|
กตัญญู....เด็กไทยต้องมี (หลังจากที่เริ่มคลายมานานหลายปีแล้ว)
Wai Kroo
สมัยนี้คนเราดำเนินชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ไม่มีใครสนใจใคร ยิ่งการช่วยเหลือ การเอื้ออาทรยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มีใครทำเนื่องจากเกรงจะเดือดร้อน และหากมีใครคิดช่วยเหลือหรือทำดีกับใครขึ้นมา ก็มักไม่ค่อยเห็นความดีของกันและกัน มิหนำซ้ำหาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่องหรือขี้ประจบประแจงเสียอีก แต่ในสังคมไทยสมัยก่อนเราเคยได้รับการปลูกฝังอยู่เสมอให้เห็นถึงความดีของผู้อื่น ยามที่ใครทำดีกับเรา เราต้องรู้จักที่จะตอบแทนบุญคุณของเขาเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจที่เขามีให้เรา ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า การกตัญญูรู้คุณ นั่นเอง เด็ก ๆ จำต้องได้รับการสอนให้กตัญญูรู้คุณ เพราะความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของการเป็นคนดีอย่างหนึ่ง การที่เด็ก ๆ เป็นคนกตัญญู นั่นหมายถึงเขาเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีงาม รู้จักการให้ การแบ่งปันและการเคารพผู้อื่น คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักกตัญญู คือรู้คุณค่าความดีและตอบแทนความดีของผู้อื่น ซึ่งบุคคลที่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักกตัญญูต่อเขา คือ 1. คุณพ่อคุณแม่ เป็นบุคคลคนแรกที่ต้องสอนให้ลูกกตัญญูรู้คุณ เพราะเป็นบุคคลที่ให้กำเนิดลูกและเลี้ยงดูลูกด้วยความรักและความปรารถนาดี ถึงลำบากยากเย็นแค่ไหนก็ทนได้ทุกอย่าง แม้ในความเป็นจริงพ่อแม่ทุกคนจะบอกว่าทำทุกอย่างให้ลูกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่การให้ลูกเรียนรู้ที่จะตอบแทนคุณความดีของพ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากจะให้เขาเห็นถึงความสำคัญของบุพการีแล้ว ลูกจะได้เรียนรู้การเป็นผู้ให้ต่อผู้อื่น ไม่ใช่เป็นผู้รับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณพ่อคุณแม่บางคนมักจะเขินอายหรือรู้สึกแปลก ๆ ที่จะให้ลูกมาทำดีใส่ เช่น ลูกเห็นคุณพ่อคุณแม่กลับจากทำงานมาเหนื่อย ๆ ก็เอาน้ำใส่แก้วมาให้ดื่ม แต่คุณพ่อคุณแม่กลับปฏิเสธว่าเดี๋ยวจะไปหาดื่มเอง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าการปฏิเสธลูกเช่นนี้จะเป็นการสร้างกำแพงให้เกิดขึ้นกับลูกในการที่จะทำความดีต่อผู้อื่น เพราะขนาดเขาทำดีกับพ่อแม่ ๆ ยังไม่รับน้ำใจเขา เขาก็จะไม่กล้าทำความดีต่อผู้อื่นอีก ดังนั้น นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะสอนให้ลูกรู้จักกตัญญูต่อพ่อแม่แล้ว ต้องให้ลูกได้ทำความดีกับพ่อแม่จนเป็นนิสัยด้วย เพื่อเขาจะรู้สึกมั่นใจว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงามที่ควรจะต้องทำ 2. คุณครู เป็นผู้ให้ความรู้ สอนให้เด็ก ๆ อ่านออกเขียนได้ ทั้งยังช่วยขัดเกลา อบรมบ่มนิสัย จึงเปรียบเหมือนเป็นพ่อแม่คนที่สองของลูก การตอบแทนความดีของคุณครูคือการสอนให้ลูกเป็นลูกศิษย์ที่ตั้งใจเรียน มีวินัย มีความยำเกรง มีสัมมาคารวะ และช่วยเหลือคุณครูตามกำลังความสามารถ ไม่นิ่งดูดาย เช่น สอนให้ลูกช่วยคุณครูถือหนังสือเมื่อเห็นคุณครูแบกหนังสือมาหลายเล่ม ก็จะทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะทำความดีตอบแทนผู้มีพระคุณซึ่งเป็นผู้สอนความรู้ต่างๆมากมายให้เขา 3. ญาติผู้ใหญ่ เป็นผู้มีความใกล้ชิดทางสายเลือด มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเรา และเป็นบุคคลซึ่งควรแก่การเคารพ ทั้งปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกกตัญญูต่อญาติผู้ใหญ่โดยการปรนนิบัติท่านทั้งหลายเหล่านี้ เช่น ช่วยหยิบของให้คุณปู่ บีบนวดให้คุณยาย จูงคุณตาไปเดินเล่น ช่วยคุณย่าทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่ทำได้ นอกจากการให้ลูกรู้จักดูแลญาติผู้ใหญ่แล้ว ยังต้องสอนให้ลูกเห็นถึงความสำคัญของพวกท่าน คือ สอนให้รู้ว่าคุณปู่คุณย่าคือผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูคุณพ่อ ส่วนคุณตาคุณยายคือผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูคุณแม่ เพื่อว่าลูกจะได้รู้ว่าท่านทั้งหลายเป็นบุคคลที่เขาจะต้องให้ทั้งความรักและความเคารพนั่นเอง 4. พระมหากษัตริย์ เป็นประมุขของประเทศ ผู้ปกครองประเทศชาติบ้านเมืองให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์โดยการให้ความเคารพ เช่น เมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีต้องยืนตรงเพื่อแสดงความจงรักภักดี นอกจากนี้ต้องสอนให้ลูกเป็นคนดีของประเทศชาติด้วยการไม่ก่อความเดือดร้อนเสียหายอย่างใด ๆ เพื่อให้บ้านเมืองอยู่อย่างร่มเย็นดังเช่นพระมหากษัตริย์ได้ทรงปฏิบัติ 5. สังคม หมายความถึงบุคคลในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่อาศัยคุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกรู้จักตอบแทนความดีของผู้อื่นแม้บุคคลนั้นจะไม่ใช่พ่อแม่ ญาติพี่น้องหรือคุณครูก็ตาม แต่หากใครทำความดีกับเรา เราก็ควรต้องตอบแทนบุญคุณของเขา เช่น เมื่อขึ้นรถประจำทาง แล้วมีคนลุกให้นั่ง นอกจากจะต้องไหว้แสดงความขอบคุณ แล้วหากเห็นว่าเขาถือของสิ่งใดก็ควรจะช่วยเขาถือเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจที่เขายอมสละความสะดวกสบายให้แก่เรา ส่วนการตอบแทนสิ่งแวดล้อมคือการทำให้สังคมน่าอยู่เพราะสังคมเป็นที่อยู่ของคนทุกคน ทั้งบ้านเรือน แม่น้ำลำคลอง ถนนหนทาง ต้นไม้ใบหญ้า เราต้องไม่ทำลายให้เกิดความเสียหาย เช่น ต้องสอนลูกให้ไม่ถ่มน้ำลายบนพื้นถนน หรือทิ้งขยะในแม่น้ำ หรือเด็ดดอกไม้ใบหญ้า สิ่งเหล่านี้นอกจากจะสอนให้ลูกคิดดี ทำดีแล้ว ยังสอนให้เขารู้จักเคารพสิทธิในความเป็นอยู่ของผู้อื่นด้วย
การสอนให้ลูกมีความกตัญญูรู้คุณต่อสิ่งต่าง ๆ นอกจากจะสอนด้วยการพูดแล้ว วิธีที่ดีที่สุดและได้ผลที่สุดสำหรับลูกคือการที่คุณพ่อคุณแม่ทำให้เห็นเป็นแบบอย่างนั่นเอง เพราะเด็ก ๆ สามารถเรียนรู้และจดจำจากสิ่งที่เห็นได้ดีกว่าวิธีอื่นๆ เช่น - การสอนให้ลูกกตัญญูต่อพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ พ่อแม่ต้องคอยปรนนิบัติและดูแลปู่ ย่า ตา ยาย ให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่าง หมั่นพาลูกไปเยี่ยมเยียนท่าน จัดหาสิ่งของหรือเครื่องอำนวยความสะดวกตามสมควรให้แก่ท่าน คอยเอาใจใส่ พูดคุย อยู่เป็นเพื่อน หรือพาท่านออกไปทำกิจกรรมต่างๆนอกบ้าน - การสอนให้ลูกกตัญญูต่อคุณครู พ่อแม่ควรแสดงความเคารพต่อคุณครูให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่าง เช่น เมื่อพบคุณครูก็ยกมือไหว้สวัสดี เมื่อถึงวันครูก็นำพวงมาลัยไปกราบท่าน - การสอนให้ลูกกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ เช่น เมื่อถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา พ่อแม่พาลูกไปลงนามถวายพระพร - การสอนให้ลูกกตัญญูต่อสังคม เช่น เมื่อมีใครได้รับความเดือดร้อน อย่างในขณะนี้มีเหตุอุทกภัยหลายจังหวัดที่คนในสังคมได้รับความเดือดร้อนลำบาก ก็พาลูกไปซื้อของบริจาคน้ำท่วม หรือให้ลูกแบ่งเงินในกระปุกไปบริจาคบ้าง ความกตัญญูเป็นคุณสมบัติของคนดี ซึ่งหากลูกของเราเป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณก็จะทำให้เขาเป็นคนที่สามารถจะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือไปที่ไหนก็จะมีแต่คนรักใคร่และชื่นชม และจะเป็นบุคคลที่ได้รับการต้อนรับจากผู้อื่นอย่างดีเสมอ ที่สำคัญลูกเราจะเป็นคนที่ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เพราะหากเขามีปัญหาหรือได้รับความยากลำบากสิ่งใด เขาก็จะได้รับการช่วยเหลือตอบแทนกลับมา เหมือนอย่างที่เขาเคยทำความดีเช่นนี้ต่อผู้อื่นนั่นเอง
Wai Kroo
ที่มา จาก ความกตัญญูต้องคู่กับเด็กไทย โดย ดร.แพง ชินพงศ์ //www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000158647
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2553 10:06:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1224 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]
|
แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
|
|
|
|
|
|
|
|