป็นอาคารที่เรียกกันในปัจจุบันว่า
พลับพลาเปลื้องเครื่อง ซึ่งเป็นที่พักจัดเตรียมองค์
ของพระมหากษัตริย์ ก่อนเสด็จเข้าสู่การสักการะเทพเจ้า
หรือประกอบพิธีกรรมในบริเวณศาสนสถาน
ถัดจากนั้นเป็นทางเดินทั้งสองข้างประดับด้วย
เสามียอคล้ายดอกบัวตูมเรียกว่าเสานางเรียง
จำนวนข้างละ 34 ต้น ทอดตัวไปยังสะพานนาคราช
ซึ่งผังกากบาทยกพื้นสูง ราวสะพานทำเป็น
ลำตัวพญานาค 5 เศียร สะพานนาคราชนี้
ตามความเชื่อเป็นทางที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเทพเจ้า
สิ่งที่น่าสนใจคือ จุดกึ่งกลางสะพาน
มีภาพจำหลักรูปดอกบัวแปดกลีบ
อาจหมายถึงเทพประจำทิศทั้งแปด ในศาสนาฮินดู
หรือเป็นจุดที่ผู้มาทำการบูชา ตั้งจิตอธิษฐาน
จากสะพานนาคราชชั้นที่ 1 มีบันไดจำนวน 52 ขั้นขึ้นไป
ยังลานบนยอดเขา ที่หน้าซุ้มประตูระเบียงคดทิศตะวันออก
มีสะพานนาคราชชั้นที่ 2 ระเบียงคดก่อเป็นห้องยาวต่อเนื่องกัน
เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารอบลานปราสาท
แต่ไม่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ เพราะมีผนังกั้นอยู่เป็นช่วงๆ
มีซุ้มประตูกึ่งกลางของแต่ละด้าน ที่มุมระเบียงคด
ทำเป็นซุ้มกากบาท ที่หน้าบันของระเบียงคดทิศตะวันออกด้านนอก
มีภาพจำหลักรูปฤาษีซึงหมายถึงพระศิวะ
ในปางที่เป็นผู้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ และอาจรวมหมายถึง
นเรนทราทิตย์ ผู้ก่อสร้างปราสาทประธานแห่งนี้ด้วย
ปราสาทประธาน ก่อด้วยหินทรายสีชมพู
มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมกว้าง 8.20 เมตรสูง 27 เมตร
ด้านหน้าทำเป็นมณฑปโดยมีอันตราละหรือ
ฉนวนเชื่อมปราสาทประธานนี้ เชื่อว่า สร้างโดย นเรนทราทิตย์
ซึ่งเป็นผู้นำปกครองชุมชนที่มีปราสาทพนมรุ้งเป็นศูนย์กลาง
ราวพุทธศตวรรษที่ 17
ภายในเรือนธาตุตรงกึ่งกลาง เรียกว่าห้องครรภคฤหะ
เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุด ในที่นี้คือ ศิวลึงค์
ซึ่งแทนองค์พระศิวะ เป็นที่น่าเสียดายว่า
ประติมากรรมชิ้นนี้ได้สูญหายไป เหลือเพียงแต่ ท่อโสมสูตร
คือร่องน้ำมนต์ที่ใช้รับน้ำสรงจากการสักการะศิวะลึงค์เท่านั้น
ทางเดินด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
และทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทประธาน
มีปราสาทอิฐสององค์และปรางค์น้อย จากหลักฐานทางด้าน
สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม กล่าวได้ว่า
ปราสาททั้งสามหลังได้สร้างขึ้นก่อนปราสาทประธาน
ราวพุทธศตวรรษที่ 15 และ 16 ตามลำดับ
ส่วนทางด้านหน้าของปราสาทประธาน คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
และทิศตะวันออก
เฉียงใต้ มีอาคารรสองหลัง ก่อด้วยศิลาแลง
เรียกว่าบรรณาลัย ซึ่งเป็นที่เก็บ
รักษาคัมภีร์ทางศาสนา ก่อสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18
ที่บริเวณหน้าบันและทับหลังของปราสาทประธาน
มีภาพจำหลักแสดงเรื่อง
ราวในศาสนาฮินดู เช่นพระศิวนาฏราช (ทรงฟ้อนรำ)
พระนารายณ์บรรทมสินธุ์อวตารของพระนารายณ์
เช่น พระรามในเรื่องรามเกียรติ์ หรือพระกฤษณะ ภาพพิธีกรรม
ภาพชีวิตประจำวันของฤาษีเป็นต้น
กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนปราสาทพนมรุ้ง
เป็นโบราณสถานของชาติเมื่อปี พ.ศ. 2475
ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75
ต่อมาได้ดำเนินการบูรณะตั้งปี พ.ศ. 2514
จนเสร็จสมบูรณ์ มีการพัฒนาและปรับปรุงดำเนินการ
เป็นอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2531
ศาสนสถานแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟ
อาจเป็นเพราะภูเขามีความสูงไม่
มากนักและปากภูเขาไฟยังเป็นแอ่งน้ำธรรมชาติอีกด้วย
ประการสำคัญคือความเชื่อของคนพื้นถิ่น
ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นับถืออำนาจเหนือ
ธรรมชาติ เชื่อว่าในธรรมชาติมีวิญญาณที่สามารถ
ดลบันดาลให้เกิดสิ่งที่ดีและไม่ดีได้แก่มนุษย์ได้
จึงมีการนับถือภูเขา ป่าไม้ แม่น้ำ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับ
การดำรงชีวิตในอดีต นอกจากนี้
การสร้างปราสาทบนภูเขายังพ้องกับคติ
ความเชื่อในศาสนาฮินดูที่เปรียบปราสาทหิน
ดั่งเทวาลัยของเทพเจ้าบนยอดเขาพระสุเมรุ
ศูนย์กลางแห่งจักรวาล ชุมชนที่เขาพนมรุ้ง
เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เพราะนอกจากมีบารายหรืออ่างเก็บน้ำ
ซึ่งใช้ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของปากปล่องภูเขาไฟเดิม
เป็นอ่างเก็บน้ำอยู่บนเขาอยู่แล้ว ที่เชิงเขามีบารายอีก 2 สระ
คือสระน้ำหนองบัวบารายที่เชิงเขาพนมรุ้ง
และสระน้ำโคกเมืองใกล้ปราสาทเมืองต่ำ
สระน้ำบนพื้นราบเบื้องล่างภูพนมรุ้งนี้รับน้ำมาจากธารน้ำที่
ไหลมาจากบนเขา นอกจากนี้ยังมีกุฏิฤาษีอยู่ 2 หลัง
เป็นอโรคยาศาลที่รักษาพยาบาลของชุมชนอยู่เชิงเขาด้วย
บริเวณที่ตั้งของปราสาทพนมรุ้งอาจเคยเป็น
ที่ตั้งของศาสนพื้นถิ่นมาก่อนที่จะมีการก่อสร้างขึ้นเป็นปราสาท
ที่มีความใหญ่โตงดงาม สมกับเป็น กมรเตงชคตวฺนํรุง
ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งปราสาทพนมรุ้ง
อันหมายถึงองค์พระศิวะในศาสนาฮินดูที่กษัตริย์ขอมทรงนับถือ
การเปลี่ยนสถานที่เคารพพื้นถิ่นให้เป็นปราสาทกินตามแบบคติขอม
น่าจะเกี่ยวเนื่องกับ การเปลี่ยนลักษณะการเมืองการปกครอง
ที่ผู้นำท้องถิ่นมีความสัมพันธ์กับกษัตริย์ขอมโดยใช้
ระบบความเชื่อมทางศาสนาวัฒนธรรม
และวัฒนธรรมท้องถิ่น
จะเห็นได้ว่าปราสาทพนมรุ้งไม่เพียงแต่จะมีความโดดเด่น
ในด้านการวางผังที่สัมพันธ์กับภูมิประเทศแล้ว
การตกแต่งด้วยภาพจำหลักหินที่ทับหลังและ
หน้าบันยังเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของปราสาทหินสีชมพูแห่งนี้
นอกจากงดงามด้วยฝีมือช่างแล้ว
ยังเผยให้เราได้รู้ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นภาพที่บอกถึงการเป็นเทวสถานของพระศิวะ
ภาพพิธีกรรมต่างๆและภาพเรื่องราวจากมหากาพย์ของอินเดีย
คือรามายณะและมหาภารตะ เป็นต้น
ปราสาทพนมรุ้งได้รับการบูรณะด้วยกรรมวิธีอนัสติโลซิส
ซึ่งเป็นการบูรณะโบราณสถานโดยทำสัญลักษณ์ของชิ้นส่วนต่างๆ
ก่อนจะรื้ออกเพื่อเสริมรากฐาน และนำชิ้นส่วนต่างๆ
มาประกอบขึ้นใหม่ตามเดิมซึ่งวิธีการเช่นนี้ใช้กับ
ปราสาทหินหลายแห่ง เช่นปราสาทหินพิมาย
ปราสาทพนมวัน เป็นต้น
ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 (เมษายน) ของทุกปี
มีงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปี
โดยในวันนี้พระอาทิตย์แรกแห่งอรุณจะสาดส่อง
ทะลุผ่านประตูทั้ง 15 ช่องชาวบ้านจะเดินเท้าขึ้นมา
เพื่อชมความอลังการที่ผสานระหว่างธรรมชาติ
และสิ่งก่อสร้างของบรรพชน
สถานที่ตั้ง
ปราสาทพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่บ้านตาเป๊ก
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์
เวลาทำการ 06.00 น. 18.00 น.
ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท
ชาวต่างชาติ 40 บาท
การเดินทาง
จากอำเภอนางรอง ใช้ทางหลวงหมายเลข 24
ประมาณ 14 กิโลเมตร ถึงสามแยกโรงเรียนบ้านตะโก
เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2117 ตรงไปราว 6 กิโลเมตร
ถึงบ้านตาเป๊ก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2221
อีก 6 กิโลเมตร
รถประจำทาง
รถโดยสารจากกรุงเทพฯ เขาพนมรุ้ง
ลงที่เชิงเขาแล้วต่อรถสองแถวขึ้นปราสาท
รถสายบุรีรัมย์ นางรอง ลงสถานีนางรองแล้วต่อรถสองแถว
ขอขอบคุณข้อมูลจากอินเตอร์เนตค่ะ
คราวหน้าพาชมปราสาทเมืองต่ำที่อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ
| | | | |
Create Date : 29 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2551 21:21:57 น. |
|
68 comments
|
Counter : 2089 Pageviews. |
|
|
|
โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:19:02:46 น. |
|
|
|
โดย: Zantha วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:19:26:04 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:20:49:59 น. |
|
|
|
โดย: OFFBASS วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:21:09:21 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:21:21:36 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:21:35:09 น. |
|
|
|
โดย: veerar วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:21:36:00 น. |
|
|
|
โดย: ภูริดา วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:22:35:35 น. |
|
|
|
โดย: superss วันที่: 29 ตุลาคม 2551 เวลา:22:57:25 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:1:37:32 น. |
|
|
|
โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:2:00:36 น. |
|
|
|
โดย: Opey วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:6:26:56 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:6:55:19 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:7:22:35 น. |
|
|
|
โดย: ตาติ๊ก สกุลเพชร IP: 125.26.99.231 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:8:47:50 น. |
|
|
|
โดย: ตาติ๊ก สกุลเพชร IP: 125.26.99.231 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:8:59:46 น. |
|
|
|
โดย: แม่นู๋มี่ วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:9:02:29 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:13:21:51 น. |
|
|
|
โดย: Jiji&Kaka วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:17:14:19 น. |
|
|
|
โดย: KyBlueSky วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:19:18:41 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:21:24:55 น. |
|
|
|
โดย: annie l IP: 115.132.52.62 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:22:54:53 น. |
|
|
|
โดย: ลิตช์ (Litchi ) วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:23:02:02 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:23:40:19 น. |
|
|
|
โดย: dj booboo วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:1:08:01 น. |
|
|
|
โดย: katoy วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:8:00:07 น. |
|
|
|
โดย: มิตรรัก IP: 202.149.25.201 วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:9:28:40 น. |
|
|
|
โดย: Tangible วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:10:34:03 น. |
|
|
|
โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:10:57:51 น. |
|
|
|
โดย: MeMoM วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:11:33:38 น. |
|
|
|
โดย: vanilla_ole วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:14:16:48 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:15:28:36 น. |
|
|
|
โดย: พี่สาว (พอที ) วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:15:39:58 น. |
|
|
|
โดย: paerid วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:17:26:41 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:20:17:35 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 1 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:17:56 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 1 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:58:40 น. |
|
|
|
โดย: katoy วันที่: 1 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:30:57 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:3:00:57 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:4:45:44 น. |
|
|
|
โดย: รัชชี่ IP: 58.10.161.194 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:07:58 น. |
|
|
|
โดย: Fullgold วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:11:13 น. |
|
|
|
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:11:51 น. |
|
|
|
โดย: แม่นู๋มี่ วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:32:07 น. |
|
|
|
โดย: Jiji&Kaka วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:44:02 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:24:35 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:38:05 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:20:35 น. |
|
|
|
โดย: vanilla_ole วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:25:40 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:15:58 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ใจก็พูดไม่ค่อยได้เต็มปากหรอกครับ
ขอบคุณที่พาไปเที่ยว