Photobucket - Video and Image Hosting
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 มกราคม 2551
 
All Blogs
 

O-sechi Ryori

ครั้งหนึ่งตาอ้วนเคยถามฉันว่า คนไทยกินอะไรในวันปีใหม่เป็นพิเศษ นั่งทำตากลอกกลิ้งไปมา 10 วินาที ก่อนจะตอบกลับไปว่า ไม่รู้สิ ไม่เห็นมี อาหารก็เหมือนที่เคยกินธรรมดาปกติ ตาอ้วนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อถือ หาว่าฉันอำเล่น เอ...หรือฉันจะด้อยความรู้ในเรื่องนี้เสียกระมัง เพราะตั้งแต่เกิดมาจนเข้าวัยกลางคน ยังไม่เคยกินอาหารอะไรที่ต้องกินเฉพาะช่วงปีใหม่เสียที จะมีก็ช่วงวันตรุษจีนที่ว่าได้กินไก่รวน หมูรวน ขนมเทียน ขนมเข่งมากกว่าช่วงปกติ

นั่งคิด นอนคิด ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า พี่ไทย กินอะไรกันในวันปีใหม่

ที่ญี่ปุ่นจะมีอาหารเป็นพิเศษ ที่เรียกว่า โอเซจิ (O-sechi -おせち料理) อาหารที่กินช่วงปีใหม่นี้จะเป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง และไม่ต้องนำไปอุ่นร้อนก่อนกิน หม่าม้าเล่าว่า สมัยก่อนในช่วงปีใหม่ แม่บ้านจะไม่ทำครัว ถือว่าเป็นช่วงเวลาเฉลิมฉลอง และพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ อาหารที่เตรียมไว้ก่อนปีใหม่จึงเป็นพวกอาหารต้ม ๆ หรือดอง ๆ ไม่ว่าจะดองหวาน-เปรี้ยว-เค็ม ยังไงก็ได้ขอให้เก็บได้นาน และอาหารนั้นยังต้องนำมาซึ่งโชคลาภอีกด้วย

แต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่น โอเซจิ นี้จะปรุงแตกต่างกันออกไป วัตถุดิบที่หาได้ในแหล่งนั้นก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย อย่างคนที่อยู่แถบภูเขาก็จะเป็นอย่างหนึ่ง คนที่อยู่แถบทะเลก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่ง

เรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมในวันปีใหม่ และอาหารที่กินในช่วงปีใหม่นั้นสามารถหาอ่านได้จากจากหนังสือ และอินเตอร์เนต ฉันไม่ขอพูดในรายละเอียดนะคะ จะขอเล่าปีใหม่ของครอบครัวฉันให้ฟังแทน ฟังดูสบาย ๆ เป็นกันเอง ไม่เน้นวิชาการ

ฉันและตาอ้วนย้ายกลับมาญี่ปุ่นในปี 2002 ซึ่งก็ได้ฉลองปีใหม่กับครอบครัวที่ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2003 เป็นปีที่ฉันใส่กิโมโนในช่วงปีใหม่ปีแรกและปีสุดท้าย น่าจะบอกว่าเป็นปีที่ฉันยอมใส่กิโมโน(เอาใจหม่าม้า) เพราะหม่าม้าต้องการให้ทุกคนถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แต่ฉันไม่ประทับใจการใส่กิโมโนเลย อึดอัด นอนกลิ้งเกลือกก็ไม่ได้ สุดท้ายก็เป็นปีเดียวที่ฉันยอมใส่ เสียดายที่ฉันเก็บรูปลงแผ่นดิสก์ไปแล้ว จึงไม่มีรูปอาหารมาโชว์

อาหารช่วงปีใหม่ของบ้านฉัน ครึ่งหนึ่งหม่าม้าทำ และครึ่งหนึ่งป่าป๊าซื้อเข้ามา อย่าเทียบกับที่เค้าทำขายตามห้างสรรพสินค้าเลย ความหรูหราอลังการผิดกันลิบลับ ปีนี้ฉันคิดว่าจะลองทำโอเซจิเอง แต่สุดท้ายตาอ้วนก็ว่าให้ไปช่วยหม่าม้าดีกว่า อย่า(ริอาจ)ทำเองเลย เดี๋ยวแหลกไม่ลง

รูปนี้เป็นโอเซจิของปี 2004

Photobucket

โอเซจิบ้านฉันจะมาพร้อมเหล้าสาเกที่ดื่มเฉพาะปีใหม่ เรียกว่า โอโทโสะ ฉันเคยเปิดดูข้างในเห็นมีส่วนผสมของสมุนไพรหลายอย่าง ว่ากันว่าหากดื่มโอโทโสะ จะช่วยเป่าปัดโรคภัยไข้เจ็บไปตลอดทั้งปี และช่วยให้มีอายุยืนยาว (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะปีหลัง ๆ ฉันไม่ได้กิน...ไม่ชอบง่ะ)

ป่าป๊าจะเป็นคนรินเหล้านี้ให้ทุกคนดื่ม ปีแรก ๆ ฉันก็ร่วมวงฮาเฮด้วย ดื่มป้านที่เล็กที่สุด (ที่เห็นเป็นป้านสีแดงวางซ้อนกัน 3 ป้าน ฉันดื่มอันบนสุด) สมัยฉันเป็นแอร์ บ่อยครั้งที่ฉันเสริฟโอโทโสะบนเครื่อง เนื่องจากบินตรงวันที่ 1 มกราพอดิบพอดี รินไปก็ต้องบอกกับผู้โดยสารว่า

akemashite omedetou gozaimasu (สวัสดีปีใหม่ค่ะ)

Photobucket

นี่คือหน้าตาของโอเซจิของครอบครัวฉัน อาหารจะถูกใส่มาในภาชนะพิเศษ ที่เรียกว่า จูบาโกะ (Juubako) ซึ่งจะมี 2 -3 - 5 ชั้น บ้านฉันมีเพียง 3 ชั้นเท่านั้น ของบ้านใหญ่เป็น laquerware ซึ่งดูแลรักษาต้องใช้ความระมัดระวังมิให้มีรอยขีดข่วน เวลาล้างจะใช้น้ำอุ่นจัด แล้วใช้มือถูเท่านั้น ห้ามใช้ฟองน้ำ และน้ำยาล้างจานเป็นอันขาด เมื่อล้างแล้วก็ต้องรีบใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง สมัยแรก ๆ หม่าม้าไม่ยอมให้ใครล้างไอ้จูบาโกะเลย ท่านกลัวทำพัง แต่ปีนี้ฉันได้ล้างสงสัยจะเชื่อมือฉันแล้ว กล่องจูบาโกะ 3 ชั้นนี้ปีหนึ่งจะเห็นหน้าค่าตากันสักหน เพราะปกติไม่ได้ใช้

ภาชนะที่ใส่โอเซจิมีหลายแบบ หากเป็นโอเซจิที่ขายตามซุปเปอร์ ก็จะใส่โฟม ไม่มีอะไรพิเศษ บ้านฉันเป็นเครื่องกระเบื้อง 3 ชั้น ของตกทอดมาจากหม่าม้า ซึ่งตั้งแต่ได้มาก็ไม่เคยใช้สักครั้งเดียว

นอกจากนี้แล้ว ครอบครัวญี่ปุ่นยังนิยมกินโมจิกันในวันขึ้นปีใหม่อีกด้วย ที่ขาดไม่ได้เลย คือ โอโซนิ (O-zouni) แต่ละครอบครัวจะมีวิธีทำโอโซนิต่างกันไป ปาป๊าเป็นคนจังหวัดโอกายาม่า ซึ่งติดทะเล โอโซนิก็จะใช้ปลาบุริ (buri) ใส่ลงไป หม่าม้าสืบทอดตำรับมาจากคุณยายซึ่งเป็นคนเกียวโต โอโซนิของท่านจึงค่อนข้างเรียบง่ายกว่า มีเพียง เนื้อไก่ต้ม ผักโฮเรนโสะ ปลาคามาโบโกะ สาหร่ายแผ่น โมจิ และน้ำซุป วิธีกินก็คือ จะเอาโมจิมาย่างให้สองด้านเกรียมนิด ๆ ใส่ลงไปในหม้อซุป ให้โมจิอ่อนตัวหน่อย ก็ตัดเสริฟ เครื่องต่าง ๆ ใส่กันเองตามใจชอบทีหลัง

นี่คือรูปโอเซจิของปี 2006

Photobucket

ปีนี้เป็นปีแรกที่พี่ชายและภรรยาคนมาเลเซียมาร่วมฉลองด้วย หม่าม้าทำอาหารเยอะหน่อย โดยมีฉันเป็นลูกมือ ฉันชอบกุ้งหวานที่ป่าป๊าซื้อมามาก เพราะปีก่อน ๆ เป็นกุ้งต้มซีอิ้ว ฉันแทบไม่กินเลย แต่ป่าป๊าก็ซื้อกุ้งหวานมาปีเดียว เพราะหม่าม้าไม่ค่อยปลื้ม สุดท้ายก็ฉันคนเดียวรับเละ ชอบ ๆๆๆ

ตะเกียบที่ใช้คีบอาหารช่วงปีใหม่ ป่าป๊าจะซื้อมาต่างหาก เป็นตะเกียบไม้ด้ามยาวกว่าปกติ ที่ซองใส่ตะเกียบป่าป๊าจะเขียนชื่อทุกคนกำกับไว้ เมื่อทานเสร็จมื้อหนึ่ง ก็จะล้างตะเกียบขึ้น แล้วพอแห้งก็จะเอามาใส่ซองไว้เหมือนเดิมเตรียมพร้อมสำหรับมื้อต่อไป ครอบครัวเราก็จะใช้ตะเกียบนี้ตลอดช่วงปีใหม่ แล้วก็ทิ้งไป

จะมีตะเกียบกลาง (เรียกเหมือนช้อนกลาง) เอาไว้ตักโอเซจิมาใส่จานของตัวเอง

กล่องจูบาโกะของหม่าม้าจะเรียงเหมือนกันทุกปี คือชั้นบนสุดจะใส่อาหารที่ซื้อมา (กินเป็นสิริมงคล) ชั้นกลางจะใส่ผักดองที่หม่าม้าทำเอง และชั้นล่างสุดจะใส่อาหารต้ม ๆ ที่หม่าม้าทำเอง

Photobucket

เป็นที่รู้กันในครอบครัวว่าฉันไม่ชอบกินโมจิใส่ในน้ำซุป แรก ๆ ก็กินเพื่อเป็นสิริมงคล หลัง ๆ รู้สึกว่าซดแต่น้ำซุป พร้อมผักเครื่องเคียงจะอร่อยกว่า ส่วนโมจิฉันก็เอามาจิ้มโชหยุ+น้ำตาล กินควบคู่ไปกับน้ำซุปและผัก อร่อยไปอีกแบบ

Photobucket

แล้วทุกครั้งไม่เคยพลาด หม่าม้าจะเสริฟน้ำชาพร้อมโอเซจิ ชาของหม่าม้าเป็นชาเขียวปกตินั่นแหล่ะ แต่จะใส่บ๊วยและสาหร่ายคมบุลงไป

ปี 2007 ฉันกลับไปฉลองปีใหม่กับครอบครัวที่เมืองไทย ประกอบกับหม่าม้าไม่ค่อยสบายจึงงดทำโอเซจิ แต่ว่าโชคดีป่าป๊าถูกรางวัลสคส.ของทางไปรษณีย์ จึงได้ของรางวัลเป็นเซ็ตโอเซจิแทน....

ปี 2008 นี้ เริ่มต้นจากวันที่ 31 ธันวา ฉันบอกตาอ้วนว่าต้องทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่แล้วนะ ผัดวันประกันพรุ่งมานาน สุดท้ายพี่แกก็หายไปซื้ออุปกรณ์สำหรับการเช็ดกระจกมา แล้วก็จัดแจงเช็ดกระจกระเบียงรอบบ้านในระหว่างนั้นฉันก็ถูบ้านไป

Photobucket

จากนั้นหม่าม้าก็โทรมาตามบอกว่ากำลังจะลงมือทำโอเซจิแล้ว ที่ฉันสัญญาว่าจะช่วยน่ะ ให้มาที่บ้านได้แล้ว แน้...มีการโทรมาจิกอีก...

ฉันกับตาอ้วนจึงเดินไปบ้านใหญ่ (2 นาที) ตาอ้วนก็ไปช่วยป่าป๊าเช็ดกระจกคอนโดของท่านต่ออีก ส่วนฉันก็เริ่มหั่นรากบัว ซึ่งเป็นอาหารที่ฉันรีเควสต์ให้หม่าม้าทำเยอะหน่อย เพราะฉันชอบมากๆๆๆๆๆ หม่า ๆ ทำอาหารต้ม ๆ เสร็จแล้ว จึงเหลือแต่ผักดอง ซึ่งที่ทำประจำก็ รากโกโบะต้มใส่งาปรุงรสเปรี้ยวหวาน รากบัวเปรี้ยวหวาน และ หัวไชเท้า+แครอทใส่ลูกพลับเปรี้ยวหวาน ที่ว่าเปรี้ยวหวานนี้ เพราะทุกอย่างใส่น้ำส้มสายชู และน้ำตาลหมด

หม่าม้าอายุเยอะแล้ว ตาไม่ค่อยดี ฉันเลยรับหน้าที่หั่น ๆ ซอย ๆ เพราะฉันทำได้ดีกว่า

พออาหารเตรียมเสร็จ และตาอ้วนก็เช็ดกระจกเสร็จ เราก็กลับมาที่บ้าน ฉันอาบน้ำอาบท่า นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียง ดูรายการเพลงขาว-แดง และรวมนักร้องEnka ร้องตามคอแหบแห้ง สลับช่องไปมา จนสี่ทุ่มกว่า ๆ ตาอ้วนก็ชวนไปบ้านใหญ่ ถือโซบะไปห่อหนึ่ง เมื่อไปถึงบ้านใหญ่พี่แกก็ง่วนโซโล่ต้มโซบะอยู่คนเดียว โดยมีหม่าม้าเป็นลูกมือ ส่วนฉันก็นั่งดูรายการเพลงขาว-แดงกับป่าป๊า(ที่ดูแบบเสียไม่ได้)

Photobucket

แล้วก่อนเที่ยงคืนเราก็กิน toshikoshi-sobaกัน ( toshikoshi - see the old year out and the New Year in - ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่) ฉันบอกว่ามันมีโซบะที่เส้นยาวกว่าปกติขายสำหรับการนี้โดยเฉพาะไม่ใช่หรือ แต่ทุกคนยืนยันว่ามันก็เป็นโซบะหน้าเดิม ๆ ที่ใช้กินกันทุกวันนั่นแหล่ะ เพียงแต่เรียกชื่อให้ฟังเป็นพิเศษ (จริงอ่ะ?)

เมื่อรายการเพลงขาว-แดงจบ ก็จะมีรายการเกี่ยวกับวัด 15 นาที ก่อนเสียงระฆังจะตีแต๊ง แต๊ง....แล้วทุกคนในครอบครัวก็จะเปล่งเสียงร้องบอกแก่กันว่า

Akemashite Omedetou gozaimasu. Kotoshi mo yoroshiku onegaishimasu. สวัสดีปีใหม่ค่ะ /ครับ ปีนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ/ครับ

แล้วฉันกับตาอ้วนก็เดินกลับบ้าน แต่ตาอ้วนเกิดอยากไปไหว้พระในวันแรกของปี (hatsumoude - 初詣で) จึงชวนฉันเดินไปศาลเจ้าใกล้ ๆ บ้าน (เดิน 2 นาทีถึง) เป็นศาลเจ้าเล็ก ๆ ที่ปกติไม่ค่อยมีคนมาใหว้ แต่ระยะหลัง ๆ นี้สถานีบ้านฉันมีคอนโด(ญี่ปุ่นเรียกว่าแมนชั่น)ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงมีคนยืนเข้าแถวเตรียมไหว้พระกันหลายสิบ ตาอ้วนเห็นคนก็ทำท่าจะเลิกเอาดื้อ ๆ แต่ฉันไม่ยอม อุตส่าห์เดินฝ่าความหนาวตอนเที่ยงคืนจะมาไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย เจอคนแค่เกือบร้อยจะถอยเอาดื้อ ๆ ได้ยังไง เราสองคนก็ยืนต่อคิวกันประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้ไหว้พระ จากนั้นก็กลับไปนอนพัก....

เช้าวันที่ 1 บ้านใหญ่นัดกินข้าว 10 โมงเช้า ก่อนเดินไปบ้านใหญ่เราก็แวะไปที่กล่องรับเมลเพื่อดูสคส. (nengajou - 年賀状) สมัยก่อนฉันไม่ค่อยรู้สึกรู้สมกับการได้รับสคส.ในวันที่ 1 มกรา เท่าไรนัก แต่พอเห็นปีาป๊า กับหม่าม้ามานั่งอ่านสคส.ปึกใหญ่ ๆ ในวันปีใหม่ ฉันก็รู้สึกดี มีความสุข ฉะนั้นปีนี้ฉันจึงส่งสคส.ภายในวันที่ 25 ธันวา เพื่อที่ว่าเพื่อน ๆ จะได้รับในวันที่ 1 มกราพอดี (ไปรษณีย์บอกว่าหากต้องการให้สคส.ถูกส่งถึงมือผู้รับในวันที่ 1 มกรา ต้องหย่อนลงตู้ก่อนวันที่ 25 ธันวา) ฉันว่าในวันขึ้นปีใหม่นี้ ไปรษณีย์ของญี่ปุ่นทำงานหนักที่สุดในโลกเลยหล่ะ เพราะคนญี่ปุ่นนิยมส่งสคส.ที่เป็นไปรษณียบัตรนี่กันมาก ป่าป๊าส่งประมาณ 70 แผ่น (ขนาดท่านเกษียณแล้ว) หม่าม้าส่ง 50 แผ่น ฉันส่ง 30 แผ่น ตาอ้วนส่ง 40 แผ่น แค่ครอบครัวฉันครอบครัวเดียว ก็น่าสงสารบุรุษไปรษณีย์แล้ว ว่ามั้ยคะ

Photobucket

ไปถึงบ้านใหญ่ หม่าม้าเตรียมยกอาหารออกมาวางที่โต๊ะหมดแล้ว กำลังจะย่างโมจิ ถามฉันว่าเอากี่อัน ฉันบอกเอา 2 อันมาจิ้มโชหยุผสมน้ำตาล ส่วนคนอื่นก็กินโอโซนิกันไป

Photobucket

พอกินโอเซจิเสร็จ เราก็กลับไปนั่ง ๆ นอน ๆ ที่บ้าน งดอาหารกลางวันเพราะอาหารเย็นมีนัดกินที่บ้านใหญ่อีก คราวนี้ป่าป๊านัดทานเร็วหน่อย เพราะไม่ได้กินมื้อกลางวัน จึงเริ่มมือเย็นตอน 5 โมง ป่าป๊าเตรียมสุกี้ยากี้ไว้

Photobucket

วันที่ 2 เราก็มากินบรันช์บ้านใหญ่ตอน 10 โมงอีก กินโอโซนิเหมือนเดิม โอเซจิเหมือนเดิม แต่วันนี้ฉันเปลี่ยนจากโมจิเป็นข้าวสวยร้อน ๆ กินกับซุป คนอื่น ๆ ก็กินโมจิเหมือนเดิม พอกินข้าวเสร็จฉันก็โทรไปหาเพื่อนเก่าแก่Caroline เธอเป็นเพื่อนบ้านฉันสมัยที่ฉันยังเช่าบ้านอยู่ ฉันย้ายบ้านมา 2 ปีแล้วไม่เคยเจอเธออีกเลย (บ้านเก่า และบ้านใหม่ฉันอยู่ใกล้กันมาก เดินได้ ไม่เกิน 15 นาที) เราจึงนัดเจอเธอตอน 4 โมงเย็น เพื่อจะไปไหว้พระกันก่อน แล้วจะเลยไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านชาวไทย สาขาคาวาซากิ ตาอ้วนโทรไปจองโต๊ะไว้ตอน 1 ทุ่ม

ตาอ้วนเลี่ยงที่จะไม่ไปวัดkawasaki Taishi เพราะรู้ว่าช่วงปีใหม่คนคงจะล้นหลาม จึงเสริชเนต เลือกเอาวัดเล็ก ๆ แทน

Photobucket

แต่คาดว่าอีกไม่นานคงจะต้องพาหม่าม้าไปไหว้พระที่ศาลเจ้า Tsurugaoka Hachimangu ที่คามาคุระ เพราะว่าซื้อเครื่องรางไว้ ต้องเอากลับไปคืนวัดให้เผาทิ้ง ปีที่แล้วขับรถไป ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงกว่า ซึ่งตามปกติขึ้นรถไฟไปไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่รถติดเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่รู้ปีนี้ตาอ้วนจะขับรถไปอีกหรือเปล่า....

ปีใหม่ปี 2008 นี้ ฉันและตาอ้วนไปได้ไปเที่ยวที่ไหนไกล ๆ เลย ไม่มีการกลับบ้านนอก เหมือนคนอื่นที่เค้ามีบ้านนอกให้กลับ ระยะทางระหว่างบ้านพ่อแม่กับบ้านเราใกล้กันนิดเดียว (ขนาดปวดอึสามารถอั้นอึได้ว่างั้นเถอะ..ยกเว้นตอนท้องเสีย) ฉันไม่เคยรู้สึกสนุกกับการฉลองปีใหม่ที่ญี่ปุ่น เพราะครอบครัวตาอ้วนเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างแยกโดด ๆ โดยเฉพาะพี่น้องทางพ่อ ที่ไม่ค่อยจะไปมาหาสู่กัน เนื่องจากแต่ละคนหง่อมกันมากแล้ว มีแต่เพียงโทรศัพท์-การส่งของหากันเท่านั้น ฉันว่าฉลองปีใหม่ของไทยสนุกกินขาด

*หากจะฝากข้อความ เชิญที่ guest book นะคะ*

mahalo Image hosted by Photobucket.com




 

Create Date : 07 มกราคม 2551
0 comments
Last Update : 7 มกราคม 2551 21:42:36 น.
Counter : 1926 Pageviews.


fudge-a-mania
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add fudge-a-mania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.