Entertainment blog . . . ชีวิตก็คือความบันเทิง
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
15 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
Munich : สำนึกรักษ์บ้านเกิด

สวัสดีครับ !

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปดูมา แต่ว่าไม่มีเวลามาอัพ blog มาลงไว้ตอนนี้คงยังไม่สายไปเท่าไหร่หรอกนะครับ ( หวังว่า )

บอกไว้ก่อนนะว่า ผมไม่ใช่นักวิจารณ์อาชีพอะไร และไม่ได้รับจ้างใครมาด่า หรือชม ภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย เพราะฉะนั้น ข้อความต่อจากนี้ไป เป็นเรื่องของความคิดเห็น ความชอบ และวิจารณญาณส่วนตัวล้วน ๆ

ปล. เนื้อหาต่อไปนี้มีการเฉลยเนื้อเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ แต่คิดว่ายังไม่ไปดูก็สามารถอ่านได้นะครับ อาจจะช่วยเพิ่มความอยากดูด้วยซ้ำ !!!

..........................................................................

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับนั่งหิ้งของผม Steven Spielberg ซึ่งหวังเอาไว้กับหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมากในด้านรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ

ผมดูที่เมเจอร์สุขุมวิท คนเดียว จนจบทั้งเรื่องก็รู้สึกว่า ...

มันก็ดีนะครับ !

แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ายิ่งใหญ่ หรือเป็นฟอร์มยักษ์อะไรขนาดนั้น อาจเป็นเพราะความตั้งใจของผู้กำกับก็ได้ เพราะถ้าเทียบกับ Jurassic Park เรื่องนี้ก็ไม่ Big Production เท่า, เทียบกับ War of the worlds ก็ไม่อลังการงานสร้างและเพียบพร้อมเทคนิคขนาดนั้น, แม้จะเทียบกับ Schindler's List ก็ไม่ยิ่งใหญ่ในด้านเนื้อหาการตีแผ่ขนาดนั้น ( สำหรับผม )

แต่ไม่ใช่ว่าหนังเรื่องนี้มันจะไม่ดีนะครับ .. อย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่แรกแหละว่า หนังเรื่องนี้ มั น ก็ ดี น ะ ค รั บ ! !

เนื้อหาของหนัง จับเอาช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่มิวนิค ในปี 1972 ซึ่งมีผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ จับเอาตัวนักกีฬาชาวอิสราเอลไปเป็นตัวประกัน และสังหารในท้ายที่สุด เพื่อประกาศให้โลกรับรู้ถึงอุดมการณ์ของกลุ่ม "กันยาทมิฬ" ที่ก่อตั้งขึ้นด้วยเหตุแห่งการเรียกร้องในสิทธิเสรีภาพเหนือดินแดนของตนเอง .. ดินแดนที่คนที่เหลือทั้งโลก ( ที่ไม่ใช่ชาวปาเลสไตน์ ) เชื่อว่า มันไม่เคยมีอยู่จริง !

พระเอกของเรื่อง นำแสดงโดย เอริค กล้วยหอม ( บานาน่า ) เป็นหน่วย "มอสสาด" ตำรวจลับที่ตัดสินใจรับหน้าที่ลอบสังหารกลุ่ม "กันยาทมิฬ" ในขณะที่เมียกำลังตั้งท้องลูกคนแรกอยู่ การปฏิบัติหน้าที่ดำเนินไประหว่างที่ตัวละครมีพัฒนาการด้านอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผมรู้สึกว่าในส่วนตรงนี้ หนังทำออกมาได้ดีทีเดียว อาทิ

จากตอนต้นที่พระเอกยังลังเล ในการรับหน้าที่ลอบสังหาร แต่ถึงเวลาเริ่มงานจริง ๆ กลับนิ่งกว่าพรรคพวกที่มาสมทบในกลุ่ม ( ฉากที่สมาชิกทุกคนเจอกันครั้งแรกบนโต๊ะอาหาร ) แต่ในตอนท้าย คนที่ตื่นที่สุด กลับเป็นคนที่นิ่งกว่าใคร คนที่ดูสงบและวางมาดเก๋า กลับไม่ใช่เก๋าอย่างที่เราคิด !?

หรืออย่างฉากที่พระเอกตัดสินใจว่าจะส่งสัญญาณให้กดระเบิด ก็แสดงความอึดอัดใจออกมาให้เห็นได้อย่างน่าดูชม

ยิ่งตอนที่พระเอกของเราได้ยินเสียงลูกครั้งแรกทางโทรศัพท์แล้วร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ผมเชื่อว่าผู้ชมหลาย ๆ คน น้ำตาไหลออกมาโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนผม แม้ว่าจะยังไม่ได้มีลูกกันก็ตาม ...

ในส่วนของเนื้อหาการดำเนินเรื่อง ผูกเรื่อง วางปม และคลี่คลาย ตลอดจนไปถึงการพัฒนาทางด้านตัวละครเป็นไปได้อย่างราบรื่น น่าชื่นชม สมเหตุสมผล

ดาราที่มารับบทแต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ตัว เอริค บาน่า เอง รับบทได้สมกับเป็นตัวความหวัง ดาราสมทบคนอื่น ๆ ก็ดีเยี่ยม หลายคนเป็นดาราที่ไมคุ้นหน้า อย่างเช่น ตัวละครที่ชื่อ "หลุยส์" กับ "ปาป้า" ( Mathieu Amalric กับ Michael Lonsdale ) ก็เล่นได้ดีมาก .. บทแม่พระเอกของ Gila Almagor ก็เล่นได้ดี เข้าข่าย "น้อยได้มาก" กันทุกคน ไม่มีใครเล่นเยอะเกิน หรือน้อยไป โดยเฉพาะในบทของ Geoffrey Rush ที่สวมบทบาทได้ไม่ขาดไม่เกิน ดูแล้ว "เชื่อ" ว่ามีตัวละครตัวนี้จริง ๆ

แต่ที่เด่นจริง ๆ ในเรื่องนี้ ผมคงชี้ไปที่บท และ dialogue มากกว่า เพราแฝงอะไรที่ลึกซึ้งไว้มากมาย จำได้เยอะเหมือนกัน แต่อยากให้ไปดูในโรงกันเอาเองมากกว่า ขอยกตัวอย่างที่เด่น ๆ สักนิด ๆ หน่อย ๆ ก็แล้วกัน อาทิเช่น ตอนที่กลุ่มของพระเอกมาเจอกลุ่มของศัตรูโดยบังเอิญ แล้วมีการสนทนาวิวาทะกันขึ้น

พระเอกถามอีกฝ่ายว่าจะสู้ไปเพื่ออะไร
อีกฝ่ายตอบว่า เพื่อผืนดิน เพื่อดินแดน เพื่อบ้าน
พระเอกถามว่าผืนดินที่แสนจะแห้งแล้ง ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นเนี่ยนะ ถามจริง ๆ อยากจะได้ไปทำไม คิดว่ามีประโยชน์กับลูกหลานเรอะ ไปหาแผ่นดินเอาดาบหน้าดีกว่า ทำมาค้าขายอยู่นิวยอร์ค อยู่ประเทศไหนก็ได้ ไม่เห็นต้องยึดติดว่าต้องเป็นที่ "ตรงนั้น"
ฝ่ายศัตรูตอบว่า "ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน"

ส่วนตัวผม ผมเห็นด้วยกับทั้งสองคน และก็เข้าใจทั้งคู่ด้วยนะ

เป็นผม ผมก็คิดเหมือนกันนะว่าถ้ามีที่ดินใจกลางกรุงโตเกียวให้เราอยู่ แลกกับที่ดินแตกระแหงในทุ่งกุลาร้องไห้เราจะเลือกอยู่ที่ไหน !? มีประโยชน์อะไรกับการยึดเอาละติจูด ลองติจูดที่สมมุติขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ ที่ตรงไหนก็เหมือนกันในโลก ถ้าเรามีโฉนดซะอย่าง !

แต่ก็นั่นแหละ บางอารมณ์ให้ผมย้ายไปอยู่สุขุมวิท ผมก็คิดหนักทั้ง ๆ ที่ ที่มันแพงกว่า แต่ผมก็ชอบที่จะอยู่กลางซอยมหาดไทย ที่มีเพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกัน การเดินทางที่หลับตาก็ไปไหน ๆ ถูก สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย และความหลัง ( เรียกได้ว่าเป็น ประวัติศาสตร์เล็ก ๆ ) ส่วนตัว

อะไรล่ะที่เราเรียกว่า "บ้าน" คำนิยามของมันคืออะไร !?

ทำไมต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มันมา เพื่อให้ได้คืนมา หรือเพื่อให้มีมันขึ้นมาจริง ?

ความเป็นบ้าน หมู่บ้าน รัฐ ประเทศ ชนชาติ มันยึดติดอยู่กับพื้นที่หรือไร ไม่สามารถเคลื่อนที่ เคลื่อนย้าย หรือขยับขยายไปไหนได้จริงหรือไม่ !?

นี่คือข้อความส่วนใหญ่ที่ผมได้มาจากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ มากกว่าเรื่องราวการประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง หรือเหตุการณืทางประวัติศาสตร์ใด ๆ

ไปดูกันนะครับ แล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้าง ว่าคิดเห็นกันยังไง !

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ


Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2549 15:41:27 น. 4 comments
Counter : 397 Pageviews.

 
หนังมันเล่าเรื่อยๆนะ ไม่มีจุดไคลแม็กซ์ที่แท้จริง
แต่แนวคิดที่หนังต้องการจะบอกสื่อออกมาได้เป็นรูปธรรมได้ดีทีเดียวนะผมว่า

การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาไม่ใช่ใช่ทางออกที่ควรจะเป็น

ฆ่ากันไปเพื่ออะไร เพื่อให้คนใหม่เข้ามาแทนที่ แล้วก็ตามฆ่ากันไม่รู้จักจบสิ้นงั้นหรือ

หนังบอกทางออกไว้อย่างแยบยลในฉากๆหนึ่ง ผ่านการจูนคลื่นฟังเพลงจากวิทยุใน Safehouse ที่มียิวและอาหรับอยู่ด้วยกัน

บางทีจุดที่ลงตัวที่สุดสำหรับปัญหาคือ การจูนคลื่นเข้าหากัน หาเพลงที่ทำให้ทั้งสองฝั่งยิ้มได้ ไม่ใช่สุดขั้ว สุดโต่งแบบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

เพียงแต่ในความเป็นจริง มันทำได้ยากเหลือเกิน ตราบใดที่บางประเทศยังมีผู้นำที่ไม่สนใจในเสียงเพลงของสันติภาพอยู่

Munich ดูแล้วคุ้มครับ ได้แนวคิดดี


โดย: keano IP: 161.200.107.72 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:51:47 น.  

 
สนุกมากค่ะ แม้ว่าคนข้างๆจะหลับไปตั้งแต่ต้นเรื่องก็ตาม
เรื่องนี้ ชอบที่สุดตรงพัฒนาการของตัวละคร
เล่นได้เข้มข้นดีค่ะ
เพลงประกอบเพราะมาก เข้ากับตัวหนังพอดี


โดย: akoraphobia IP: 202.139.223.18 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:27:04 น.  

 
ยังไม่ได้ดูเลย .. แต่ชอบ Steven Spielberg มากเหมือนกัน หนังที่เค้าสร้างนะ เท่ห์ทุกเรื่องเลยอ่ะสำหรับความคิดของข้าพเจ้า ..

ปล.แต่เค้าเป็นยิวอ่ะ คงไม่สร้างอะไรให้ปาเลสไตน์ดูดีอยู่แล้วใช่ป่ะ ..


โดย: ae IP: 58.11.14.88 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:51:07 น.  

 
ดาว์โหลดมาดูแล้ว ใช้เวลาเกือบสองวัน

เป็นอะไรที่ทำให้ต้องคิดอีกเยอะ
มีน้ำตาไหลบางตอน


โดย: กาโม้ย IP: 61.90.64.136 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:26:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เบื่อจัง ... เบื่อคุง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add เบื่อจัง ... เบื่อคุง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.