ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
วันอาสาฬหบูชา สำคัญอย่างไร แล้วควรปฏิบัติตนอย่างไร

วันอาสาฬหบูชา สำคัญอย่างไร แล้วควรปฏิบัติตนอย่างไร

หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬห คือ เดือน ๘ เป็นวันที่ชาวพุทธจะได้กระทำบุญกุศล เพื่อระลึกถึง เหตุการณ์ครั้งแรก ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเป็นครั้งแรก คือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร หมายถึง สูตรว่าด้วยการหมุนกงล้อ แห่งธรรม แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ และในที่สุด แห่งพระธรรมเทศนานั้นเอง หัวหน้า ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ นั้น นามว่า โกณทัญญะ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม คือเข้าใจชัดแจ้งในพระธรรมที่ทรงแสดง มองเห็น ความเป็นธรรมดาของสังขารธรรม บรรลุโสดาปัตติผล และได้ทูลขอบวชในพระพุทธศาสนา นับว่าเป็นพระสงฆ์ สาวกรูปแรกของพระพุทธศาสนา ดังนั้น วันอาสาฬหบูชา จึงเป็นทั้งวันระลึกถึงการแสดงปฐมเทศนา ครั้งแรก ของพระพุทธเจ้า และเป็นวันที่พระรัตนตรัย ครบบริบูรณ์

ประวัติวันอาสาฬหบูชา วันปฐมเทศนา - ปฐมสาวก - ปฐมแสงธรรม

หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เแล้ว ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ และประทับเสวยวิมุตติสุขตามจุดต่างๆ รอบๆปริมณฑลมหาโพธิ์ใหญ่นั้น เป็นเวลา ๗ สัปดาห์ ในสัปดาห์ที่ ๗ ประทับอยู่ ณ ต้นอชปาลนิโครธ ก็ทรงดำริว่า พระธรรมที่ได้ตรัสรู้นั้น ลึกซึ้ง ยากแก่การที่จะสัตว์ผู้มีธุลีคือกิเลสในดวงตามากๆ จะเข้าใจตามได้ ในขั้นแรก ทรงน้อมไปในอาการที่จะไม่แสดงธรรม แต่เพราะอาศัยพระมหากรุณาของพระองค์เอง ว่า ที่พระองค์บำเพ็ญบารมีมาตลอดสี่อสงไขยแสนกัปป์ ก็เพื่อที่จะพาหมู่สัตว์ ข้ามห้วง โอฆะกันดาร ทรงดำริเช่นนี้แล้ว ครั้งนั้นท้าวสหัมบดีพรหม ผู้เป็นใหญ่ในมหาพรหม ก็ทราบพระปริวิตกของพระศาสดา จึงได้เสด็จลงมาเฝ้าเพื่อ ทูลอาราธนา ให้ทรงแสดงธรรม ให้ทรงแสดงธรรม
เมื่อท้าวสหัมบดีพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงพิจารณาสรรพสัตว์ทั้งหลายดุจดอกบัว สามเหล่า( ความตอนนี้ ไม่ปรากฏว่าทรงพิจารณาถึง พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา และพระสาวก ประดิษฐานที่บริเวณธัมเมกขสถูป ๔ เหล่า ดอกบัว ๔ เหล่า น่าจะมาในพระไตรปิฎกตอนอื่นมากกว่า และพระพุทธเจ้า ก็อาศัยความที่คนทั้งหลาย มีอุปนิสัยที่พอจะรับฟังพระธรรมได้ ดุจดอกบัวทั้งสามเหล่า คือบัวพ้นน้ำ บัวปริ่มน้ำ บัวใต้น้ำนี่เอง จึงทรงแสดงธรรม ) จึงตกลงพระทัย ที่จะแสดงธรรม ในขั้นแรกทรงพิจารณาว่า ควรจะเสด็จไป โปรดใครก่อน ก็ทรงระลึกถึง อาฬารดาบส และอุทกดาบส ผู้ทรงเป็น พระอาจารย์ของพระองค์ คราวที่ยังมิได้ตรัสรู้ ยังทรงเป็น ผู้เที่ยวแสวงหา ทางตรัสรู้อยู่ ทรงระลึกว่า ทั้งสองท่าน เป็นผู้มี ธุลีคือกิเลสเบาบาง จะสามารถบรรลุธรรม ได้เร็ว (เพราะดาบส ทั้งสอง เป็นผู้ได้ฌานแล้ว นิวรณ์ ๕ ย่อมระงับ จิตเป็นสมาธิ ซึ่งสามารถ ที่จะรู้ตาม พระธรรมเทศนาที่จะทรงแสดงได้เร็ว) แต่ทรงทราบว่า ดาบสทั้งสอง ได้ละสังขาร ไปก่อนหน้านั้นแล้ว จึงได้ทรงเล็ง เห็นว่า ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๔ เป็นผู้ที่เคยมีอุปการะ กับพระองค์ คราวที่ยังแสวงหาทางตรัสรู้ และเป็นผู้ที่มีธุลี คือกิเลสในดวงตา เบาบาง ตอนนี้พำนักอยู่ที่ ป่าอิสิปตนมฤค ทายวัน พระองค์จึงทรงดำริจะเสด็จไป เพื่อแสดงธรรมเทศนา โปรดปัญจวัคคีย์

ในระหว่างทาง ได้พบกับอุปกาชีวก ซึ่งอุปกาชีวกได้เห็นพระอากัปกิริยา อันน่าเลื่อมใส พระพักตร์อิ่มเอิบของพระพุทธเจ้า ก็เกิดความเลื่อมใส จึงได้ถามว่า พระองค์เป็น ลูกศิษย์ใคร ใครเป็นอาจารย์ ของพระองค์ ฯลฯ ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง รู้ธรรมทั้งปวง อันตัณหาและทิฏฐิไม่ฉาบทาแล้ว ในธรรมทั้งปวง ละธรรมเป็นไปในภูมิสามได้หมด พ้นแล้วเพราะ ความสิ้นไปแห่งตัณหา เราตรัสรู้ยิ่งเองแล้ว จะพึง อ้างใครเล่า อาจารย์ของเราไม่มี คนเช่นเรา ก็ไม่มี บุคคลเสมอ เหมือนเราก็ไม่มี ในโลกกับ ทั้งเทวโลก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ในโลก เราเป็นศาสดา หาศาสดาอื่นยิ่งกว่ามิได้ เราผู้เดียว เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ เราเป็นผู้เย็นใจ ดับกิเลส ได้แล้ว เราจะไปเมืองในแคว้นกาสี เพื่อ ประกาศธรรมจักรให้เป็นไป เราจะตีกลอง ประกาศ อมตธรรมในโลกอันมืด เพื่อให้สัตว์ได้ธรรมจักษุ."

อุปกาชีวกได้ฟังดังนั้น ก็ได้กล่าวว่าการที่พระองค์ได้ตรัสมานั้น หากเป็นจริงแล้ว พระองค์ควรจะได้นามว่า อนันตชินะ ผู้ชนะหาที่สุดมิได้ แล้วแลบลิ้น สั่นศีรษะ แล้วเดิน หลีกไป

หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้เสด็จไปถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พบกับปัญจวัคคีย์ ในขั้นแรก ปัญจวัคคีย์ ไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้า จะตรัสรู้จริงๆ แต่เพราะเหตุผลของพระองค์ ว่าพระองค์ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว และเรื่องนี้ ก็ไม่เคยตรัสมาก่อน คราวที่ปัญจวัคคีย์ยังอยู่รับใช้พระองค์ ทำให้ปัญจวัคคีย์ อันมี โกณทัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ นั้น ระลึกได้ว่า คราวที่ยังรับใช้ ยังอยู่ใกล้ชิดพระองค์อยู่ ก็ไม่เคยได้ยินพระองค์ ตรัสเรื่องอนุตตร สัมมาสัมโพธิญาณนี้เลย พระองค์น่าจะได้รู้อะไร บางอย่างแล้วเป็นแน่ จึงได้ยอมรับฟังพระธรรม ซึ่งพระองค์ได้แสดง พระธรรมเทศนากัณฑ์แรก คือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร คือพระสูตรว่าด้วยการหมุนกงล้อ แห่งพระธรรม

ทรงแสดงถึงการประพฤติปฏิบัติที่สุดโต่งเกินไป ๒ ประการ คือ การหมกมุ่นในกามคุณ (กามสุขัลลิกานุโยค) และการทรมานตนให้ลำบาก (อัตตกิลมถานุโยค) ต่อมาทรงแสดงทางสายกลาง คือ มัชฌิมาปฏิปทา และแสดงอริยสัจ ๔ ในตอนจบของพระธรรมเทศนา ดาบสโกณทัญญะ ได้ส่งกระแสจิตไปตามพระธรรมเทศนา จึงได้เข้าถึงความจริงของสังขารธรรม ได้ธรรมจักษุ ว่า" ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมัง " สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไป เป็นธรรมดา ได้บรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระอริยบุคคล ชั้นแรกใน พระพุทธศาสนา

พระศาสดาทรงทราบว่าโกณทัญญะได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว จึงเปล่งอุทานว่า อัญญาสิ วต โภ โกณทัญโญ อัญญาสิ วต โภ โกณทัญโญ "โกณทัญญะ ได้รู้แล้วหนอ โกณทัญญะได้รู้แล้วหนอ" นับตั้งแต่นั้น ท่านโกณทัญญะจึงได้นามว่า อัญญาโกณทัญญะ คือ พระโกณทัญญะ ผู้รู้แล้ว และได้ทูลขอบวช ต่อพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงประทาน เอหิภิกขุอุปสัมปทา นับเป็นพระภิกษุรูปแรก ในพระพุทธศาสนา ที่ได้รับการอุปสมบท โดยพระศาสดาเป็นผู้ประทานการบวชให้ เท่ากับว่าในวันนั้นเอง ที่พระพุทธเจ้าทรง ได้รับพระนามว่า เป็น สัมมาสัมพุทโธ โดยสมบูรณ์ เพราะมีพยาน ในการตรัสรู้ธรรมโดยชอบ คือรู้ตามพระธรรมของพระองค์ แล้ว

หลังจากการโปรดอัญญาโกณทัญญะแล้ว หลังจากนั้นก็ได้ทรงแสดงปกิณกธรรม โปรดปัญจวัคคีย์ คนอื่นๆอีก คือ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ และ ในวันแรม ๕ค่ำ เดือน เดือน ๘ นั่นเอง พระองค์ได้ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร แก่พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ทำให้ทั้งหมด ได้เข้าใจชัดเจน ถึงความเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตนถาวรเที่ยงแท้ของขันธ์ ของสังขารธรรม ทำให้พระปัญจวัคคีย์ ทั้ง ๕ รูป สามารถเพิกถอนอุปทาน อาสวะในจิตของตนได้ และได้บรรลุ เป็นพระอรหันต์ในที่สุด.

ศาสนพิธีเนื่องในวันอาสาฬหบูชา

ความเป็นมาของวันอาสาฬหบุชาในประเทศไทย


แต่เดิม พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยจะมีพิธีเฉลิมฉลองวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเพียงวันเดียว คือวัน วิสาขบูชา ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดให้มีการฌแลิมฉลองเนื่องในวันมาฆบูชา และมาถึง พ.ศ. ๒๕๐๑ เมื่องานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษเสร็จแล้ว ทางคณะสงฆ์เห็นว่า วันแสดงปฐมเทศนา คือธัมมจักกัปปวัตนสูตร ก็เป็นวันที่สำคัญมาก น่าจะได้กำหนดให้มีพิธีบูชาใหญ่ ทางราชการก็เลยตกลงเห็นชอบกับคณะสงฆ์ ประกาศให้มี วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นอีกวัน คือ วันอาสาฬหบูชา

การบำเพ็ญพระราชกุศลอาสาฬหบูชา

พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยถือปฏิบัติบูชาในวันอาสาฬหบูชามาตั้งแต่กรุงสุโขทัย โดยบำเพ็ญกุศลต่อเนื่อง กันไป ๒ วัน คือ วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีการกำหนดไว้ในกฏมณเฑียรบาล ให้เป็นพระราชพิธีหนึ่งในพระราชพิธี ๑๒ เดือน เรียกว่า "พระราชพิธีเข้าพระวษา" ต่อมาเปลี่ยนเป็น "พระราชพิธีอาษาฒ" ในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า มีกล่าวถึงพระราชพิธีนี้แต่เพียงย่อๆ ว่า "เดือน ๘ พระราชพิธีอาษาฒ พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลบวชนาค เป็นภิกษุบ้าง สามเณรบ้าง รวมเท่าจำนวนพระชนมายุ มีการมหรสพสมโภชพระพุทธสุรินทร ๓ วัน ๓ คืน" ทรงหล่อเทียนพรรษาแล้ว ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ส่งไปถวายเป็นพุทธบูชาตามพระอาราม ทั้งในกรุงและหัวเมือง" พระราชพิธีนี้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยงดเฉพาะมหรสพสมโภชเท่านั้น

วันอาสาฬหบูชา : วันครบองค์พระรัตนตรัย

Worship on the full-moon day of Asalha month(the eighth lunar month)

in commemoration of the First Sermon and the foundation of the Buddhist Order

อาสาฬหบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ หรือเดือน ๘ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๗ เพื่อรำลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นการพิเศษ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา หรือประกาศพระศาสนาเป็นครั้งแรก โดยทรงแสดงปฐมเทศนากัณฑ์แรก คือ ?ธัมมจักกัปปวัตนสูตร-พระสูตรว่าด้วยการหมุนวงล้อธรรม? โปรดปัญจวัคคีย์ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ เป็นผลให้เกิดปฐมสาวก คือ สาวกองค์แรกในพุทธศาสนาคือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้ได้ดวงตาเห็นธรรม (ธรรมจักษุ) จึงถือว่าวันนี้ เป็นวันแรกที่มี พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบเป็นองค์พระรัตนตรัย

loading picture ปฐมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงมีชื่อว่า ?ธัมมจักกัปปวัตนสูตร? หมายถึง พระสูตรว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไป หรือ พระสูตรว่าด้วยการหมุนวงล้อธรรม (the Discourse of setting in motion the Wheel of the Doctrine; the Discourse of the Foundation of the Kingdom of Righteousness) นั่นคือ พระพุทธองค์ทรงเริ่มหมุนวงล้อแห่งธรรมหรือเริ่มเผยแผ่ธรรมะ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขของมนุษยชาติ


ใจความสำคัญของพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร มีเนื้อหาที่สำคัญที่พระพุทธองค์ทรงสอนปัญจวัคคีย์ คือ ทรงสอนว่าบรรพชิต(นักบวช)ไม่ควรประพฤติที่สุดโต่ง ๒ ส่วน คือ

๑.การหมกมุ่นมัวเมาอยู่ในกามสุข (กามสุขัลลิกานุโยค)

๒. การทรมานตัวเองให้ลำบาก (อัตตกิลมถานุโยค)

แต่ควรเดินตามทางสายกลาง ที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง อันเป็นข้อปฏิบัติที่เป็นกลางที่มีความถูกต้อง เหมาะสมที่จะนำไปสู่เป้าหมายคือ พระนิพพานได้


การปฏิบัติตามทางสายกลาง จึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ตึงและไม่หย่อนเกินไป เป็นการดำเนินชีวิตที่ประกอบด้วยปัญญา ซึ่งมีหลักปฏิบัติที่เป็นองค์ประกอบ ๘ ประการ ที่เรียกว่า อริยอัฏฐางคิกมรรค หรือ มรรคมีองค์ ๘ คือ

๑.สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ

๒.สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ

๓.สัมมาวาจา เจรจาชอบ

๔.สัมมากัมมันตะ การประพฤติชอบ

๕.สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ

๖.สัมมาวายามะ เพียรชอบ

๗.สัมมาสติ ระลึกชอบ

๘.สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นชอบ

กิจกรรมสำหรับพุทธศาสนิกชนในวันอาสาฬหบูชา

๑. ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล
๒. ร่วมเวียนเทียน
๓. ศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะธัมมจักกัปปวัตนสูตร และนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวัน อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาดังนี้

วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ในปีที่มีอธิกมาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนิน ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดไฟจากโคม สำหรับถวาย เจ้าอาวาส ไปจุดเทียนพรรษา ที่ทรงพระราชอุทิศไว้แล้ว ทรงจุดเทียนพรรษาบูชาพระรัตนตรัย ทรงถวายพุ่มเทียน บูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธรูปฉลองพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ ทรงประเคนบรรจุ พุ่มเทียน ถวายถาดใส่ดอกไม้ ธูป ๑ กล่อง เทียน ๕๐ เล่ม แด่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ เป็นต้น

วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ หรือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ในปีที่มีอธิกมาส เป็นวันเข้าพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์ ๑๕๐ รูป เข้าไปรับพระราชทานอาหารบิณฑบาตของหลวง ในพระบรมมหาราชวัง

ในเวลาเย็นเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณี รัตนปฏิมากร จาก เครื่องทรงฤดูร้อน เป็นเครื่องทรงฤดูฝน เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงประกอบพิธีถวายบูชาสักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์

การปฏิบัติตนในวันอาสาฬหบูชา

๑. ละเว้นอบายมุขทุกประเภท
๒. ทำทาน เช่น ตักบาตรพระ ดูแลบิดามารดา และเลี้ยงสัตว์ผู้อดยาก เป็นต้น
๓. สมาทานศีล ๕ ศีลอุโบสถ และศีล ๘
๔. ฟังพระธรรมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตร
๕. ปฏิบัติกรรมฐาน ทั้งสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน
๖. เวียนเทียนรำลึกรอบสัญลักษณ์ของพระรัตนตรัย เช่น โบสถ์ ต้นโพธิ์ พระพุทธรูป และธัมเมกขสถุป (สำหรับผู้ไปนมัสการ สังเวชนียสถานที่อินเดีย) เป็นต้น
๗. พึงบูชาพระรัตนตรัย ด้วยการบูชาทั้งสองประเภท คือ ทั้งอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา ทั้งนี้ ก็เพื่อความสุข ความเจริญ ของจิตใจ ของตนเองและผู้คนร่วมสังคม


คำนำถวายดอกไม้ธูปเทียนในวันอาสาฬหบูชา

เมื่อพระภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชน พร้อมกันที่โรงอุโบสถแล้ว หลังจากที่กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยจบแล้ว พระสงฆ์ผู้เป็นประธาน จะกล่าวนำคำนำถวายดอกไม้ธูปเทียนในวันอาสาฬหบูชา ก่อนที่จะเริ่มเวียนเทียน

บาลี
ยะมัมหะ โข มะยัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา โย โน ภะคะวา สัตถา ยัสสะ จะ มะยัง ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจมะ อะโหสิ โข โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ สัตเตสุ การุญญัง ปะฏิจจะ กะรุณายะโก หิเตสี อะนุกัมปัง อุปาทายะ อาสาฬหะปุณณะมิยัง พาราณะสิยัง อิสิปะตะเน มิคะทาเย ปัญจะวัคคิยานัง ภิกขูนัง อะนุตตะรัง ธัมมะจักกัง ปะฐะมัง ปะวัตเตตวา จัตตาริ อะริยะสัจจานิ ปะกาเสสิ ฯ

ตัสมิญจะ โข สะมะเย ปัญจะวัคคยานัง ภิกขูนัง ปะมุโข อายัสมา อัญญาโกณฑัญโญ ภะคะวะโต ธัมมัง สุตวา วิระชัง วีตะมะลัง ธัมมะจักขุง ปะฏิละภิตวา ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ ภะคะวันตัง อุปะสัมปะทัง ยาจิตวา ภะคะวะโต เยวะ สันติกา เอหิภิกขุ อุปะสัมปะทัง ปะฏิละภิตวา ภะคะวะโต ธัมมะวินะเยอะริยะสาวะกะสังโฆ โลเก ปะฐะมัง อุปปันโน อะโหสิ พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนันติ ติระตะนัง สัมปุณณัง อะโหสิ ฯ

มะยัง โข เอตะระหิ อิมัง อาสาฬหะปุณณะมีการัง ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมะจักกัปปะวัตตะนะกาละสัมมะตัง อะริยะสาวะกะสังฆะอุปปัตติกาละสัมมะตัญจะ ระตะนัตตะยะสัมปุณณะกาละสัมมะตัญจะ ปัตวา อิมัง ฐานัง สัมปัตตา อิเม สักกาเร คะเหตวา อัตตะโน กายัง สักการุปะธานัง กะริตวา ตัสสะ ภะคะวะโต ยะถาภุจเจ
คุเณ อะนุสสะรันตา อิมัง ถูปัง (อิมัง พุทธะปะฏิมัง) ติกขัตตุง ปะทักขิณัง กะริสสสามะ ยะถาคะหิเตหิ สักกาเรหิ ปูชัง กุรุมานา ฯ

สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ ญาตัพเพหิ คุเณหิ อะตีตารัมมะณะตายะ

ที่มา
//www.kammatan.com/board/index.php?topic=69.0

ฟังเสียงสวดมนต์ออนไลน์ สวดมนต์ ธัมจักกัปปวัตตนสูตร
TYPE="application/x-oleobject"
CODEBASE="//activex.microsoft.com/activex/controls/mplayer/en/nsmp2inf.cab#Version=6,4,5,715"
standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." VIEWASTEXT>














Width="300"
Height="240"
AutoStart="True"
TYPE="application/x-mplayer2"
pluginspage="//www.microsoft.com/Windows/MediaPlayer/"
autoSize="false"
Playcount="5"
volume="80"
showdisplay="True"
displaySize="0"
center="true" console="one" showcontrols="True" showstatusbar="True" animationatstart="True" backgroundcolor="#ffffff">



Create Date : 23 กรกฎาคม 2553
Last Update : 23 กรกฎาคม 2553 11:27:51 น. 0 comments
Counter : 25975 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.