Photobucket - Video and Image Hosting
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
12 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
A Professional Housewife

บล็อคนี้เคยเขียนไว้นานแล้ว แค่อยากจะย้ายจากห้องเก็บของออกมาไว้กลุ่มใหม่ ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าเดิม

Photo Sharing and Video Hosting at PhotobucketPhoto Sharing and Video Hosting at Photobucket

“แม่บ้าน” เป็นอาชีพที่พูดแล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องส่ายหน้าร้องยี้ เพราะเป็นอาชีพที่ผู้หญิงไทยไม่ค่อยอยากเป็น ดูเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติ ไม่ต้องความสามารถที่ร่ำเรียนมา ไม่ได้ใช้สมอง ใคร ๆ ก็เป็นได้ ไม่ต้องเรียนสูง ๆ ไม่ต้องใช้ใบปริญญาเบิกทาง วัน ๆ คอยดูแลทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว รีดผ้า เลี้ยงลูก รอสามีกลับมาบ้าน เป็นชีวิตที่แสนจะเรียบง่าย และน่าเบื่อ

ทุกคนคิดไม่ผิดหรอก เมื่อก่อนฉันก็เคยคิดแบบนั้น ฉันเคยตั้งประณิธานไว้ตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ ทำงาน และมีเงินเดือนของตัวเองว่า ชาตินี้ไม่ขอเป็นแม่บ้าน แล้วฉันก็เกลียดอาชีพนี้ที่สุด เพราะตั้งแต่ตอนที่ฉันเป็นเด็กมาแล้วฉันต้องช่วยแบ่งเบาเรื่องงานบ้านจากแม่ เนื่องจากแม่ของฉันเป็นผู้หญิงทำงานนอกบ้าน ฉะนั้นฉันจึงต้องช่วยแม่รีดชุดนักเรียนของตัวเอง ช่วยทำความสะอาดบ้าน หุงข้าว ทำกับข้าวไว้รอพ่อแม่กลับมากินทุกวัน

แล้วยิ่งช่วงปิดเทอม ฉันต้องรีดเสื้อทำงานของพ่อ และแม่ด้วย ชีวิตเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ฉันอยู่ชั้นมัธยมต้น จนจบมหาวิทยาลัย ฉันเคยคิดว่าต่อให้แต่งงานมีลูกมีสามี ยังไงก็ขอทำงานไปจนกว่าจะเกษียณ อย่างดีก็จ้างคนมาช่วยทำงานบ้าน แต่อย่างว่าคนเราพอเกลียดอะไร ก็มักจะได้อย่างนั้น อาชีพขอฉันตอนนี้เลยกลายเป็นแม่บ้านตัวจริง ไม่ใช้ตัวสำรองเหมือนตอนสมัยเด็ก ๆ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ผู้ชายทำงานนอกบ้าน และผู้หญิงทำงานในบ้าน ดูเหมือนว่าคนของเขาจะรู้หน้าที่ของตัวเองดี ไม่มีการเล่นบทบาทสลับกัน แต่สมัยนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นตกสะเก็ด ผู้หญิงจึงต้องออกไปหางานทำนอกบ้านบ้าง เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายของครอบครัว ฉันเคยถามเพื่อนคนญี่ปุ่น 2-3 คนว่า หากคุณแต่งงานแล้ว คุณจะลาออกจากงานไหม ซึ่งพวกเธอก็พยักหน้าหงึก ๆ อย่างไม่ลังเลใจกับคำตอบเลย ผู้หญิงญี่ปุ่นค่อนข้างที่จะเคยชินกับการที่ไม่ต้องรับภาระเรื่องการหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เพราะค่านิยมญี่ปุ่นคือผู้ชายทำงานได้เงินเดือนเท่าไร มักจะมอบให้ภรรยาเป็นผู้บริหารการเงิน จัดสรรปันส่วนให้ลงตัวกับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน ซึ่งมีทั้งค่าผ่อนบ้าน หรือค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าโทรศัพท์หากมีลูก ก็รวมไปถึงค่าเล่าเรียน ค่าเรียนพิเศษ ฯลฯ ส่วนสามีก็จะได้เบี้ยเลี้ยงรายวันจากภรรยา ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงญี่ปุ่นจึงมีความสามารถพิเศษในการบริหารการใช้เงินมาก ฉันเคยดูรายการโทรทัศน์ ที่ไปถ่ายทำของรักของหวงของแม่บ้านถึงที่บ้าน เป็นที่น่าตกใจว่าหลายครอบครัว แม่บ้านยังมีเงินเหลือ เอาไปซื้อของแบรนเนมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เครื่องประดับ นาฬิกา ซุกซ่อนสามีไว้ โดยที่สามีไม่รู้ เห็นไหมล่ะ ว่าพวกเธอบริหารเงินเก่งขนาดไหน แต่ฉันไม่เคยทำอย่างนั้น อยากได้อะไรก็ขอ ก็พูดกันตรง ๆ เลย หากซุก ๆ ซ่อน ๆ ทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ฉันคงจะเป็นประสาทตายไปก่อนที่จะได้ชื่นชมกับของพวกนั้น

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

นอกจากเรื่องการเงินที่แม่บ้านญี่ปุ่นบริหารได้อย่างมืออาชีพแล้ว เรื่องงานบ้านพวกเธอก็ทำได้อย่างสุดยอดด้วย ไม่ต้องอะไรมาก ดูอย่างเพื่อนบ้านฉัน คุณคิชิเบะ หรือที่เรียกแบบญี่ปุ่นว่า คิชิเบะซัง กิจวัตรประจำวันของเธอ คือ เธอจะตื่นตั้งแต่ก่อนไก่โห่ (ฉันก็ไม่รู้กี่โมง เพราะแถวบ้านไม่ได้เลี้ยงไก่ มีแต่อีกา) ขึ้นมาทำอาหารเช้า และอาหารปิ่นโตไว้ให้ลูกสาว และสามี คนญี่ปุ่นมักจะนิยมเอาปิ่นโต (เบนโตะ) ไปกินที่ทำงาน หรือที่โรงเรียนด้วย เพราะว่าสะอาด สะดวก ประหยัดเวลา และประหยัดสตางค์ จากนั้นคิชิเบะซังก็จะซักเสื้อผ้ากองโตรวมถึงผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัว เพราะลูกสาวเธอเป็นโรคภูมิแพ้อย่างรุนแรง เธอจึงต้องดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ ฉันมักจะตื่นตอนที่เธอซักผ้าเสร็จแล้ว เพราะเธอตากผ้าหน้าบ้าน ฉันชะโงกจากระเบียงชั้นสองไปดูทีไร ผ้าของเธอปลิวสลอนทุกที จากนั้นเธอก็จะหอบที่ฟูก ผ้าห่ม หมอนออกมาตากที่ระเบียง ให้ได้รับแดด Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

พอสักประมาณเกือบ ๆ 11 โมงก็จะเอาไม้ตบฟูกตบๆๆๆ ไล่ฝุ่น (กิจกรรมนี้ไม่ใช่เฉพาะบ้านคิชิเบะซังทำ แต่แม่บ้านละแวกนี้ทำกันทุกบ้าน ยกเว้นบ้านฉัน เพราะบ้านฉันนอนเตียง ไม่ได้นอนบนเสื่อตาตามิ ขืนฉันหอบเอาฟูกที่นอนมาตาก กลัวว่าระเบียงอาจจะพังได้) จากนั้นเธอก็ทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง บ้านของเธอเหมือนบ้านของฉัน คือเป็นบ้าน 2 ชั้น มีสวนข้างหน้าหย่อมนึง ให้พอปลูกพืชผักสวนครัวได้ หลังบ้านคิชิเบะซังไม่มีพื้นที่ แต่บ้านฉันมีสนามกว้าง ๆ มีกอไผ่ที่ปลูกไว้ในกระถางตั้งแต่สมัยคุณแม่ของเจ้าของบ้านยังมีชีวิตอยู่ แต่กระถางมันแตกไปตั้งนานแล้ว เลยกลายเป็นดงไผ่ที่ต้องคอยตัดมันทุกหน้าฝน คิชิเบะซังจะดูดฝุ่นบ้านทั้ง 2 ชั้น ดูดแบบชนิดที่เรียกได้ว่า เป็น”เขตปลอดฝุ่น” เลย Image hosted by Photobucket.com เนื่องจากผนังบ้านเราติดกัน ฉันจึงได้ยินเสียงเครื่องดูดฝุ่นเธอทำงานทุกเช้า (แต่เธอคงได้ยินเครื่องดูดฝุ่นของฉันทำงานสองเดือนครั้ง) จากนั้นเธอจะล้างห้องน้ำ ขัดอ่างอาบน้ำ และห้องส้วม ที่ญี่ปุ่นห้องอาบน้ำ และห้องถ่ายจะแยกออกจากกัน เพราะคนญี่ปุ่นนิยมลงแช่อ่างน้ำ (โอฟุโร) ที่มีอุณหภูมิสูงประมาณ 40-42 องศาเซลเซียส หากมีเครื่องสุขภัณฑ์สำหรับถ่ายด้วยละก็กลิ่นคงคละคลุ้งตลบอบอวลเวลานั่งแช่นั่งร้อนเป็นแน่ เมื่อเสร็จงานบ้านประจำวันแล้ว เธอก็จะยกกรงเจ้าแอล สัตว์เลี้ยงของเธอออกมาวางไว้บนตู้แอร์หน้าบ้านด้วย มันคือprairie dog ที่มีนิสัยคล้าย ๆ หนู คือชอบถีบจักร แต่ฟันข้างหน้าคมเหมือนกระรอก ตัวอวบอ้วนน้อง ๆ กระต่าย และขนเป็นสีน้ำตาลปนเทาปุกปุย เจ้าแอลกินพืชทุกอย่างที่ขวางหน้า สิ่งที่เจ้าแอลโปรดที่สุด คือ ดอกทัมโปะโปะ (dandilion) สีเหลือง ๆ ฉันเคยเด็ดจากสวนหน้าบ้านให้มันกินเป็นประจำช่วงฤดูใบไม้ผลิ เจ้าแอลเป็นprairie dog ที่ตะกละมาก ฉันเคยแกล้งมันตอนที่คิชิเบะซังไม่เห็น เด็ดใบตะไคร้จากกอตะไคร้ที่ฉันปลูกเองยื่นให้มัน มันยังรับไปแทะหน้าตาเฉยเลย คิดว่าคราวหน้าจะลองเอาพริกขี้หนูแช่แข็งในตู้เย็นให้มันลองดูบ้าง ผลเป็นยังไงแล้วไว้ฉันจะมารายงานให้ทราบ Image hosted by Photobucket.com กลับมาเรื่องคิชิเบะซังต่อ จากนั้นก็ได้เวลาที่คิชิเบะซังต้องไปจ่ายตลาด เธอมีจักรยานเฟสสันคู่ชีพของเธอคันนึงที่เดิ้นล์มาก เป็นจักรยานติดมอเตอร์ ซึ่งช่วยประหยัดแรงขาเวลาต้องขี่ขึ้นเนิน ลดความโป่งของน่องจากหัวไชเท้า ให้เหลือขนาดแครอทได้ ฉันเคยไปแอบเช็คราคาจากซุปเปอร์ ฯ ใกล้บ้าน คันนึงตก 4-5 หมื่นเยนทีเดียว ฉันเคยถามคิชิเบะซังว่า เธอไปเลือกซื้อกับข้าวที่ไหน เพราะแถวบ้านฉันมีซุปเปอร์ใหญ่ ๆ 3-4 แห่ง ได้แก่ Tokyu Stores, Olympic, The Garden (Jiyugaoka) และ Daiei เธอว่าเธอชอบไปDaieiที่สุด ฉันถามว่าทำไม เธอว่าเพราะก่อนที่เธอจะเข้าไปจ่ายตลาด เธอจะไปแวะที่ร้านกาแฟStarbucksก่อน เพื่อนั่งละเลียดจิบกาแฟ พร้อมกับคิดรายการอาหารเย็น ปกติเธอจะใช้เวลา1-2 ชั่วโมงที่นั่นขึ้นอยู่กับเธอมีเพื่อนคู่หูไปนั่งจิบกาแฟ Image hosted by Photobucket.com ด้วยหรือเปล่า แต่ฉันไม่เคยไปกับเธอหรอก แล้วเธอก็จะเดินไปซื้อกับข้าวที่Daiei เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็จะเก็บผ้าที่ตากไว้เข้าบ้าน และรีดผ้าทั้งของคุณพ่อบ้าน และของลูกสาว จากนั้นเธอถึงจะมีเวลาเป็นของเธอเองนิดหน่อย ก่อนที่จะต้องรีบเตรียมอาหารเย็น ชีวิตของเพื่อนบ้านฉันเป็นอย่างนี้ 356 วันต่อปี

Image hosted by Photobucket.com

ครอบครัวคนญี่ปุ่นไม่ค่อยนิยมฝึกให้ลูกช่วยทำงานบ้านตั้งแต่เล็ก เพราะเขาถือว่าเด็กมีหน้าที่เรียนหนังสือ ส่วนเรื่องงานบ้านเป็นหน้าที่ของแม่ หรือภรรยา หากบ้านไหนมีลูกสาว ก็จะเกิดอาการประหม่าเล็กน้อยวันที่ต้องออกเรือนไปเริ่มชีวิตใหม่ เพราะเธอผู้นั้นก็ต้องเริ่มอาชีพแม่บ้านเหมือนกัน ส่วนลูกชายไม่ต้องพูดถึง เพราะผู้ชายญี่ปุ่นไม่นิยมทำงานบ้าน เขาถือว่าเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว ทำงานนอกบ้านเหนื่อยแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจจะมีส่วนบังคับให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ออกไปทำงานนอกบ้านมากขึ้น มิฉะนั้นรายรับอาจจะไม่สมดุลกับรายจ่ายของครอบครัว หนุ่มสาวรุ่นใหม่จึงอาจจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของการดำเนินชีวิตกันเสียใหม่ สามีช่วยภรรยาดูแลลูกเล็ก ๆ บ้างเวลาที่เธอทำกับข้าว หรือช่วยทิ้งขยะก่อนออกไปทำงาน มีอยู่ครั้งหนึ่ง คนที่บ้านช่วยเอาขยะเปียกออกไปทิ้งก่อนเลยไปทำงาน ได้ทักทายกับคุณลุงเพื่อนบ้านแถวนั้นที่เอาขยะออกมาทิ้งเหมือนกัน คุณลุงว่าเดี๋ยวนี้สังคมมันเปลี่ยนไป ดูสิว่าหน้าที่ทิ้งขยะกลายเป็นของผู้ชายไปเสียแล้ว

Image hosted by Photobucket.com

เมื่อผู้หญิงมีอาชีพแม่บ้านอย่างนี้ จึงทำให้พวกเธอมีเคล็ดลับบางอย่างเกี่ยวกับการประหยัดรายจ่ายของบ้าน หรือการดูแลบ้านได้อย่างน่าทึ่ง ลูกศิษย์ของฉันคนหนึ่งเธอเล่าว่า ผนังห้องครัวบริเวณที่ตั้งเตาแก๊สเวลาประกอบอาหาร บ้านของเธอจะเอาฟิล์มพลาสติกใสที่ใช้สำหรับปิดจานก่อนอุ่นอาหารในไมโครเวฟมาบุรอบผนังบริเวณนั้น เพื่อเวลาประกอบอาหาร หากน้ำมันกระเด็นเปรอะเปื้อน จะได้ดึงเอาแผ่นฟิล์มทิ้งไป แล้วเปลี่ยนแผ่นใหม่ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาขัดผนัง แต่เคล็ดลับนี้ใช้ได้กับผนังที่เป็นสแตนเลสเท่านั้น เพราะโลหะจะทำปฏิกิริยาดูดแผ่นฟิล์มไว้ให้ติด ส่วนเพื่อนคนไทยของฉันอีกคน เธอจะเอากล่องนม หรือกล่องน้ำผลไม้ขนาด 1000 ซีซี มาล้าง แล้วจัดการตัดให้แผ่ออกมา จากนั้นก็นำไปปิดที่ผนังห้องครัวกันน้ำมันกระเด็นเปรอะได้เหมือนกัน

วันก่อนฉันเห็นเพื่อนคนไทยคนนี้ สอนการพับถุง เธอว่าเธอได้เคล็ดนี้มาจากคุณแม่สามี (ฉันถามลูกศิษย์คนญี่ปุ่น เธอว่าคุณแม่เธอก็ทำแบบนี้เหมือนกัน คาดว่าเป็นเคล็ดของแม่บ้านญี่ปุ่นรุ่นดึก) หากบ้านไหนรับหนังสือพิมพ์ ในหนังสือพิมพ์จะมีแผ่นโฆษณาแทรกมาทุกครั้ง เป็นกระดาษอาบมัน และพิมพ์สี เพื่อกระดาษหนากว่ากระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อนคนนี้จะเอากระดาษนั้นมาพับเป็นถุงแล้วซ้อนเก็บเป็นตั้งไว้ เมื่อจะใช้ก็คลี่ออกมาทำเป็นถังผง เธอว่าเวลานั่งทานขนม หรือของกินแบบต้องแทะกระดูก หรือก้าง เธอก็เอาถุงนี้มากางใส่เศษอาหาร เมื่อกินเสร็จก็ทิ้งไปทั้งขยะทั้งถุง ไม่ต้องเสียเวลาล้างจานใส่เศษอาหารอีก

Image hosted by Photobucket.com

ฉันเคยดูรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งสมัยก่อน ที่ชอบไปถ่ายที่บ้านของแม่บ้านที่มีเคล็ดลับอะไรเด็ด ๆ เช่น คนญี่ปุ่นชอบทานปลามาก เมื่อทานปลาเสร็จ แม่บ้านคนนั้นก็จะเลาะเอาก้างเก็บไว้ ไม่ทิ้ง แล้วมาทอดให้กรอบ โรยเกลือนิด งาหน่อย ไว้เป็นกับแกล้มเหล้าของพ่อบ้านเป็นอย่างดี หรือการพับเสื้อยืดเก็บในตู้เสื้อผ้า บ้านของญี่ปุ่นจะมีพื้นที่จำกัด เนื่องจากที่ดินแพงมาก หากครอบครัวไหนลูกดก ก็จะมีปัญหาเรื่องตู้เก็บเสื้อผ้าไม่พอ โดยปกติคนเราจะพับเสื้อยืดชั้นในแบบแผ่ ๆ แล้ววางซ้อนกันเก็บในตู้เสื้อผ้า แต่แม่บ้านคนนี้ เมื่อพับริม 2 ข้างเข้ามาแล้ว แทนที่จะพับให้เป็น 3 ส่วนตามปกติ เธอกลับม้วนเสื้อยืดเป็นทรงฟูโตมากิ (ซูชิม้วน ๆ) แล้วใช้ยางยืดรัดที่แกนกลาง จะทำให้ประหยัดพื้นที่ของตู้เสื้อผ้าได้ แล้วไม่ทำให้เสื้อยืดเป็นรอยพับด้วย ซึ่งฉันก็นำเคล็ดนี้มาใช้อยู่ทุกวันนี้ ยังมีแม่บ้านอีกคนนึง เมื่อไปจ่ายตลาดที่ซุปเปอร์มาร์เกต เธอจะเก็บถุงพลาสติกไว้ แยกขนาดของถุง แล้วเก็บไว้ในกล่องกระดาษทิชชู่เช็ดหน้า แยกกล่องตามประเภทของถุงตามประโยชน์ใช้สอย เมื่อจะใช้จึงดึงออกมาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องมีคอยคลี่ถุงดูขนาดทีละใบ หรือหากใต้อ่างล้างจานมีพื้นที่จำกัด แต่มีทัพพี กระบวยตักอาหารเต็มไปหมด แทนที่จะแขวนระเกะระกะเต็มผนังไปหมด บางอันก็ไม่ได้ใช้ แต่ไม่อยากทิ้งเพราะเสียดาย เขาจะใช้ขวดพลาสติกใส่น้ำขนาดใหญ่ แบบขวดโค้ก ขวดเป๊ปซี่ลิตรบ้านเรา ตัดคอขวดทิ้ง หากยางนิ่ม ๆ มาสวมที่ปากกันพลาสติกบาดมือ แล้วก็ค่อย ๆ ใส่ทัพพี หรือกระบวยลงในนั้น เพราะขนาดความยาวของขวดจะพอดีกับด้ามของทัพพี

Image hosted by Photobucket.comImage hosted by Photobucket.comImage hosted by Photobucket.comImage hosted by Photobucket.com

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันรู้สึกประทับใจกับแม่บ้านญี่ปุ่นรุ่นใหม่มาก เธอมีลูก 2 คน คือลูกสาวที่อยู่ในวัยอนุบาล และลูกชายที่ยังเป็นทารกแบเบาะ เธอว่าเธอสอนให้ลูกสาวเธอช่วยทำงานบ้าน ถึงแม้จะเป็นงานเล็ก ๆ น้อยตามกำลังที่เด็กวัย 5-6 ขวบจะทำได้ แต่ก็ถือว่าสอนให้เด็กรู้คุณค่าของเงิน แม่บ้านคนนี้จะมีตะกร้าใบเล็ก ๆ ใส่ขนมของกินแบบที่เด็กชอบ ตะกร้าแต่ละใบจะติดราคาของขนมที่มีตั้งแต่ 10 เยน ไปจนถึง 100 เยนไว้ Image hosted by Photobucket.com เมื่อลูกสาวช่วยงานบ้านอะไร เธอก็จะให้รางวัลโดยการให้ลูกสาวเลือกขนมที่ชอบในมูลค่าของเงินที่เธอกำหนด เด็กจะรู้จักการคำนวณเลขอย่างง่าย ๆ ว่าภายในงบ 50 เยน เธอจะเลือกทานอะไรได้บ้าง ขนมมีหลากหลายตั้งแต่ลูกอม คุกกี้ เซมเบ้ ผลไม้ ไปจนถุงไอศกรีมในตู้เย็น ถูกแพงแตกต่างกันไป เด็กจะเรียนรู้ถึงการบริหารงบให้สอดคล้องกับความต้องการของตัวเอง ฉันรู้สึกทึ่งกับไอเดียนี้มาก หากมีลูกฉันก็คงจะทำวิธีนี้เหมือนกัน

Image hosted by Photobucket.com

ทุกวันนี้ฉันไม่เคยคิดว่าอาชีพแม่บ้านเป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้สมองอีกต่อไปแล้ว กลับคิดว่าหากในบ้านไม่มีมืออาชีพที่คอยดูแลการจัดการงานต่าง ๆ แล้ว บ้านก็คงจะไม่เป็นบ้านที่สมบูรณ์แน่ ๆ ผู้หญิงทุกคนเป็นภรรยาได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนสามารถเป็นแม่บ้านได้ และยิ่งแม่บ้านมืออาชีพยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย คนผู้นั้นต้องมีทั้งความอดทน ความขยัน และสมองที่ดี คุณพ่อของฉันเคยพูดว่า หากลูกอยากลดความอ้วน ลูกไม่ต้องไปเสียเงินไปออกกำลังที่ฟิตเนสที่ไหนเลย ลูกขยันทำงานบ้าน เดี๋ยวลูกก็ผอม เพราะงานบ้านเป็นงานที่ไม่มีวันจบ ไม่เหมือนงานทั่วไปที่จบไปเป็นวัน ๆ งานบ้านมีให้ทำตั้งแต่เช้าจรดเย็น ขึ้นอยู่กับความขยันของคนผู้นั้นว่าจะทำหรือเปล่า

Image hosted by Photobucket.com



mahalo Image hosted by Photobucket.com





Create Date : 12 มิถุนายน 2550
Last Update : 12 มิถุนายน 2550 13:04:10 น. 0 comments
Counter : 1428 Pageviews.

fudge-a-mania
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add fudge-a-mania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.