BlogGang.com : : scimovie : ทำไมบางคนรับรู้ว่ามีผีหรือสัญญาณบางอย่างจากผีได้?

ทำไมบางคนรับรู้ว่ามีผีหรือสัญญาณบางอย่างจากผีได้?

ทำไมบางคนรับรู้ว่ามีผีหรือสัญญาณบางอย่างจากผีได้?

เรื่องนี้ผมนำมาจากเว็บผู้จัดการออนไลน์ที่คนที่ใช้นามว่า FreeThinker ได้ตั้งคำถามในเว็บบอร์ดว่า "ประสาทสัมผัสของเราก็มีแค่ 5 ทางเท่านั้น?? แต่ผีก็สามารถทำให้บางคนรับรู้ได้ เป็นที่ทราบว่า ผีมีอยู่ทั่วไป แต่ทำไมเราหลายคนไม่รู้เหมือนกับคนบางคน ที่บอกว่าเคยมีประสบการณ์เจอผี !!! "

มีผู้ได้เข้ามาตอบมากมายโดยมีทั้งส่วนที่น่านำมาให้อ่าน ซ้ำกันไปบ้างจึงได้นำมาลงให้ได้อ่านกันดังนี้

---------------------------------------------------------------------------

ส่วนตัวก็อยากทราบเหมือนกัน แต่วันนี้มีเรื่องมาเล่าเกี่ยวกับพี่สาวแท้ๆของเรา

เธอไปอิตาลีพร้อมสามีและน้องชายน้องสะใภ้ ไปกับทัวร์เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เช็คอินตอนหัวค่ำ อากาศในห้องพักร้อนมากๆ เธอพยายามปรับฮีทเตอร์แต่ปรากฏคำว่า Help กระพริบตลอดเวลา (มีใครเคยเจอบ้าง) ไม่สามารถปรับได้ หน้าต่างก็เปิดไม่ออก ต้องทนร้อนอยู่ในห้องโดยไม่ได้ขอเปลี่ยนห้อง เข้าใจว่าห้องเต็มมาก สามีนอนหลับไปก่อน ส่วนพี่สาวนอนไม่หลับแต่ก็พยายามข่มตาหลับ เพราะตอนเช้าจะไปเที่ยววาติกัน

ไม่นานเธอได้ยินเสียงฝีท้าวดังเดินมาทางเตียงแล้วหยุดพร้อมกับมีลมร้อนเป่าที่คอเธอ เธอหลับตาแล้วพยายามส่งเสียงร้องแต่เหมือนเสียงไม่มีอยู่สักพัก สามีตื่นแล้วถามว่าเป็นอะไร เธอจึงกระซิบว่าผีหลอก แล้วทั้ง 2 ก็ลุกขึ้นเปิดไฟนอน

จนใกล้เช้าแล้วรีบเก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ เธอกับสามีเลื่อนเตียงก็พบรอยเหมือนเลือดวงใหญ่อยู่ใต้เตียง ทั้งที่นี่เป็นโรงแรงเปิดใหม่ไม่นาน เธอลงไปข้างล่างแล้วเล่าให้เจ้าหน้าที่และไกด์ฟัง ไม่มีใครเชื่อ แต่น้องสะใภ้เชื่อ จึงขอให้พากลับเข้าไปดูที่ห้อง ตอนขึ้นไปประตูห้องสามารถเปิดเข้าไปได้แบบง่ายๆ ทั้งตอนที่ลงไปเธอปิดประตูห้องแล้ว พร้อมกับ สัญญาณ Help หายไปเป็นปกติ ก่อนออกจากห้องพี่เขยจึงพูดว่าวันนี้จะไปวาติกันจะอุทิศส่วนกุศลไปให้นะ

กลับมาที่เมืองไทย เธอทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผีที่เธอเจอ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนที่ทำงานฟัง และบอกเบอร์ห้องไปด้วย วันหวยออกเธอถูกลอตเตอรี่พร้อมกับไกด์ที่ไม่เชื่อแต่แอบซื้อหวย ส่วนที่ทำงานทุกคนไม่มีใครถูกเพราะลึมซื้อหวย แปลกแต่จริง นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เธอเจอผีแล้วถูกหวย

ครั้งแรกเป็นโรงแรมต่างจังหวัดเมื่อหลายปีก่อน เธอกับเพื่อนถูกส่งให้ไปพักในห้องที่เก่าบนชั้นสูงๆ แล้วเธอก็ถูกผีอำ กลับมากรุงเทพเธอทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ แล้วเธอก็ถูกหวยเช่นกัน

ขอยืนยันว่านี่เป็นเรื่องจริง ส่วนใครไม่เชื่อก็อย่าได้ต่อว่ากันนะค่ะ อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยมีประสบการณ์ตรงเท่านั้นเอง

---------------------------------------------------------------------------

ลุงเราเสียได้สามวัน ตกดึก หมาที่บ้านเห่าเป็นชม ทั้งที่มันไม่เคยเห่าอย่างงี้มากก่อน ตกใจตื่นมาตีสอง พยายามไม่หลับเปิดทีวี ยังเผลอหลับ ฝันเห็นลุง ถามว่า ทำไมไม่เห็นลุงเหรอ ตอนเช้าแม่บอกว่าลุงมาหา แม่ได้ยินเสียงหมาเห่า ตื่นมาเข้าห้องน้ำเห็นเงาดำๆ ผ่านไป

---------------------------------------------------------------------------

ทางวิทยาศาสตร์ สถานะเป็นสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ หรือ พิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งแต่พยายามบอกว่าไม่น่าเชื่อถือ เราเองก็เคยเจอ...แต่ก็ไม่ได้เจอแบบเป็นตัวเป็นๆแค่เปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้แล้วนั่งทำงาน(เพื่อนนอนอยู่เลยเกรงใจ)เหมือนมีอะไรมาเดินผ่านตรงประตูห้องน้ำที่เปิดไว้ครึ่งบานแบบวูบเหมือนคนเดินผ่าน และเพื่อนอีกหลายคนที่มานอนที่ห้องก็มักเห็นผู้ชายรูปร่างใหญ่นั่งอยู่ที่ปลายเตียง ก็ไม่ได้เห็นกันทุกคนแต่ส่วนมากเห็น เมทเราเจอจนชินเลย แต่มีอยู่ครั้งที่เจอพร้อมกันคือเรานอนหลับแล้วตื่นมามีคนชะโงกหน้ามาจ้องหน้าเรา เมทเราก็ตื่นมาพอดีก็เห็นคนยืนชะโงกดูเราอยู่ มันตกใจแต่ไม่กล้าพูดตั้งหลายวันกว่ามันจะมาบอก กับอาจารย์เรานับคนเกินตอนไปปัจฉิม มา 20 นับได้ 21 แกชี้นิ้วนับแล้วพอพูด 21 ก็อึ้งกันไปหมด แค่นี้เราก็เชื่อว่ามีจริงแล้ว

-----------------------------------------------------------------------------

เราคนหนึ่งที่ไม่เคยเชื่อ จนเจอกับตัวเข้า ยืนยันว่าวิญญาณมีจริง หลังจากเผาศพพ่อ คืนนั้นประมาณตี 2 พ่อกลับได้ยินมาหอนมาแต่ไกล และมาหยุดที่สวนหลังบ้าน หลังจากนั้นหมาที่บ้านร้องครางแบบดีใจที่เจอเจ้าของ พ่อรักหมาของเขามาก ตอนพ่อมีชีวิตอยู่เวลาพ่อเดินเสียงร้องเท้าแตะจะดัง คืนนั้นพ่อและหมาของแกเดินรอบบ้านห้ารอบ เรากับแม่เปิดหน้าต่าง (บ้านตึกชั้นเดียว) แม่พูดออกไปว่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แม่จะดูแลทุกอย่างที่พ่อรักให้ดีที่สุด เราบอกพ่อว่า จะดูแลแม่เองไม่ต้องห่วง ชาติหน้ามีจริงเราจะเกิดมาเป็นพ่อลูกกันอีก ไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แล้วพ่อก็เดินออกไปพร้อมกับหมาของแก หลังจากพ่อตายหมาไม่ยอมกินอะไร ไม่ถึงเดือนก็นอนตายใต้ต้นขนุนข้างแคร่ที่เขานอนเล่นกับพ่อเป็นประจำ

---------------------------------------------------------------------------

มีประสบการณ์หลายครั้งเหมือนกัน อยากเล่าสิ่งที่เจอมาเมื่อปีที่แล้ว ให้ฟังว่ามันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก้ได้ค่ะ คุณยายเสียเมื่อประมาณ 20 ปี แล้วเราทำบุญก็เอากระดูกไปบรรจุตามกำแพงของวัด ตรงกำแพงจะมี 3 ระดับ (วัดจัดสถานที่ไว้ให้ )กระดูกคุณยายอยู่ระดับล่าง ที่ต่างจังหวัดค่ะ ตัวดิฉันกรุงเทพและช่วงนั้นคุณแม่มาเยี่ยมดิฉันที่อยู่กรุงเทพดิฉันนอนเล่นตอนกลางวันอยู่เหมือนฝันมองเห็นเงาคุณแก่ครึ่งตัว เหมือนเดินมากจากประตู บอกว่าบ้านแม่โดนงัด ก็กว่าจะออกจากความฝันได้ร่างกายเราเกร็ง เหมือนเป็นเหน็บ ในความรู้สึกตอนนั้นนานมาก ก็เล่าให้แม่ฟัง บ้านที่ต่างจังหวัดได้จ้างเค้านอนเฝ้าตอนกลางคืนค่ะ ได้โทรไปหาเค้าว่าสบายดีหรือเปล่า เค้าบอกว่า เมื่อวานมีพระรูปหนึ่งมาหา (พระเป็นญาติกัน) บอกว่าที่วัดเค้าจะถมที่สร้างห่้องน้ำ พระเค้าบอกว่าเค้ารู้จักว่ากระดูกที่อยู่ตรงนี้เป็นของใคร เอาออกมาเลยแล้ว จะติดต่อลูกหลานเค้ามาหาที่อยู่ให้ใหม่ คุณยายคงทราบว่าคุณแม่ไม่อยู่บ้านคงมาเข้าฝันค่ะ เราก็เลยกลับต่างจังหวัดในคืนนั้นค่ะ ยังมีอีกนะค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------

เคยเห็นผีเมื่อ 37 ปีที่แล้ว ครั้งแรกเห็นกับตาที่กรมอุทกศาสตร์ ของทหารเรือ หัวหิน พักบ้านพักของกรมฯ อยู่ติดทะเล กลางคืนเพื่อน ๆ ทุกคน นั่งกินเหล้ากันอยู่ริมทะเล เรากับเพื่อนอีกคนเดินกลับบ้านพัก จะเข้าห้องน้ำ ถนนและบ้านพักเปิดไฟสว่าง มองไปที่บ้าน เราเห็นผู้หญิงใส่ชุดนอนยาวนอนอยู่ระเบียงบ้านชั้นบน เป็นบ้านใต้ถุนสูง ประมาณ 4 เมตร พอเราเดินรอดใต้ถุนขึ้นชั้นบนของบ้าน ปรากฎผู้หญิงคนนั้นหายไป จึงนึกขึ้นได้ อ้าวผู้หญิงที่ไหนมานอนล่ะ แล้วหายไปไหน ทางลงมีทางเดียวคือบันไดที่เราเดินขึ้น จะว่าโดดจากระเบียงไป มันก็สูงเกิน ถามเพื่อนที่เดินมาด้วยกันเผื่อเราตาฝาด เพื่อนก็บอกเห็นเหมือนกัน ใส่ชุดนอนยาว ๆ ซึ่งไม่ใชพวกเราแน่นอน ทุกคนอยู่ริมทะเลกันหมด เพื่อให้หายสงสัย ก็เลยตรวจดูห้องพักทุกห้องในบ้าน ก็ไม่มีใครเลยสักคน เช้ามาพี่ทหารเรือญาติของเพื่อนมาถามว่าใครเห็นอะไรเมื่อคืน เราเล่าให้ฟัง พี่เขาเลยบอก ผู้หญิงที่เราเห็น เป็นลูกสาวนายทหารเรือที่สัตหีบ ผูกคอตาย บ้านนั้นถูกรื้อเอามาปลูกเป็นบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน เธอตามบ้านมา มีคนเห็นกันประจำ ที่เราเห็นเธอคงนอนเล่นเพลินไป ไม่ได้ตั้งใจหลอกเรา ที่จริงเพื่อนคนที่เป็นญาติกับพี่ทหารเรือ ก็บอกตั้งนานแล้ว ที่นี่ผีชุมนะ เพื่อน ๆ เขาโดนกันหลายคน แต่เราไม่เชื่อ เห็นกับตาไม่ใช่ความฝัน เชื่อแล้วผีมีจริง กลับบ้านก็เลยทำบุญไปให้

ยังมีอีกนะประสบการณ์เรื่องนี้ เพราะอีกไม่กี่ปี พี่ทหารเรือที่ให้พวกเราพักเขาประสบอุบัติเหตุ ขี่มอร์ไซด์ รถชนกันตาย พวกเราก็เลยยกโขยงไปงานศพที่หัวหิน คราวนี้ไม่พักบ้านหลังเดิมที่เห็นผู้หญิงคนนั้น เปลี่ยนเป็นพักอีกหลัง ตอนเช้าเราไปที่วัดพวกเราซื้อดอกไม้เป็นดอกซ่อนกลิ่นกำใหญ่ไปไหว้พี่เขาที่วัด ตกกลางคืน กลิ่นดอกซ่อนกลิ่นมาก่อน ทีแรกก็อ่อน ๆ แล้วเริ่มแรงขึ้น แถวนั้นไม่มีดอกซ่อนกลิ่นนะ ลานหน้าบ้านก็โล่ง ๆ พวกเราพอได้กลิ่นดอกซ่อนกลิ่นก็พูดกัน "พี่.....มาหรือเปล่าวะ" อีนวล หมาของพี่เขาวิ่งไปเห่าที่ประตูกรม ฯ ทำท่าแบบดีใจ อาการแบบวิ่งคลอเคลีย จนใกล้ตัวบ้านเข้ามา พ่อกับแม่ของพี่เค้าก็มาบอกว่า พี่...... มา เท่านั้นแหละ วิ่งเข้าห้องนอนหมด ไม่รอสวัสดีแล้ว คืนนั้น แปดคนหญิงชายนอนเบียดห้องเดียวกัน ห้องนอนมีอีกเยอะ แต่ว่าไม่แยกดีกว่า วันรุ่งขึ้นเป็นวันเผาพี่เขานะ ยังมีเรื่องต่ออีก พี่เขามีชุดหล่ออยู่ 1 ชุด ใส่รับแขกประจำ เวลาน้อง ๆ มาเที่ยวพักที่กรมฯ เป็นชุดวอร์ม ระหว่างพิธีที่วัด พี่เค้าก็ไปเข้าร่างน้องชายเค้าบอกยังไม่ให้เผา ให้คนไปเอาชุดวอร์มที่เพี่เขารักมาก่อน เขาจะเอาไปด้วย งานพี่เขามีทหารเรือจากกรุงเทพ มาร่วมงานเป็นรถบัส มีคนรับรู้เยอะแยะ ป่านนี้พี่คงไปเกิดใหม่แล้ว พี่เป็นคนดี มีแต่คนรัก

----------------------------------------------------------------------------

(กาลามสูตร เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร หรือ เกสปุตตสูตร) สูตรหนึ่งในคัมภีร์ติกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอน ชาวกาลามะ แห่งเกสปุตตนิคม ในแคว้นโกมล ประเทศอินเดีย ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผล ซึ่งมี หลักการ 10 ข้อ ดังนี้

1. มา อนุสสะเวนะ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังบอกตามๆ กันมา เช่น การเล่าข่าว ไม่ว่าทางวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต SMS หรือ อื่นๆ

2. มา ปรัมปรายะ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบ กันมาอย่างปรัมปรา เช่น ความเชื่อทั้งหลาย ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณี ซึ่ง ต้องใช้การพิจารณาด้วยปัญญาให้ถ่องแท้ ถ้าหากจะนำไป ประมวลเป็นองค์ความรู้

3. มา อิติกิรายะ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ เช่น ข่าวลือ ทั้งหลาย

4. มา ปิฎกสัมปะทาเนนะ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ คำว่า ปิฎก ในที่นี้ก็คือ สิ่งที่เรา เรียกว่าตำรา สำหรับพระพุทธศาสนา ก็คือ บันทึกคำสอนที่เขียนไว้ในใบลาน เอามารวมกันไว้เป็นชุดๆ เรียก ไตรปิฎก แม้แต่ในบันทึกทางศาสนา ก็ยังต้องใช้ การพิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญา ก่อนจะปลงใจเชื่อ

5. มา ตักกะเหตุ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยตรรกะ ด้วยการใคร่ครวญตามวิธีที่เรียกว่า ตรรกะ เพราะว่าตรรกะก็ยังผิดได้ ในเมื่อเหตุผลหรือวิธีใช้เหตุผลมันผิดอยู่

6. มา นะยะเหตุ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอนุมาน ด้วยเหตุผลว่าสมเหตุสมผลทางนัยยะ

7. มา อาการะปะริวิตักเกนะ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล ด้วยการตรึกเอาตามอาการ คือ ตามความคุ้นเคย ที่เรียกกันว่า common sense หรือ สามัญสำนึก

8. มา ทิฏฐินิชฌานักขันติยา อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน อย่าได้รับเอาเพราะว่าสิ่งนั้น ทนได้ต่อการเพ่งด้วยทิฏฐิของตน ตัวเองมีความเห็นอย่างไร ถ้าเขามาสอนด้วย คำสอนชนิดที่เข้ากันได้กับความเห็นของตัวเอง ก็อย่าเพิ่งถือเอาว่าสิ่งนั้นถูก เพราะว่าทิฏฐิของตัวเอง ก็ผิดได้

9. มา ภัพพะรูปะตายะ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ เพราะเหตุว่าผู้พูดมีลักษณะ น่าเชื่อถือ มีคำพูด มีลักษณะท่าทางที่น่าเชื่อ

10. มา สัมโณ โน คะรูติ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านนี้เป็นครูของเรา แม้ว่าผู้นั้นจะเป็นครูของเรา ก็ไม่ให้เชื่อ พระพุทธเจ้า ท่านไม่ให้เชื่อ แม้ว่า เป็นคำสอนของท่าน

-------------------------------------------------------------------------

ในส่วนตัวของเจ้าของบล๊อก
1. วิทยาศาสตร์ไม่ได้ปฏิเสธว่าเรื่อง ผี วิญญาณ ไม่มีจริง แต่บอกว่า ยังพิสูจน์ไม่ได้ ฉะนั้น เมื่อยังไม่สามารถพิสูจน์ได้จึงไม่ควรสรุปว่าไม่มีหรือไม่เป็นความจริง คนที่เป็นพุทธศาสนิกชนโปรดพึงนึกคิด ตรึกตรอง ใคร่ครวญทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับสัมผัสมาก่อนที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งใด

2. ความคิดเห็นหรือความประเมินค่าของสิ่งหนึ่งสิ่งใดนั้น เป็นกรรมของคนแต่ละคน ไม่ควรไปยึดติดกับความคิดหรือความรู้สึกของใครเป็นพิเศษ นอกจากตนรู้สติของตนเอง ใครไม่เชื่อถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าเขาไม่เชื่อ เราก็ต้องปล่อยให้เขาคิดตามความคิด ตามกรรมของเขาเอง เราคงจะช่วยอะไรไม่ได้ เพราะกรรมของแต่ละคนจะมากน้อยเท่าไร เราไม่อาจจะไปทราบได้

3. สิ่งที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้ ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า ไม่เป็นจริง และยังมีความเชื่อ ศรัทธา และยึดถือกันมาตั้งสองพันห้าร้อยกว่าปี ถ้าไม่เป็นความจริงคงจะไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้หรอก

Create Date : 20 พฤษภาคม 2553

Last Update : 20 พฤษภาคม 2553 12:34:15 น.

0 comments

Counter : 1014 Pageviews.