ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
"กินเจ" อย่างไรให้สุขภาพดี เสริมภูมิคุ้มกัน



"กินเจ" อย่างไรให้สุขภาพดี เสริมภูมิคุ้มกัน

ปัจจุบันการตื่นตัวเรื่องของการดูแลสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามกระแสโลก เนื่องจากสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงไปมา ความเป็นอยู่ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และมลพิษต่างๆ รอบตัว ส่งผลให้การบริโภคอาหารธรรมชาติ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ลดการรับประทานเนื้อสัตว์ ดูจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมของผู้คนยุคนี้ และหนึ่งในช่วงเวลาดี ๆ ที่ใครหลายคนจะได้ถือศีลบำเพ็ญธรรม และงดรับประทานเนื้อสัตว์ไปพร้อม ๆ กันด้วยเลยนั้น คงจะปฏิเสธ "เทศกาลถือศีลกินเจ" ไปไม่ได้ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน) โดยในปีนี้จะตรงกับวันที่ 15-23 ตุลาคมนี้

ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา บอกว่า การกินเจเป็นสิ่งที่ดี แต่การกินเจต้องรู้จักเลือก และผสมผสานวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้เหมาะสม เพื่อจะได้รับสารอาหารที่หลากหลาย และสมดุลด้วย เช่น ผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืชจำพวก ข้าว ถั่วต่างๆ งา ล้วนแล้วแต่ให้คุณค่าสารอาหารที่ต่างกันออกไป สำหรับชาวเจแล้วต้องใส่ใจที่จะรับประทานโปรตีนจากพืชให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ อาหารเจจะนิยมใช้ถั่วเหลือง และเห็ดเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีไม่แพ้เนื้อสัตว์ เห็ดมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายต้องการครบถ้วน นอกจากนี้เห็ดยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามิน แร่ธาตุ รวมทั้งธาตุเหล็ก และซีลีเนียมซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

ที่สำคัญอาหารที่มีรสชาติเฉพาะตัวอย่างเห็ดบางชนิดยังมีการบันทึกว่ามีการใช้ในตำราแพทย์ของจีน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นหรือประมาณ คศ.200 แม้ทุกวันนี้การแพทย์แผนตะวันตกจะแพร่หลายไปทั่วโลก แต่การแพทย์แผนจีนก็ยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีผลการวิจัยจำนวนมากรายงานถึงประสิทธิภาพของเห็ดทางการแพทย์ในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา และเกาหลี ส่งผลให้มีการใช้เห็ดทางการแพทย์เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ป้องกันและรักษาโรคแพร่หลายมากยิ่งขึ้น

"แต่ก็ใช่ว่าเห็ดทุกชนิดจะมีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาทั้งหมด มีเห็ดเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่มีสรรพคุณทางยาและได้รับการยอมรับว่าเป็นเห็ดทางการแพทย์อาทิ เห็ดยามาบูชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ เห็ดหลินจือ เห็ดชิตาเกะ ถั่งเฉ้า เห็ดแครง เป็นต้น ซึ่งมีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ปลอดภัยและให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น สารประกอบในกลุ่มโพลีแซ็คคาไรด์และเบต้ากลูแคนที่สกัดได้จากเห็ด มีส่วนช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เพื่อปรับสมดุลการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ได้ประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับการต่อต้านเชื้อโรคและเซลล์มะเร็ง จึงเปรียบได้กับการยกระดับภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย" นักกำหนดอาหารให้ข้อมูล

ส่วนในเรื่องที่มีบางคนสงสัยว่า การกินเจให้ผลดีต่อสุขภาพจริงไหม และจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารหรือไม่นั้น นักกำหนดอาหารท่านนี้บอกว่า อาหารเจ เต็มไปด้วยผักผลไม้และธัญพืช มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤกษเคมี และใยอาหาร ฯลฯ อย่างผลไม้ที่มีฤทธิ์ของการต้านอนุมูลอิสระสูงสุด ได้แก่ พรุน และบิลเบอรี่ ที่มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งอยู่ในกลุ่มของสารฟลาโวนอยด์ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตา มีใยอาหารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม โดยใยอาหารชนิดละลายน้ำช่วยลดคอเลสเทรอลและระดับน้ำตาล ส่วนชนิดไม่ละลายน้ำช่วยป้องกันท้องผูกและมะเร็งในลำไส้ ผักผลไม้ส่วนใหญ่เป็นแหล่งใยอาหารทั้งสองชนิดโดยเฉพาะใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ แต่ใยอาหารที่ละลายน้ำจะมีน้อยกว่ายกเว้นผักผลไม้บางชนิดที่มีใยอาหารที่ละลายน้ำสูงได้แก่ พรุน ส้ม กล้วย แอปเปิล มะเขือยาว ฝักกระเจี๊ยบ เป็นต้น

แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดสารอาหารบางชนิด ชาวเจควรเลือกรับประทานอาหารเจอย่างถูกวิธี สารอาหารที่ต้องเน้นเป็นพิเศษนอกเหนือจากโปรตีนก็คือ อาหารที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 2 หรือ ไรโบเฟลวิน วิตามินบี 12 วิตามินดี และสังกะสี เพื่อร่างกายจะได้รับสารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ที่สำคัญควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะอาหารที่มีกากใยสูงต้องการน้ำในการทำงานหากดื่มน้ำไม่พออาจทำให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊ส ปวดท้องได้

เห็นได้ว่า การกินเจอย่างถูกหลัก นอกจากจะช่วยให้ได้รับประทานอาหารที่สด สะอาด และมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว การงดเนื้อสัตว์และหันมาเพิ่มอาหารโปรตีนจากพืชให้ได้ปริมาณเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ซึ่งอาหารเหล่านี้ยังเป็นแหล่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายที่จะรับมือกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้อีกด้วย ขณะเดียวกันยังได้บุญ ชำระล้างจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ถือได้ว่าเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีทั้งทางกายและทางใจ ไม่แน่ ใครบางคนอาจติดใจถึงขั้นกินเจกันไปตลอดเลยก็เป็นได้ เพราะแค่ช่วงกินเจระยะสั้น ๆ ก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

ข้อมูลประกอบข่าว

ตามธรรมเนียมนิยมแต่โบราณ "การกินเจ" นอกจากจะต้องงดบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ทุกชนิดจากสัตว์ เช่น ไข่ นม น้ำผึ้งแล้ว ยังห้ามบริโภคผักที่มีกลิ่นฉุนบางชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม หลักเกียว (กระเทียมโทนจีน) กุยช่าย ใบยาสูบ เพราะชาวเจเชื่อว่า ผักที่มีกลิ่นฉุน จะเข้าไปทำลายธาตุทั้ง 5 ในร่างกายคือ ธาตุน้ำ ไฟ ดิน ไม้และโลหะ ส่งผลให้อวัยวะภายในร่างกายทำงานไม่ปกติ ส่วนการงดเนื้อสัตว์ทุกชนิดและใช้โปรตีนจากเห็ดและถั่วชนิดต่าง ๆ แทน จะช่วยให้กระเพาะอาหารได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์ที่ทำประจำอยู่ นอกจากนี้การบริโภคผัก ผลไม้เพิ่มขึ้นยังช่วยให้ร่างกายได้รับเกลือแร่และวิตามินที่นำไปช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังให้สารต้านอนุมูลอิสระ และสารพฤกษเคมีที่ช่วยในการเพิ่มภูมิต้านทาน ตลอดจนลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคเรื้อรังอื่นๆ อีกด้วย

นักโภชนาการเตือนเด็กต่ำกว่า 5 ขวบ ไม่ควรกินเจ ผู้สูงวัยควรกินที่ย่อยง่าย

นักโภชนาการแนะกินเจให้เลี่ยงอาหารประเภทแป้ง ผัด ทอด และการต้มซ้ำ ย้ำ ต้องกินให้ครบ 5 หมู่ กันร่างกายขาดสารอาหาร ชูเมนูน้ำพริกเจคู่ผักสดได้คุณค่าโภชนาการสูง เตือนเด็กต่ำกว่า 5 ขวบไปไม่ควรกิน ส่วนผู้สูงอายุเน้นอาหารที่ย่อยง่าย

นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และผู้จัดการโครงการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การกินเจให้ได้สุขภาพแข็งแรงจำเป็นต้องกินอย่างถูกวิธี เนื่องจากพบว่าบางคนหลังกินเจแล้วน้ำหนักขึ้น ทั้งนี้ หลักการกินเจให้ถูกวิธีคล้ายกับหลักการกินให้ถูกโภชนาการ คือ กินให้ครบ 5 หมู่ เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร และหลีกเลี่ยงอาหารบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มแป้ง ดังนั้น การเตรียมพร้อมก่อนกินเจ ควรเริ่มก่อน 2 วัน โดยกินเนื้อสัตว์ใหญ่ให้น้อยลง เปลี่ยนมากินเนื้อที่ย่อยง่าย เช่น ปลา นม และไข่แทน เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ลดปริมาณน้ำย่อยลง และเพิ่มปริมาณผักขึ้น เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวได้ไม่เกิดอาการท้องอืด

นายสง่า กล่าวอีกว่า การกินเจจะทำให้ได้รับโปรตีนจากพืช ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากสัตว์ เนื่องจากมีกรดอะมิโนใกล้เคียงกัน เช่น เมทไทโอนิน (methionine) และ ไลซีน (lysine) ทั้งยังไม่มีคอเรสเตอรอลเหมือนกับเนื้อสัตว์ แต่มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้ กรดอะมิโนในผักจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค เนื่องจากมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น ไฟโตรนิวเทรียนส์ ที่มีในผักและผลไม้เท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งด้วย ดังนั้น หากเลือกอาหารที่มีโปรตีนสูงก็สามารถทดแทนเนื้อสัตว์ได้ เช่น ถั่วเมล็ดแห้ง

“การเลือกอาหาร คือ สิ่งสำคัญที่สุดในการกินเจ ส่วนใหญ่ผักและผลไม้มีประโยชน์อยู่แล้ว แต่ต้องเลือกที่สด สะอาด และหวานน้อย หลีกเลี่ยงอาหารประเภทผัด ทอด ซึ่งใช้น้ำมันเยอะ เปลี่ยนมาทานประเภท ต้ม นึ่ง หรือ อบแทน ส่วนอาหารเจที่มีการต้มซ้ำบ่อยๆ น้ำต้มจะระเหยเหลือแต่ความเค็ม จึงต้องระวัง เพราะจะมีผลต่อความดันโลหิต หากเป็นไปได้ ขอแนะนำให้กินอาหารไทยพวกน้ำพริกเจคู่กับผักสด ผักพื้นบ้าน นอกจากมีประโยชน์แล้วยังไม่มีสารพิษเจือปน หรือกินข้าวกล้องที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง” ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กล่าว

นายสง่า กล่าวต่อไปว่า วัยที่ไม่เหมาะสมต่อการกินเจ คือ เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากเด็กมีโอกาสเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะเด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต สมอง และร่างกายต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ เด็กๆ ไม่สามารถปรับตัวได้เหมือนกับผู้ใหญ่ หรืออาจให้กินได้แต่ต้องไม่เคร่งครัด ต้องให้กินนมและไข่ด้วย สำหรับเด็กอายุ 6-13 ปี สามารถกินได้แต่ต้องไม่เคร่งครัด และต้องมั่นใจว่าเด็กได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ กินนม และไข่ได้ ส่วนเด็กอายุ 14 ปี จนถึงผู้สูงอายุสามารถกินได้ตามปกติ แต่สำหรับผู้สูงอายุควรเน้นอาหารเจที่ย่อยง่าย


ที่มา
- //www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9550000126081
- //www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000125881


Create Date : 16 ตุลาคม 2555
Last Update : 16 ตุลาคม 2555 0:39:10 น. 0 comments
Counter : 1010 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.