กูรูเตือนนักลงทุน.เก็งกำไรหุ้นนิเคอิ แนะเลือกกลุ่มตลาดเกิดใหม่คุ้มกว่า
กูรูเตือนนลท.เก็งกำไรหุ้นนิเคอิ แนะเลือกกลุ่มตลาดเกิดใหม่คุ้มกว่า
นักวิเคราะห์กองทุนรวม เตือนนักลงทุนอยากเก็งกำไรหุ้นนิเคอิ ต้องเพิ่มความระมัดระวังหลังกองทุนในไทยที่ไปลงทุนในญี่ปุ่นมีน้อยแล้ว ยังมีข้อจำกัดเรื่องสภาพคล่องอีกด้วย พร้อมชูประเทศ จีน ใต้หวัน เกาหลีใต้ รวมถึงไทย น่าลงทุนกว่า นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราชื่นชอบการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชียและตลาดเกิดใหม่มากกว่ากลุ่ม G3 ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐยุโรป และญี่ปุ่นอยู่แล้ว เนื่องจากประเทศในกลุ่ม G3 ยังมีปัญหาสะสมอยู่ เริ่มจากสหรัฐ แม้ช่วงที่ผ่านมา ตัวเลขเศรษฐกิจจะดูดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ก็ต้องจับตาดูว่าหากสิ้นสุดมาตรการ QE2 ในเดือนมิถุนายนนี้ เศรษฐกิจจะยังสามารถฟื้นตัวด้วยตัวเองได้หรือไม่ ถัดมาในยุโรป ก็ยังมีปัญหาหนี้สาธารณะที่เรื้อรังและยังต้องอาศัยเวลาอีกไม่น้อยในการแก้ไข ในส่วนของญี่ปุ่นนั้น หลังจากที่ดัชนี NIKKEI ดิ่งลงกว่า 20% ในช่วง 3 วันทำการเเรกที่ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดซื้อขายอีกครั้งภายหลังเหตุการณ์เเผ่นดินไหว ทำให้นักลงทุนหลายต่อหลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นมากขึ้น ด้วยมองว่าการลดลงดังกล่าวนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระหน่ำขายที่มากเกินไป เเรงกลับเข้าซื้อทำให้ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ดัชนี NIKKEI สามารถดีดกลับขึ้นมาได้บ้างเเละซื้อขายในช่วง 9,300-9,700 จุด เเต่ก็ยังต่ำกว่าก่อนเกิดเหตุที่ซื้อขายกันเหนือระดับ 10,400 จุด จึงยังคงเป็นระดับที่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจ ดังนั้นในเดือนนี้เราจึงขอกล่าวถึงการลงทุนในญี่ปุ่นว่ามีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นหรือไม่อย่างไร อย่างไรก็ตาม เดิมทีญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องเงินฝืดเรื้อรัง ทำให้รัฐบาลต้องพยามอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน การเกิดเแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ตามมาด้วยสีนามิทำให้ประเทศต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นในการฟื้นฟูประเทศไปพร้อมๆกับการขจัดปัญหาเงินฝืดโดยในปัจจุบันระดับการก่อหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นสูงกว่า 200% ของ GDP ซึ่งจุดนี้อาจเป็นอีกหนึ่งข้อจำกัดสำคัญในการใช้จ่ายหรือก่อหนี้เพิ่มเพื่อฟื้นฟูประเทศ เพราะที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้รับคำเตือนเกี่ยวกับระดับหนี้สาธารณะและการปรับลด credit rating อยู่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราเชื่อว่าท้ายที่สุดญี่ปุ่นจะสามารถผ่านพ้นความท้าทายนี้ไปได้ เพียงแต่หนทางในการกลับเข้าสู่การขยายตัวแบบปกติจะยืดยาวออกไปอีกในแง่ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น การดิ่งลงอย่างหนักของดัชนี NIKKEI ทำให้นักลงทุนไทยหลายท่านมองหาโอกาสการเข้าซื้อทั้งในแง่ของการเก็งกำไรและเพื่อการลงทุนระยะยาว สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไร เราเเนะนำว่าควรต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะนอกจากกองทุนในไทยที่ไปลงทุนในญี่ปุ่นจะมีให้เลือกไม่มากแล้ว ก็ยังมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง ซึ่งอาจไม่เหมาะที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรระยะสั้น ในแง่การลงทุนระยะยาว หากพิจารณาในเชิงราคา (P/E), อัตราการเติบโตของกำไร (EPS Growth) และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (DividendYield) เรามองว่ายังมีตลาดหุ้นอื่นที่มีความน่าสนใจมากกว่าและอยู่ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่ดูดีกว่า ขณะที่มี EPS Growth ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เช่นเดียวกับ Dividend Yieldที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเช่นกัน ขณะที่จีน, ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และไทยเราเองให้ combination ที่น่าสนใจกว่า กล่าวคือ มี P/E ที่ต่ำ, EPS Growth และ Dividend Yield ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย นายสานุพงศ์ กล่าวต่อว่า เราจึงยังคงเลือกที่จะลงทุนระยะยาวกับฝั่งประเทศเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ยกเว้น ญี่ปุ่น โดยกลุ่มประเทศเหล่านี้ มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีอยู่เเล้ว ขณะเดียวกันก็มีเเนวโน้มที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูประเทศของญี่ปุ่นในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เช่น จีนเเละเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศคู่ค่าที่สำคัญของญี่ปุ่น การลงทุนในประเทศเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนกับการลงทุนในญี่ปุ่นทางอ้อม โดยสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบgrowth story ของจีนเป็นพิเศษ เราแนะนำกองทุน ABCG ของบลจ. Aberdeen ซึ่งมีกองทุนหลักคือ Aberdeen Global-Chinese Equity Fundที่ลงทุนในหุ้นจีนผ่านตลาดหุ้นฮ่องกง แต่ขอย้ำว่าการลงทุนที่เน้นจีนเพียงประเทศเดียวเหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูงเท่านั้นเพราะ Country Diversification จะต่ำ ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงในจุดดังกล่าวไม่ได้ แต่ก็ยังต้องการลงทุนในจีน เราแนะนำกองทุนABGEM และ ABAPAC ของบลจ. Aberdeen ซึ่งมีการลงทุนในจีนเป็นอันดับต้นๆในพอร์ตการลงทุน แต่ขณะเดียวกันก็มีกระจายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ รวมถึง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และไทยด้วย (กองทุนหุ้นต่างประเทศที่แนะนำไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน)
ที่มา //www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9540000040952
Create Date : 02 เมษายน 2554 |
Last Update : 2 เมษายน 2554 23:51:47 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1463 Pageviews. |
|
|
|
|
|