เทคนิคการเตรียมตัวเรียนต่างประเทศ
เทคนิคการเตรียมตัวเรียนต่างประเทศ ความพร้อมด้านพื้นฐานการศึกษา
1. คะแนนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรของตนเองที่สำเร็จการศึกษา 1.1. สถานศึกษาในต่างประเทศหากเป็นสถานศึกษาที่ได้รับความนิยม จะรับพิจารณานักศึกษาที่สำเร็จปริญญาตรีด้วยคะแนน GPA = 3.00 ขึ้นไป
1.2. นักศึกษาควรที่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยมีคะแนน GPA อย่างน้อย 2.75 สำหรับระดับปริญญาโท GPA = 3.50 ขึ้นไป 2. เลือกประเทศที่จะไปศึกษา หาข้อมูลการเรียนการสอนประเทศต่างๆ 3. ศึกษาหลักสูตรของสถานศึกษาแต่ละแห่งตรงตามความต้องการหรือไม่ 4. อย่าเลือกเพราะ ตามเพื่อน, สถาบันมีชื่อเสียง, อันดับของมหาวิทยาลัย, ตามใจครอบครัว, ไม่ต้องสอบTOEFL, E-Leaming เป็นต้น ความพร้อมด้านภาษา ผู้ที่ประสงค์จะไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ จะต้องมีความพร้อมทางด้านภาษาและทักษะด้านต่างๆ โดยนักศึกษาจะต้องทำคะแนนในการสอบแต่ละประเภทให้ได้ตามเกณฑ์ที่แต่ละคณะและสถาบันการศึกษานั้น ๆ กำหนด ผลการสอบแต่ละประเภทที่สถาบันการศึกษาในต่างประเทศใช้เป็นเกณฑ์ในการรับนักศึกษามีดังนี้ - TOEFL (Test of English as a Foreign Language) - GMAT (Graduate Management Admission Test) - GRE (Graduate Record Examination) - IELTS (International English Language Testing System) การเลือกสาขาแฃะสถาบัน แนวทางการพิจารณา - หลักสูตรการศึกษา -- USA = Pre-requisite courses (B+), MBA, MA,MS,MM,Ph.D. -- Europe, AUS. ,.. =Pg.Cert., Pg.Dip., MBA, M.Commerce, M.Phil - ระยะเวลาของหลักสูตร, ระบบการศึกษาแต่ละประเทศ - การรับเข้าศึกษา Condition, Thesis, Comprehensive Exam, Project, Exhibition เป็นต้น - ข้อกำหนดในการศึกษา Research , Coursework, etc. - ค่าใช้จ่ายในการศึกษา ข้อมูลประกอบการเลือกสถานศึกษา - มีสาขาวิชาที่ต้องการ/โครงสร้างของหลักสูตรการวิจัย - ที่ตั้งของสถานศึกษาและสภาพแวดล้อม - มาตรฐานสถาบัน การรับรองสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ - เกณฑ์การรับนักศึกษาของสถาบันเหมาะสมกับตนเอง - ค่าใช้จ่ายในการศึกษา - ขนาดของสถานศึกษา ระบบการศึกษา วิธีการเรียนการสอน - เนื้อที่/จำนวนนักศึกษา/สัดส่วนนักเรียน : อาจารย์เลือกที่ตั้ง/ขนาด/สิ่งอำนวยความสะดวก - ห้องสมุด และอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอน - เครื่องอำนวยความสะดวกอื่นๆ การเตรียมตัวก่อนเดินทาง - ตั๋วเครื่องบิน จัดการจองตั๋วเครื่องบินเสียแต่เนิ่น ๆ เพราะบางช่วงมีคนเดินทางมากอาจหาซื้อตั๋วได้ยาก ควรกำหนดให้ถึงที่เรียนอย่างน้อย 3 - 7 วันก่อนวันลงทะเบียนเรียน สำหรับผู้ที่ถือวีซ่านักเรียนสามารถเข้าสหรัฐได้ 90 วันก่อนวันที่ระบุไว้ใน I- 20 และจะเข้าหลังวันที่ระบุนี้ไม่ได้ ในการสำรองที่นั่งกับสายการบิน ให้ตรวจสอบด้วยว่าได้มีการสำรองที่นั่งไว้เรียบร้อยทุก ๆ ช่วงที่มีการหยุด หากนักศึกษาจำเป็นต้องต่อเครื่องบินจากเมืองแรกที่เข้าประเทศไปยังเมืองอื่นในประเทศ ควรเผื่อเวลาสำหรับผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของประเทศนั้น ๆ ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง - กระเป๋าเดินทาง โดยปกติเมื่อซื้อตั๋วเครื่องบิน จะมีการกำหนดน้ำหนักและจำนวนกระเป๋าที่จะนำไปด้วย เช่น ผู้โดยสารชั้นธรรมดา (ECONOMY CLASS) ไม่ควรมีน้ำหนักสัมภาระเกิน 20 กิโลกรัม หรือผู้โดยสารชั้นหนึ่ง (FIRST CLASS) ไม่ควรมีน้ำหนักสัมภาระเกิน 30 กิโลกรัม *กระเป๋าสะพาย (CARRY-ON) ที่นำติดตัวขึ้นเครื่องบินนั้น น้ำหนักไม่ควรเกิน 5 กิโลกรัม เพื่อจะได้เก็บไว้ในตู้เหนือที่นั่งเครื่องได้ - เสื้อผ้า ศึกษาสภาพภูมิอากาศของเมืองที่กำลังจะเดินทางไปอยู่ และเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมไปให้พอใช้ในช่วงแรก เสื้อผ้าสำหรับอากาศหนาวจัดสามารถซื้อได้เพิ่มเติมเมื่อเดินทางไปถึงแล้วโดยทั่วไปเสื้อผ้าที่จะได้ใช้มากที่สุดควรจะเป็นกางเกงยีนส์ เพราะนอกจากจะสบายสมบุกสมบันแล้ว ยังไม่ค่อยต้องซักและไม่ต้องรีดด้วย *สำหรับเสื้อผ้าชุดไทย หรือชุดสากล จะไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนักแต่ก็ควรจัดเตรียมไปบ้างเพื่อใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น งานนักศึกษานานาชาติ เป็นต้น - เอกสาร ตรวจเอกสารและสิ่งสำคัญก่อนออกเดินทางจากบ้านไปยังสนามบินให้ครบ คือ --หนังสือเดินทางซึ่งประทับตราวีซ่านักเรียนแล้ว --ตั๋วโดยสารเครื่องบิน --เงินที่นำติดตัว (ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด) --ใบตอบรับจากสถานศึกษา --ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของบุคคลที่ต้องไปติดต่อ หรือขอความช่วยเหลือ เช่น เพื่อน ญาติ อาจารย์ที่ปรึกษา นักศึกษาต่างชาติ
- คำศัพท์เกี่ยวกับการเดินทางไปศึกษาต่างประเทศ - การนำเงินติดตัว เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของการศึกษาระยะแรกที่เดินทางถึง ประเทศนั้น ๆ - การโอนเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างศึกษาในต่างประเทศ
การเตรียมหาที่พักก่อนการเดินทาง เรื่องที่พักอาศัยควรเริ่มศึกษาหาข้อมูลตั้งแต่ทำการติดต่อสถานศึกษา โดยศึกษาจากเอกสารของสถานศึกษาว่า มีหอพักสำหรับนักศึกษาหรือไม่นักศึกษาส่วนใหญ่เริ่มสำรองที่พักเมื่อได้รับการตอบรับเข้าเรียนจากสถานศึกษาที่สมัครแต่ก็ยังมีสถานศึกษาบางแห่งที่มีหอพักจำนวนจำกัดที่อาจแนะนำให้นักศึกษาสำรองที่พักล่วงหน้าตั้งแต่ในขั้นตอนการสมัครเลยก็มี โดยทั่วไปการสำรองที่พัก สถานศึกษามักจะเก็บเงินมัดจำค่าสำรองที่พักด้วย สำหรับนักศึกษาในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย มีทั้งที่พักในสถานศึกษา (ON CAMPUS HOUSING) และที่พักนอกสถานศึกษา (OFF CAMPUS HOUSING) ที่พักอาศัย การไปศึกษาในต่างประเทศนั้น นักศึกษามีที่พักอาศัยที่จะกระทำได้ 2 ประการ คือ -- ON CAMPUS HOUSING -- OFF CAMPUS HOUSING การทิป เป็นสิ่งจำเป็นประการหนึ่งในการดำรงชีวิตอยู่ในต่างประเทศ การทิปควรจะเป็น 10 - 15 % ของมูลค่าของที่เราซื้อ และในบริการบางอย่างที่ไม่มีมูลค่า เช่น ผู้ขนกระเป๋า หรือเด็กขนของในโรงแรมก็ควรจะมีการให้ทิปในราคาพอสมควรคือไม่ต่ำกว่า 15% และผู้ให้บริการที่เรา สมควรให้ทีป ได้แก่ คนขนกระเป๋าที่สนามบิน คนขนของที่โรงแรม พนักงานเสิร์ฟ คนขับรถแท็กซี่ เป็นต้น การใช้โทรศัพท์ ระบบโทรศัพท์แบ่งแยกตามท้องที่/เมืองและภาคโดยมี AREA CODE ซึ่งเป็นเลขรหัส 3 หลักเฉพาะของเมืองหรือภาคนั้น นอกเหนือจากเลขหมายโทรศัพท์ 7 หลัก เช่นเดียวกับประเทศไทย ถ้าโทรศัพท์ภายในท้องที่ใช้ AREA CODE เดียวกันไม่ต้องหมุนรหัสทางไกล หากโทรศัพท์ต่างท้องที่AREA CODE ต่างกัน ต้องหมุนรหัสทางไกลด้วยทุกครั้ง การใช้โทรศัพท์สาธารณะจะมีคำแนะนำติดอยู่กับโทรศัพท์ทุกเครื่อง มีหลายประเภท เช่น เครื่องใช้เหรียญเครื่องใช้บัตรโทรศัพท์ โดยโทรได้ทั้งภายใน และต่างประเทศ รายละเอียดและวิธีการใช้โทรศัพท์ในรายละเอียด สามารถศึกษาได้จากสมุดโทรศัพท์ของท้องถิ่นนั้น ๆ การไปรษณีย์ ในสถานศึกษาบางแห่งหจะมีที่ทำการไปรษณีย์อยู่ภายในสถานศึกษาหรืออาจจะอยู่ใกล้ ๆ กับสถานศึกษาซึ่งสามารถจะไปรับบริการได้ ไปรษณีย์ในต่างประเทศ จะทำงานอาทิตย์ ละ 6 วัน จันทร์เสาร์ หยุดวันอาทิตย์ ในการส่งจดหมายหรือเอกสารต่าง ๆสามารถนำไปติดแสตมป์และส่งเอกสารได้โดยจะมีเจ้าหน้าที่การไปรษณีย์ โดยเสียค่าเช่าเป็น รายปีหรือราย3เดือนหรือ 6เดือนก็ได้ บริการด้านไปรษณีย์มีหลายประเภท เช่น เฟริส์คลาสเมล์ (FIRST CLASS MAIL) ซึ่งขนส่งทางอากาศ ไปรษณีย์รับรอง (CERTIFIED MAIL) ไปรษณีย์ลงทะเบียน (REGISTERED MAIL) ไปรษณีย์จัดส่ง (SPECIAL DELIVERY) ไปรษณีย์ด่วน (EXPRESS AMIL) เป็นต้น ตลอดจนมีบริการส่งเงินระหว่างประเทศทางไปรษณีย์ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดได้จาก ที่ทำการส่งพัสดุนั้น เมื่อมีการย้ายที่อยู่ใหม่ ก็สามารถแจ้งได้ที่การไปรษณีย์เพื่อขอให้นำจดหมายที่ส่งมาถึงที่อยู่เติมตามไปที่อยู่ใหม่ การเดินทางไปต่างเมือง การเดินทางโดยรถโดยสารเป็นวิธีการที่นิยมแพร่หลายและไม่แพงนัก สามารถสอบถามตารางการเดินรถและเวลารถออกได้จากสถานีรถโดยสารตลอด 24 ชั่วโมง และควรสอบถามเรื่องดังกล่าวทางโทรศัพท์ก่อน เพื่อให้ทราบกำหนดเวลาแน่นอน ประเทศในยุโรป นิยมเดินทางไปต่างเมืองด้วยรถไฟ เพราะสถานีรถไฟอยู่ในใจกลางเมืองราคาค่าโดยสาร ไม่แพง มีรถเข้าออกเกือบ 24 ชั่วโมง การเดินทางโดยเครื่องบิน แม้ว่าค่าโดยสารจะแพงแต่ก็สะดวกและประหยัดเวลามากและเครื่องบินโดยสารมีเชื่อมแทบจะทุกจุดทุกเมืองซึ่งก่อนจะเดินทางควรมีการเตรียมการ ล่วงหน้า 5 7 วันโดยติดต่อกับบริษัทสายการบินเพื่อสอบถาม จอง และรับตั๋วให้เรียบร้อย และในวันเดินทางควรไปยังสนามบินก่อนเวลาเป็นเวลาพอสมควร หากเป็นการเดินทางในประเทศ ไปถึงสนามบินก่อนล่วงหน้า 1 ชั่วโมงถ้าเป็นการเดินทางระหว่างประเทศไปถึงสนามบินก่อน ล่วงหน้า 2 ชั่วโมง ธนาคารในต่างประเทศ การประกันสุขภาพ การประกันสุขภาพมีความจำเป็นสำหรับนักเรียนต่างชาติมาก เพราะหากเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา ค่ารักษาพยาบาลในสหรัฐอเมริกาแพงมาก ดังนั้น หากมีการประกันแล้วจะเป็นประโยชน์ และช่วยประหยัดเงินได้มาก โดยปกติแล้ว สถานศึกษาทุกแห่งจะมีการแจ้ง ให้นักเรียนซื้อประกันสุขภาพได้ เมื่อเปิดภาคการศึกษานักเรียนควรจะปฏิบัติตามเป็นอย่างยิ่ง การประกัน สุขภาพมีได้หลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดการประกันครอบคลุมแตกต่างกัน และอัตราในการประกันแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรศึกษานโยบายการประกันให้เข้าใจก่อนว่ามีผลอย่างไรบ้างและหากเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้ทราบว่าเราสามารถจะเรียกร้องจากบริษัทประกันได้หรือไม่เพียงใด การประกันรถยนต์ มีความสำคัญเช่นกัน ในบางรัฐมีระเบียบไว้เลยว่า ผู้มีรถยนต์ทุกคนจะต้องมีประกันรถยนต์ด้วย และการประกันก็มีหลายแบบด้วยกัน เช่น อาจจะเป็นเพียง LIABILITIES หรือ THIRD PARTY POLICY ซึ่งจะมีผลครอบคลุม แต่เพียงผู้ที่ถูกชนเท่านั้น ถ้าเราเป็นผู้ผิดทางบริษัทจะไม่จ่ายให้หรือจะช่วยจ่ายให้ เพียงแต่ในบางกรณีหรือบางส่วนหรือจะเป็นCOMPREHENSIVE PLAN ซึ่งครอบคลุมทุกอย่าง ดังนั้นจึงควรศึกษานโยบายการประกันรถยนต์ให้ดีเสียก่อน และถ้าคิดว่าไม่มีเงินจ่าย ค่าประกันรถยนต์แล้วก็ไม่ควรจะซื้อรถยนต์อย่างเด็ดขาด การซื้อของ การซื้อของในต่างประเทศ โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีการต่อรองอย่างเด็ดขาด เพราะทุกร้านจะมีการปิดราคาตายตัว นอกจากในบางกรณีเท่านั้น เช่น การซื้อรถยนต์หรือการซื้อของให้แล้ว ซึ่งสามารถต่อได้ ดังนั้น การซื้อจึงเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลต้องสืบดูราคาจากร้านต่าง ๆ เอาเองว่าร้านไหนราคาถูกที่สุดควรจะซื้อร้านนั้น และของทุกชิ้นที่ซื้อจะต้องเสียภาษีการขาย SALE TEX หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VALUE ADDED TAX) ภาษีนี้ จะแตกต่างกันไปแต่ละเมืองแต่ละรัฐ หรือแต่ละประเทศ** ดังนั้น ราคาที่แท้จริงก็คือ ราคาขายที่ปิดที่ร้านค้า + ราคาภาษี ขอบคุณบทความจากสำนักงานก. ที่มา //news.interscholarship.com/content.php?id=446
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2553 13:00:26 น. |
Counter : 1037 Pageviews. |
|
|
|