Photobucket - Video and Image Hosting
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
The 1st IVF, The Result Is Nothing But Hurt

เมื่อวานไปงานปาร์ตี้@japan คุณป้าพนอจัน กับคุณพี่กระตุกหนวดถามถึงรหัสลับเข้าบล็อค และก่อนหน้านี้มีพี่ ๆ น้อง ๆ หลังไมค์มาขอรหัสเข้าบล็อค ขอบคุณมากค่ะทุก ๆ คนที่ยังคิดถึงกันอยู่ และเข้ามาเยี่ยมเยียนกันอยู่เสมอ จริง ๆ ที่ล็อคบล็อคเอาไว้นั้นไม่ใช่เป็นเพราะว่าไม่ต้องการให้ใครเข้ามาอ่าน หรือมีอะไรเป็นความลับ แต่ที่จำต้องล็อคเพราะรู้สึกเกรงใจพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เข้ามาคอมเมนต์แล้วตัวเองไม่ได้เข้าไปขอบคุณความเห็นที่มาคอมเมนต์ได้ จึงคิดว่าการล็อคบล็อคน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

สาเหตุของการร้างราห่างบล็อคไปนาน 2-3 เดือนนั้นเป็นเพราะร่างกายไม่อำนวยให้มานั่งหน้าคอมพ์นาน ๆ เมื่อปฏิบัติตัวเองให้เคยชินกับการใช้คอมพ์แต่น้อย จึงทำให้บางวันไม่ได้เปิดคอมพ์เลย หรือถึงจะเปิดก็เพียงแค่เช็คเมล และฟังเพลงระหว่างทำงานบ้าน หรือท่องหนังสือเท่านั้น (ขนาดท่องหนังสือยังไม่วายเปิดเพลง หุหุหุ)

ครั้งล่าสุดที่มาupdateบล็อคก็คงจะไม่พ้นเรื่องการไปฉีดยาเร่งไข่ตกเพื่อทำเด็กหลอดแก้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ผลการทำเด็กหลอดแก้ว(IVF)ครั้งแรกก็ออกมาแล้วว่าล้มเหลว ใจจริงไม่อยากจะย้อนไปพูดถึงสิ่งที่สะกิดความรู้สึกอันเจ็บปวดอันนี้อีก เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อยากให้มันผ่านไป แล้วก็ต้องทำใจให้ได้ หากทำใจไม่ได้ มันก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้เหมือนกัน แต่ฉันคิดว่าบางทีประสบการณ์ของฉันอาจจะเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวของใครบางคนที่กำลังตัดสินใจเข้ารับการรักษาเรื่องมีบุตรยาก ใช่ไหมคะ
เนเน่จัง น้องkeichan สำหรับน้องTokyo Delightไม่ต้องพูดถึง เพราะเราส่งข่าวถึงกันบ่อย ๆ อยู่แล้ว น้องเป็น 1 ใน เพื่อน 3 คนแรกที่ฉันส่งเมลหาเช้าวันที่หมอนัดฟังผล และเลือดออก(ประจำเดือนมา)ฉลองความล้มเหลว

----------------------------------------------------------------------------------------------------

การทำเด็กหลอดแก้วครั้งแรก คุณหมอฟุคุดะเห็นว่าอายุฉันยังไม่มาก จึงใช้วิธีlongกับฉัน เริ่มจากวันที่ 4 นับจากวันไข่ตก ให้เริ่มพ่นจมูกดยใช้ยาBuserecur และวันที่ 3 ของการมีประจำเดือนเริ่มไปฉีดยาเร่งไข่ตก ควบคู่ไปกับการใช้ยาพ่นจมูก เมื่อฉีดยาไปได้ประมาณ 5 วันแรก คุณหมอนัดอัลตร้าซาวน์ดดูไข่ของฉัน พบว่ามีเพียง 1 ใบเท่านั้น คุณหมอประหลาดใจกับปรากฏการณ์เหนือความคาดหมายนี้มาก ที่พบว่าไข่ของฉันผลิตได้น้อยผิดปกติ แต่คุณหมอก็บอกให้ฉันฉีดยาไปเรื่อย ๆ (ทุกวัน) พร้อมกับซาวน์ดดูไข่ทุก 2-3 วัน พอฉีดยาได้ครบ 1 อาทิตย์คุณหมอพบถุงไข่ใบเล็ก ๆ เพิ่มอีก 2 ใบ คราวนี้คุณหมอขอเจาะเลือดฉันไปเทสต์เพื่อต้องการดูว่าทำไมปีกมดลูกของฉันผลิตไข่ได้น้อยเพียงนี้ แต่คุณหมอก็ยังให้ฉีดยาต่อไปอีก ฉันเริ่มใจไม่ดีแล้ว ที่แล้ว ๆ มาคิดว่าเป็นความผิดปกติของตาอ้วนจึงทำให้ไม่มีลูก เมื่อมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ฉันเริ่มคิดว่า เอ...หรือความผิดปกติจะมาจากเราหนอ.....

เมื่อฉีดยาครบ 10 วัน ซาวน์ดดูจำนวนไข่ และขนาดไป 2-3 รอบ พร้อมทั้งเจาะเลือด 2 ครั้งเพื่อดูปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อยานี้ คุณหมอก็ตัดสินใจเก็บไข่ฉัน ให้ตายสิ...ฉันอยากให้คุณหมอยกเลิกการทำเด็กหลอดแก้วครั้งแรกนี่เหลือเกิน เพราะว่าหากเก็บไข่ได้เพียง 3 ใบมันไม่คุ้มกับการต้องเสียเงินเยอะ ๆ เลย ฉันบอกกับคนรอบข้างทุกคนยกเว้นคุณหมอว่า ฉันอยากให้หมอฉีดเชื้อแทนทำเด็กหลอดแก้ว แต่คุณหมอบอกว่าหากไม่ลองเก็บไข่ออกมาดู ก็จะไม่รู้ว่าไข่ดีหรือไม่ดี

วันศุกร์ที่ 23(นับเป็นวันที่11นับตั้งแต่เริ่มฉีดยา)คุณหมอบอกว่าให้ฉันพ่นจมูกเช้ากับเย็นเท่านั้นพอ แล้วตอน 2 ทุ่มให้มาฉีดยาให้ไข่ตก เพื่อที่เช้าวันเสาร์ที่24 คุณหมอจะเก็บไข่ฉัน ฉันขอให้หมอใช้ยาสลบ เพราะรู้ตัวว่าคนใจเสาะอย่างฉันนี้ทนความเจ็บปวดของการดูดไข่ไม่ไหวแน่ ๆ แล้วระหว่างฉีดยาชา กับให้ยาสลบฉันก็ต้องขอให้สลบเหมือดเท่านั้น ฉะนั้นหลังเที่ยงคืนของวันศุกร์คุณหมอบอกให้ฉันงดทานอาหารและดื่มน้ำ

เช้าวันเสาร์ พยาบาลให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคนไข้ และเข้าไปนอนรอในห้องพิเศษที่มีไว้สำหรับคนที่ทำการรักษาเท่านั้น เมื่อถึงเวลาฉันก็เดินไปขึ้นเขียง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะคุณหมอมีเวลาให้คนไข้แต่ละคนไม่มากนัก วิ่งรอกไปมาระหว่างเตียง 2 เตียงที่มีผ้าม่านขึงกั้น พยาบาล 5-6 คนที่รายล้อมคุณหมอจึงต้องเตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพ พยาบาลคนหนึ่งฉีดยาเข้าที่เส้นเลือดที่แขนข้างขวาฉัน พร้อมกันนั้นคุณหมอก็เริ่มใส่เครื่องมือเข้าไปทางปากช่องคลอด ฉันรู้สึกปวดแปลบ แล้วก็สะลึมสะลือ มีความรู้สึกเหมือนตัวเองไม่หลับ รู้สึกเหมือนมีเงาคนขยับไปมา หูได้ยินเสียงอื้ออึง แต่ไม่สามารถจับเป็นคำพูดได้ ไม่รู้ว่าเป็นอยู่นานแค่ไหนก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัวว่าพร่ำเพ้อเรียกหาสามีตัวเองไม่ขาดปาก

主人は?主人は?

จากนั้นพยาบาลคนหนึ่งก็มาพยุงให้ฉันเดินกลับไปพักที่ห้องพักคนไข้ เอาชาเขียวเย็น กับคุกกี้yoku mokuมาให้ฉัน 2 ชิ้น แล้วพยาบาลก็ไปเรียกตาอ้วนให้เข้ามาหาฉัน (เดินยิ้มหน้าบานมาเลย) ฉันรู้สึกเจ็บหน่วง ๆ บอกไม่ถูก ดูนาฬิกา เวลาผ่านไปได้ชั่วโมงเศษ ก็แสดงว่าฉันคงสะลึมสะลืออยู่บนเขียงได้ประมาณชั่วโมงนึง เมื่อรู้สึกว่าเดินไม่โคลงแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมานั่งรอหมอที่ห้องรอตรวจรวม คุณหมอรายงานผลการเก็บไข่ครั้งนี้ว่าได้ไข่เพียง 2 ใบเท่านั้น ถึงจะเห็นถุงไข่ 3 ใบก็ตาม หน้าฉันก็คงจะจ๋อยเหลือ 5 เซ็นต์ พยาบาลจ่ายยาปฏิชีวนะกันติดเชื้อ(kouseibutshitsu – 抗生物質)ให้ฉัน วันนี้ยังไม่ต้องจ่ายค่าเก็บไข่ แล้วก็เดินกลับบ้าน

วันอังคารที่ 27 คุณหมอนัดใส่ตัวอ่อนตอน 10.50 น. พยาบาลบอกว่าหลัง 9 โมงเช้าห้ามมิให้ฉันเข้าห้องน้ำ เพราะต้องการให้กักปัสสาวะให้ได้มากที่สุด เพื่อง่ายต่อการใส่ตัวอ่อน พยาบาลบอกให้ฉันดื่มน้ำ 750 ซีซี แต่ฉันทนกลั้นฉี่ไม่ไหวหรอก พอไปถึงคลีนิคก็เลยต้องนั่งดวดชาเขียวขวดขนาด 1.5 ลิตรไปเรื่อย ๆ วันนี้ฉันเจอคุณโอฮะชิเป็นครั้งที่ 3 เธอเก็บไข่พร้อมฉัน และใส่ตัวอ่อนพร้อมฉัน คุณโอฮะชิเข้ารับการรักษาเรื่องการมีบุตรยากมาได้ปีกว่าแล้ว ลองฉีดเชื้อไป 2 ครั้ง และทำICSI 3 ครั้ง ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ คุณโอฮะชิอายุ 44 แล้ว และคราวนี้ก็เก็บไข่ได้เพียงใบเดียว ซึ่งก็จะได้ตัวอ่อนเพียง 1 ตัวใส่กลับเข้าไป คุณโอฮะชิแกร่งมาก เธอไม่เคยพึ่งยาชา หรือยาสลบใด ๆ ในขั้นตอนการดูดไข่เลย ไม่เคยโอดครวญกับความล้มเหลวใด ๆ มีแต่จะให้กำลังใจ ฉันนับถือจิตใจของเธอเหลือเกิน

คุณโอฮะชิใส่ตัวอ่อนก่อนฉัน แต่เราทั้งคู่ก็นอนกันคนละเตียง คุยกันกระหนุงกระหนิงยังกับคนรู้จักกันมาเป็นแรมปี คุยกันไปก็ดวดชาเขียวขนาด 1.5 ลิตรกันไป แล้วเวลาของเธอก็มาถึง ฉันนอนอ่านหนังสือรอเวลาไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง พยาบาลก็เข็นเธอกลับมานอนที่เตียงในท่านอนหน้าคว่ำ (ใช่...คุณหมอใส่ตัวอ่อนให้เธอในpositionนอนคว่ำ) แล้วก็ถึงคราวของฉัน ขั้นตอนการใส่ตัวอ่อนนี้จะไม่ใช้ยาระงับความเจ็บปวดอะไรทั้งนั้น ใครที่เคยฉีดเชื้อมา ความเจ็บปวดของการฉีดเชื้อดูจะเด็ก ๆ ไปเลย เมื่อคุณหมอเริ่มใส่เครื่องมือเข้าไปทางปากช่องคลอด ฉันไม่เห็นเครื่องมืออะไรทั้งนั้น เพราะอยู่ในท่านอนหงาย ทุกอย่างรับรู้ได้จากความรู้สึกอย่างเดียว พยาบาลชี้ให้ฉันดูที่มอนิเตอร์ อธิบายว่านี่คือปัสสาวะที่ฉันกักเอาไว้ แถมยังชมฉันอีกว่าฉันกักปัสสาวะได้เก่ง น้ำแน่นเต็มท้องเลย ข้างล่างปัสสาวะก็คือโพรงมดลูก นี่คือทางหัว นี่คือทางขา ดูไปก็ไม่ค่อยรู้หรอก รู้แต่ว่าเจ็บหนึบ ๆ พร้อมกับปวดฉี่อย่างถล่มทลาย แต่ก็ต้องกระหมิบเอาไว้ คุณหมอบ่นพึมพำเบา ๆ ว่านี่คือตัวอ่อน 2 ตัว ถามพยาบาลว่าใส่เข้าไปพอดีในโพรงมดลูกแล้วหรือยัง เป็นการเจรจาโต้ตอบกันระหว่างคุณหมอกับพยาบาล แล้วเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เครื่องไม้เครื่องมือก็ถูกถอนออกไป...เฮ่อ...โล่งอก..แต่ คุณหมอก็หันไปบอกพยาบาลอีกคนก่อนเดินไปที่เตียงคนไข้คนอื่นที่นอนรอว่า สวนปัสสาวะออกให้ฉันด้วย ฮ่วย....ตอนนั้นกำลังนอนถอนใจด้วยความโล่งอกอยู่ดี ๆ จู่ ๆ พยาบาลก็เอาอะไรไม่รู้มาเหน็บ(มีความรู้สึกเหมือนมดตัวใหญ่ที่สุดในโลกแห่งลุ่มแม่น้ำอเมซอนกัด)เข้าที่จุดนั้น แล้วฉี่ก็ค่อย ๆ ไหลออกมา แล้วพยาบาลก็ให้ฉันกระถดตัวเบา ๆ จากเตียงปฏิบัติการลงนอนในเตียงเข็นได้ โดยให้นอนหงาย แล้วพยาบาลก็เข็นฉันให้กลับมานอนเฉย ๆ 1 ชั่วโมงในห้อง เคียงคู่คุณโอฮะชิ

เมื่อครบเวลา พยาบาลก็เรียกให้ฉันเข้าไปนั่งฟังหมออธิบาย ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น มารู้ก็หลังจากขั้นตอนทุกอย่างผ่านไป คุณหมอมีกระดาษแผ่นหนึ่งให้ฉันดู จดบันทึกทุกอย่างลงในกระดาษ

- ใช้เชื้อสด
- ปริมาณ xx ml
- จำนวนเชื้อ xx
- เชื้อที่เคลื่อนไหว xx
- คิดเป็นเปอร์เซนต์ได้ xx%
- เกรดของตัวอ่อน แบ่งเป็น 5 เกรด คือ เกรด 1 ดีที่สุด และเกรด 5 ห่วยที่สุด หากได้เกรด 5 หมอจะไม่ใส่กลับเข้าไป

ตัวอ่อน 2 ตัวของฉัน ดี 1 ตัว( เกรด1) แบ่งเซลได้ 8 เซล และ ไม่ดี 1 ตัว (เกรด 2-4) แบ่งเซลได้ 6 เซล

พยาบาลจ่ายยาปฏิชีวนะเพิ่ม และฮอร์โมน HCG ชนิดเม็ดให้ฉันกิน 3 เวลาหลังอาหารในแต่ละวัน และกลับบ้าน

สองวันหลังจากใส่ตัวอ่อน คือวันพฤหัสที่ 29 คุณหมอนัดฉีดฮอร์โมน HCG และวันอังคารที่4 นัดเจาะเลือด ฉีดฮอร์โมนHCGอีกครั้ง และซาวน์ดดูผนังมดลูก ฉันนั้นเฉิ่มเบอะสุด ๆ ไม่รู้เลยว่าหมอนัดซาวน์ดดูอะไร มารู้ทีหลังจากคุณโอฮะชิว่าวันนี้หมอซาวน์ดดูความหนาของผนังมดลูก จนแล้วจนรอดฉันก็ไม่รู้ว่าผนังมดลูกตัวเองหนาเท่าไร แต่คุณโอฮะชิว่าคงจะเป็นปกติ ไม่อย่างนั้นหมอจะสั่งยาเพิ่มให้แล้ว

ฉันวัดอุณหภูมิร่างกายตัวเองทุกเช้าตอน 6.30 น. อุณหภูมิก่อนเก็บไข่จะต่ำ พอดูดไข่ไปแล้วอุณภูมิจะสูงขึ้นมาอีก 2-3 จุด คือ จากประมาณ 36.2 (ก่อนเก็บไข่) พอเก็บไข่ขึ้นมาที่ 36.4-5 และวันที่ใส่ตัวอ่อน อุณหภูมิจะขึ้นสูงมาก กระโดดเป็น 36.9 เลย จากนั้นก็จะมีสูง ๆ ต่ำ ๆ แต่จะไม่ต่ำลงไปถึงขนาดช่วงที่ประจำเดือนมา จะมีอาการปวดที่ปีกมดลูกซ้าย-ขวาสลับกันไปในช่วง 2-3 วันแรกนับจากใส่ตัวอ่อน เจ็บหน้าอก และหน้าอกขยายใหญ่มาก ๆ เห็นเส้นเลือดดำชัดบริเวณหน้าอกและลากขึ้นไปถึงบริเวณไหปลาร้า (อาการเหมือนคนท้อง)

อาการฉันไม่ดีหลังจากใส่ตัวอ่อน คือ ฉันไอตลอดคืนติดต่อกันประมาณ 1 อาทิตย์ ตื่นขึ้นมากลางดึกไอจนตัวโยน จนเกือบอาเจียน ถามหมอ ๆ ก็บอกว่าไม่กระเทือนถึงตัวอ่อนหรอก (ก็เลยไออย่างสติวิปลาศไปเรื่อย ๆ) ได้ยาแก้ไอจากคลีนิคทำลูกมากินก็ดีขึ้นหน่อย ๆ แต่ก็ไม่มาก เพราะยาไม่แรง ฉันไม่กล้าไปเอายาจากโรงพยาบาลเพราะกลัวจะได้ยาแรงเป็นอันตรายต่อตัวอ่อน (จนบัดนี้ก็ยังไอไม่หาย เพราะหยุดกินยาไปแล้ว...รสชาติหวาดผวามาก ๆ) แล้วด้วยความที่จุมปุ๊กอยู่บนเตียงทั้งวันติดต่อกัน 3-4 วัน ทำให้เกิดอาการเบื่อหน่ายสุด ๆ จึงเริ่มซ่าส์ โดยการทำงานบ้าน ร้องคาราโอเกะตะเบ็งเสียงเข้าไปติดต่อกัน 3 ชั่วโมง และเดินช้อปปิ้ง แต่ก็เดินอย่างช้า ๆ คุณหมอไม่เคยห้ามการทำกิจกรรมเหล่านี้เลย คุณหมอบอกว่าให้ดำเนินชีวิตไปอย่างปกติเหมือนที่เคยเป็น เพียงแต่ให้งดการออกกำลังกายที่หักโหม (เช่น เต้นฮูล่า) พอนอนกลางวันมากเข้า ทำให้กลางคืนฉันนอนไม่หลับ กลายเป็นว่ามาหลับเอาตี 3 หรือที่แย่ที่สุด คือ ตี 5 เป็นอาทิตย์ ๆ สาเหตุน่าจะมาจากความเครียดที่แอบแฝง (ลุ้นว่าจะติดไม่ติด) และการนอนกลางวันมากเกินไป

เช้าวันอังคารที่ 11 เป็นวันที่คุณหมอนัดฟังผล ฉันต้องเอาปัสสาวะแรกของวันไปตรวจ ยาฮอร์โมนHCGที่คุณหมอให้กินก็หมดแค่เช้าวันจันทร์ เพื่อที่ 24 ชั่วโมงให้หลัง ผลการตรวจปัสสาวะจะได้ไม่คลาดเคลื่อน (หรือเปล่า?) แต่ในทันทีที่ยาหมดฤทธิ์ คืนวันจันทร์นั่นเอง ฉันปวดที่ปีกมดลูกทั้ง 2 ข้างมาก มันไม่เหมือนกับการปวดหน่วง ๆ ที่ท้องน้อยเหมือนช่วงก่อนประจำเดือนมา แล้วเช้าวันอังคารฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับหัวใจสลายเมื่อเข้าห้องน้ำเจอเลือดสองหยดบนกางเกงในตัวเอง มือไม้เย็นไปหมดเหมือนคนจะเป็นลม รีบเมลไปบอกน้องTD น้องคานิ และเจ๊หลิง แต่เจ๊ดันเปลี่ยนเมลมือถือ เมลจึงถูกตีกลับ ฉันไปนั่งรอหมอ 2 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้ยินคำว่า เสียใจด้วยนะ( 残念ですね。) คุณหมอว่าจริง ๆ ตัวอ่อน 1 ตัวที่ได้นั้นนับว่าดีมาก ๆ แต่การทำเด็กหลอดแก้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องสำเร็จ 100 % คุณหมอให้ฉันพัก 1 เดือน คือ ให้ประจำเดือนคราวนี้หมดไปก่อน และรอให้ประจำเดือนรอบหน้ามา วันที่ 3 ก็คงเริ่มไปฉีดยาอีก แต่คราวนี้คุณหมอจะใช้วิธีshortกับฉัน คุณหมอว่าเผื่อจะถูกกับร่างกายของฉันมากกว่า

วันนั้นฉันกลับบ้านมาอย่างห่อเหี่ยว ตาอ้วนเอาใจพาไปกินอาหารไทย แต่ก็กินอะไรไม่ค่อยลง ฉันไม่กล้าบอกแม่ญี่ปุ่น และแม่ไทย รู้ว่าท่านทั้งสองหวังไว้มาก ๆ ว่าจะสำเร็จ ฉันเกี่ยงให้ตาอ้วนบอกแทน ตาอ้วนโทรไปที่บ้านใหญ่ 2-3 ครั้ง ป่าป๊ารับสาย หม่าม้าไม่อยู่เพราะไปเรียนวรรณคดีญี่ปุ่นในโตเกียว (The Tale of Genji 源氏物語) พอตกเย็นก่อนกลับบ้านหม่าม้าแวะมาบ้านฉันก่อนเพื่อถามผล ซึ่งสุดท้ายก็ต้องฉันนั่นแหล่ะที่บอกท่านด้วยปากตัวเองว่าล้มเหลว จากวันนั้นถึงวันนี้ฉันยังไม่ได้คุยกับแม่ไทยเลย ได้แต่ฝากข้อความไว้ในMSNว่าทำครั้งแรกยังไม่สำเร็จ แต่คาดว่าวันขึ้นปีใหม่ฉันก็คงจะโทรไปสวัสดีปีใหม่กับครอบครัว ยังไงก็คงจะต้องคุยกับแม่แน่ ๆ

รวมค่าใช้จ่ายนับตั้งแต่วันแรกที่ไปหาหมอ จนวันฟังผล ใช้เงินไปทั้งหมด 384,420 เยน แล้วก็คงจะมีทุนสำรองให้ทำเด็กหลอดแก้วได้อีกเพียง 2 ครั้งเท่านั้น หากถึงขนาดต้องเบิกเอาเงินออมมาทำ ฉันคงเครียดกว่านี้เป็น 10 เท่า ถ้าคราวหน้าและคราวถัดไปไม่สำเร็จอีก ก็คงต้องรอโบนัสกลางปีของตาอ้วนเลย ถึงตอนนั้นก็ต้องใคร่ครวญไตร่ตรองอีกทีว่าจะทำต่อที่ญี่ปุ่น หรือกลับไปทำที่เมืองไทย หรืออยู่กันไป 2 คนตายายไม่ต้องมีลูกก็คงไม่เป็นไร

แต่ยังไงคราวหน้าฉันก็คงจะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ คงจะจริงอย่างเพื่อน ๆ บอกว่าหากกลับไปทำที่ไทย ก็คงหลีกเลี่ยงงานบ้านได้ นอนเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร แต่อยู่ญี่ปุ่นฉันทนเห็นบ้านฝุ่นจับป็นคราบไม่ได้ ทนเห็นเสื้อผ้ากองใหญ่ไม่ได้ ทนเห็นเสื้อทำงานของตาอ้วนยับ ๆ ไม่ได้ แล้วตัวเองนั่นแหล่ะก็อดไม่ได้ที่จะต้องทำงานบ้าน

หวังว่าประสบการณ์ของฉันจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ บางคนที่พยายามจะมีลูกนะคะ

*หากจะฝากข้อความ เชิญที่ guest book นะคะ*

mahalo Image hosted by Photobucket.com




Create Date : 17 ธันวาคม 2550
Last Update : 17 ธันวาคม 2550 19:39:57 น. 0 comments
Counter : 4153 Pageviews.

fudge-a-mania
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add fudge-a-mania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.