ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
29 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
อาการ “เหวี่ยง” ช่วง “มีเมนส์” : ข้อเท็จจริงคุณผู้หญิงต้องรู้

อาการ “เหวี่ยง” ช่วง “มีเมนส์” : ข้อเท็จจริงคุณผู้หญิงต้องรู้



“โอ๊ย หงุดหงิดจัง สงสัยจะมีเมนส์” เชื่อว่า วลีบ่นข้างต้นต้องเคยออกจากปากผู้หญิงแทบทุกคนบนโลกนี้ แต่สาวๆ หลายคนไม่ทราบ ก็คือ กลุ่มอาการช่วงมีประจำเดือนเหล่านี้ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและอารมณ์ของคุณผู้หญิงทั้งจนแทบนึกไม่ถึงเลยทีเดียว

ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยในการประชุมวิชาการของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ว่า ปัจจุบันผู้หญิงไทยจำนวนมากไม่รู้จัก และไม่ทราบว่าตัวเองมีอาการไม่พึงประสงค์ก่อนมีประจำเดือน หรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีการศึกษาเกี่ยวกับกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนค่อนข้างน้อยและไม่ลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับความรุนแรง ทั้งยังไม่มีการตื่นตัวเกี่ยวกับกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน ว่า เป็นสิ่งที่จะกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี


“ซึ่งนั่นส่งผลให้ผู้หญิงไทยจำนวนมากต้องเผชิญภาวะเครียด หงุดหงิดและอารมณ์แปรปรวน โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุซึ่งอาจมาจากอาการดังกล่าว ซึ่งนับวันสถานการณ์กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน ในผู้หญิงไทยนั้นยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น ก่อให้เกิดความแปรปรวนทางร่างกายและจิตใจ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้าง”

ศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า อาการของผู้หญิงก่อนมีประจำเดือนแบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่ อาการทางกาย อาทิ คัดตึงเต้านม ท้องอืดน้ำหนักขึ้น ปวดศีรษะ มือเท้าบวม นอนไม่หลับ อยากอาหารมากขึ้นและอาการทางอารมรณ์ อาทิ หงุดหงิด กระวนกระวาย ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน สับสน เครียด ขาดสมาธิ ปลีกตัวออกจากสังคม และจะมีอาการเหล่านี้ อาการก่อนประจำเดือนมา 5 วัน และหายไปหลังเริ่มมีประจำเดือน 4 วัน อาการเหล่านี้เป็นอาการปกติของเรา ทำให้เราไม่ตื่นตัวมากเท่าใดนัก แต่ในอเมริกามีการศึกษาและค้นคว้าเพราะผู้หญิงที่นั้นคิดว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ จำเป็นต้องหาวิธีแก้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีแพทย์รายนี้ ให้ภาพปัญหาจากภาวะการมีประจำเดือนต่อไปอีกว่า จากศึกษาในประเทศไทยโดยทำการวิจัยสำรวจในกลุ่มผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 18-45 ปี อาศัยในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 100 คน ผลการวิจัยพบว่า 58% ของผู้หญิงไทยมีอาการกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน โดยได้รับผลกระทบทางด้านอารมณ์มากที่สุด

“จากรายงานดังกล่าวบ่งชี้ว่ากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน ที่ส่งผลกระทบด้านอารมณ์เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความกังวลสำหรับผู้หญิงไทยมากกว่าผลกระทบด้านร่างกาย นอกจากนี้ปัจจัยทางด้านสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงความเครียดและวิถีการดำเนินชีวิตก็เป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนได้เช่นกัน”

ศ.นพ.สุรศักดิ์ อธิบายต่อว่า สำรวจดังกล่าวเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับรายงานการสำรวจจาก ของ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้ทำการศึกษาเชิงคุณภาพในกลุ่มผู้หญิงและแพทย์ในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก 4 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย ฮ่องกง ปากีสถาน และ ไทย โดยจากการศึกษาเชิงปริมาณในประเทศไทย พบว่า กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน ได้แก่ ประสิทธิภาพการทำงาน ความเป็นระเบียบภายในบ้าน คู่รักครอบครัว เพื่อนและผู้ร่วมงาน กิจกรรมยามว่าง กิจกรรมทางเพศ และการเรียน ตามลำดับ

และที่น่ากลัวไปกว่านี้คือ อาการก่อนมีประจำเดือนอาจจะรุนแรงถึงขึ้นทำให้คิดสั้นได้!!!

คณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ บอกเล่าถึงกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนชนิดรุนแรง (Premenstrual Dysphoric Disorder : PMDD) เป็นกลุ่มอาการที่มีความรุนแรงมากกว่า PMS ที่ส่งผลให้เกิดอารมณ์ก้าวร้าว รู้สึกชีวิตสิ้นหวัง ไร้ค่า ควบคุมตัวเองไม่ได้ อยากฆ่าตัวตาย โดยความรุนแรงอาจมีผลเสียต่อการใช้ชีวิตของผู้ที่มีอาการเป็นอย่างมาก และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน

“ส่วนการแก้ไขอาการก่อนมีประจำเดือน คือการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่นการออกกำลังกายบ่อยๆ ทำจิตแจ่มใจให้แจ่มใส นั่งสมาธิ เล่นกีฬา ปรับเปลี่ยนการกิน ทานอาหารประเภทผักผลไม้ให้มากขึ้น งดอาหารที่มีไขมัน และคอเรสตอรอลสูง ทานวิตามิน ยาคุมกำเนิดสูตร 24/4”

ด้านผศ.นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ จากภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากผลการวิจัยพบว่าสารดรอสไพริโนนในฮอร์โมนสูตร 24/4 มีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาใกล้เคียงกับฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนที่พบในธรรมชาติ จะช่วยในกลไกการยับยั้งการบวมคั่งของน้ำในร่างกาย โดยดรอสไพริโนนจะมีฤทธิ์ไปจับมิเนอร์โรคอร์ติคอยด์ รีเซ็พเตอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการคั่งบวมน้ำ ตัวการของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นโดยไม่พึงประสงค์

“สารตัวนี้ยังช่วยในกลไกรักษาสิว เพราะมีฤทธิ์ในการยับยั้งแอนโดรเจน ฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว โดยดรอสไพริโนนจะไปแย่งจับรีเซพเตอร์ที่ต่อมไขมัน ซึ่งจะทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันลดลง ผลที่ตามมาก็คือลดอาการมันบนใบหน้า ทำให้ลดการอุดตันของรูขุมขน สาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานวิจัยและการรับรองใดๆ เกี่ยวกับยาคุมกำเนิดที่ให้ผลรักษาอาการกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน มาก่อนนอกจากฮอร์โมนสูตร 24/4 นี้ อย่างไรก็ดี ผู้มีอาการก่อนมีประจำเดือนควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม พร้อมกันนี้ควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วย อาทิ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฝึกสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ พักผ่อนให้เพียงพอ บริโภคอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงความเครียดในชีวิตประจำวัน”


ที่มา
//www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000058515


Create Date : 29 เมษายน 2553
Last Update : 29 เมษายน 2553 15:25:49 น. 0 comments
Counter : 1024 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.