PIETA (2012) Kim Ki Duk Movie
เมื่อคืนนั่งดูPieta หลังจากดูจบตอนตีหนึ่งกว่า ทำเอานอนไม่หลับไปเลย มัวแต่หาคำตอบมากมาย ดีมากๆและหนักอึ้งสุดๆ แม่ลูกคู่นี้เล่นดีเต็ม100ทั้งคู่เลย แต่ให้คะแนนแม่เกิน100สมควรเข้าชิงรางวัล
Lee Jung Jin เล่นได้ดิบ เถื่อน ใจร้าย เลวทราม แต่ทำไมอ่อนโยนไม่รุ หนังตอบโจทย์ความหมายของรูปPieta ได้เลยโดยที่เราไม่เคยรู้ความหมายลึกซึ้งของภาพนี้มาก่อน
คงต้องดูอีกหลายรอบและพร้อมซับengภายหลัง จะได้ข้อคิดที่ว่าได้มากแล้วในการดูครั้งแรก ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
หนังKim Ki Duk เรื่องนี้จบด้วยความสะเทือนใจสุดๆ แต่กลับรู้สึกว่าผู้กำกับเลือกจบแบบนี้น่ะสะใจสุดยอดแล้ว (คิดได้ไงเนี้ยะซีนนี้) เมื่อคังโดยอมรับโทษทัณฑ์และหนี้บาปทั้งหมดทั้งมวลด้วยความเต็มใจ ทำให้เราคนดูรู้สึกได้ว่าความผิดเลวทรามของเค้า กลายเป็นศูนย์และใช้หนี้ได้จบทั้งหมดแล้ว
หวังให้หนังเรื่องนี้ได้รางวัลออสก้าร์หนังต่างประเทศยอดเยี่ยมนะ และเหมาะสมแล้วที่หนังได้รางวัลสิงโตทองคำปีนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
----
"คิมคีดุก" ผู้กำกับนอกคอกเกาหลี คว้ารางวัลเทศกาลหนังเวนิส เมื่อภาพยนตร์เรื่อง Pieta ของผู้กำกับเกาหลี "คิมคีดุก" ได้คว้ารางวัลสิงโตทองคำ ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิสครั้งที่ 69 ภาพยนตร์เรื่อง Pieta เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่เติบโตมาอย่างไม่มีครอบครัว เขาเป็นสมาชิกของแก๊งและทำหน้าที่ทวงหนี้ จนกระทั่งได้พบกับหญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นแม่ของเขา ทางสำนักข่าว Yonhap ในเกาหลีใต้เผยว่าคิมคีดุกสามารถนำเสนอภาพของเงินที่มีอำนาจทำลายความเป็นมนุษย์ได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้คิมคีดุกเคยคว้ารางวัลเทศกาลหนังเมืองเบอร์ลินจาก Samaritan Girl (2004) และรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวนิสในปีเดียวกันอีกด้วย สำหรับภาพยนตร์ที่ผ่าน ๆ มาของผู้กำกับ คิมคีดุกนั้นไม่ค่อยได้รับการตอบรับจากคนในประเทศสักเท่าไร แต่นั้นกลายเป็นว่าผลงานของเขากลับคว้ารางวัลที่ใหญ่ที่สุดในเทศกาลหนังเมืองเวนิสปีนี้มาครอง
----
-----
ชีวิตสันโดษของ คิมคีดุ๊ก หลังคว้าสิงโตทองคำ
การคว้าสิงโตทองคำในเทศกาลภาพยนตร์เวนิส ทำให้ คิมคีดุ๊ก เปลี่ยนจากนักสร้างหนังนอกคอก ของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ กลายเป็นผู้กำกับเนื้อหอมแดนโสม แต่ความสำเร็จชั่วข้ามคืนก็ไม่อาจเปลี่ยนนักสร้างหนังผู้ถูกคนในวงการขนานนามว่าผู้กำกับภาพยนตร์นอกคอก ไปจากแนวทางสร้างหนังอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้ เพราะความผิดพลาดในอดีตทำให้วันนี้ คิมคีดุ๊ก ผู้กำกับภาพยนตร์เกาหลีชื่อดังเจ้าของรางวัลสิงโตทองคำปีล่าสุด ตัดสินใจหนีสังคมเมืองมาอาศัยในกระท่อม ห่างกรุงโซล เกือบ 100 กิโลเมตร เพราะเกือบทำให้นักแสดงหญิงเสียชีวิตในฉากผูกคอตายของภาพยนตร์เรื่อง Dream เมื่อ 4 ปีที่แล้ว จนถูกทีมงานคว่ำบาตรยุติการทำงานร่วมกับเขา กลายเป็นบาดแผลในจิตใจจนเลือกมีชีวิตสันโดษเช่นทุกวันนี้ แม้ถูกขนานนามว่าเป็นคนชายขอบวงการบันเทิงเกาหลี เพราะเรียนจบเพียงชั้นมัธยม และสร้างตัวจากการเป็นคนงานในโรงงาน แต่สามารถเก็บเงินไปเรียนศิลปะในกรุงปารีส จนมีหนังเรื่องในปี 1996 ที่สร้างความแตกตื่นให้สังคมเกาหลีด้วยฉากรุนแรง และการข่มขืน จนกลุ่มสิทธิสตรีประณามว่าเขาเป็นคนเหยียดเพศ และเป็นโรคจิต ซึ่งเขายอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากความพยายามกลบปมด้อยในใจของตัวเอง หลังหยุดทำหนังไปถึง 2 ปี คิมคีดุ๊ก กลับมาสร้างผลงานอีกครั้งทั้ง Amen และสารคดี Arirang และประสบความสำเร็จสูงสุดในกับ Pieta ภาพยนตร์เกาหลีใต้เรื่องแรกที่คว้ารางวัลใหญ่ในเทศกาลภาพยนตร์ภาพยนตร์เวนิส ที่เนื้อหาโจมตีระบบทุนนิยมของเกาหลีใต้ โดยเลือกถ่ายทำที่ชองกเย แหล่งท่องเที่ยวของกรุงโซลที่พัฒนาจากย่านชุมชนแออัดที่ฉากหลังยังมีชาวบ้านยากจนที่ยอมแลกอวัยวะของตนเพื่อรายได้ประทังชีวิต อีเทคควัน ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยคยองฮีและนักวิพากษ์สังคมเกาหลี กล่าวว่า หนังยุคแรกของคิมคีดุ๊กสนองคุณค่าด้านศิลปะของผู้สร้างเป็นหลัก แต่งานยุคหลังสะท้อนมุมมองด้านคุณธรรมมากขึ้น แม้ไม่อาจบอกได้ว่า Pieta เป็นผลงานที่ดีกว่ายุคแรก แต่เห็นได้ชัดเจนถึงผลงานที่เข้าถึงผู้ชมในวงกว้างมากขึ้น ความสำเร็จของ Pieta ทำให้วันนี้คิมคีดุ๊กกลายเป็นนักสร้างภาพยนตร์เนื้อหอม หนังของเขาถูกเลือกเป็นตัวแทนเข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศ แต่ยอมรับว่าหลายคนที่มาแสดงความชื่นชมเขาส่วนใหญ่ไม่เคยดูหนังของเขาซักเรื่อง และไม่คิดที่จะสานต่อความสำเร็จด้วยการทำหนังเอาใจคนดูมากขึ้น เพราะประสบการณ์จากการสร้างหนังด้วยตนเองทำให้ ไม่สามารถทำหนังตามแนวทางตลาดได้ และไม่คาดหวังว่าผลงานในอนาคตจะเป็นที่สนใจของแฟนหนังมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
Create Date : 28 ตุลาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 14 ธันวาคม 2555 14:40:13 น. |
Counter : 3936 Pageviews. |
|
|
|