|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
Memoirs of a Geisha : ซายูริ ของป๋ม ... อิอิ
สวัสดีครับ !
ไปดูเรื่อง Memoirs of a Geisha มาแล้วครับ เมื่อคืนวานนี้เอง ที่เมเจอร์รัชโยธิน รอบ 2 ทุ่ม
อืมม์ .. อย่าถามเลยครับว่าสนุกมั้ย เพราะหนังมันไม่ได้ทำมาให้ "สนุก" แต่ในความเป็นหนัง และแนวทางของหนังผมว่าโอเคเบตงลงตัวดีนะครับ
เรื่องราวของหนังจับเอายุคช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเป็นฉากหลัง โดยแกนของเรื่องอยู่ที่ตัวเด็กน้อยนาม "ชิโย" ถูกพ่อแม่ขายมาตั้งแต่เด็ก พร้อมด้วยพี่สาว ซึ่งโชคชะตาจับพลัดจับผลูให้พี่น้องต้องแยกกัน และตัวชิโยเองต้องเข้ามาอยู่ในรั้วของสำนักนางโลม นับแต่นั้นชีวิตเธอก็ต้องผ่านอะไรมากมาย กว่าจะได้เป็นเกอิชา ตามที่เธอตั้งใจไว้ โดยมีแรงขับดันภายในคือชายที่เธอรัก
ก็ตามประสาหนังสูตรสำเร็จทั่วไปสไตล์ฮอลลีวู้ดนั่นแหละครับ มีตัวอิจฉา แม่เลี้ยงใจร้าย คนใจดี พระเอกใจพระ ประกอบกับอุปสรรคต่าง ๆ นานา ซึ่งเป็นจุดพลิกผัน และผลักดันให้หนังดำเนินเรื่องไป ... สุดท้ายก็ให้คนดูลุ้นกันว่าชีวิตของเธอจะจบลงแบบไหน ในฐานะผู้ที่ใช้ชีวิตในวิถีของเกอิชา คนหนึ่ง
แต่ว่าทำกันได้ไม่ง่ายเลยนะครับสำหรับเรื่องนี้ ในฐานะผู้สร้าง
อีตา ร็อบ มาแชล เนี่ยทำหนังได้ "สวย" จริง ๆ ตั้งแต่ Chicago งานนี้ก็เช่นเคย แกดึงตากล้อง และทีมงานจาก Chicago พ่วงด้วยทีมอาร์ต และเสื้อผ้า ฉาก มาจาก Last Samurai, Big Fish และ AI ซึ่งทีมงานเหล่านี้มีเครดิตมาจากหนังแฟนตาซี และหนังพีเรียต ตลอดจนหนังที่เน้น โปรดักชั่น ดีไซน์จัด ๆ มาร่วมเนรมิต ญี่ปุ่นให้สวยงามในทุกมุมมอง
ครึ่งแรกของหนังที่ยังไม่มีตัวละครต่างชาติโผล่เข้ามานั้น .. บางทีผมยังเผลอ ๆ ไปเลยว่าดูหนังญี่ปุ่นอยู่ .. บรรยากาศในหนังก็สวย การจัดแสง และตำแหน่งกล้อง ดีไซน์มาอย่างลงตัว ด้านงานศิลป์นี่ผมให้ 5 ดาวเลยครับเรื่องนี้
ส่วนด้านดนตรีประกอบก็ฟังดูดีครับ เสริมให้หนังมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นคลุ้งไปหมด
ต่อกันที่บทภาพยนตร์ .. ผมไม่ได้อ่านหรอกครับ หนังสือเรื่องนี้น่ะ แต่ว่าดูหนังแล้วก็ประทับใจดี มีมุมมองที่น่าเก็บไปคิดต่อได้หลายจุดอยู่เหมือนกัน ซึ่งผมไม่ค่อยสนนะว่ามันจะตรงจริตของคนญี่ปุ่นรึเปล่า แต่ค่าที่เราเป็น "คน" เหมือน ๆ กัน ผมว่าในยุคปัจจุบัน ความคิดเห็นและทัศนะมันก้าวข้ามเขตแดนของประเพณีและวัฒนธรรมกันได้ อีกอย่าง หนังเรื่องนี้มันเป็นแค่ภาพยนตร์เพื่อความบันเทิง ไม่ใช่สารคดีตีแผ่ เพราะฉะนั้น ผมคงไม่วิเคราะห์ว่ามัน "ถูก" หรือ "ผิด" ไปจากความเป็นเกอิชาที่แท้จริงตามตำรับญี่ปุ่นโบราณ ( เจ้าเก่าบางรัก ) แต่ผมแค่มองในมุมที่ผู้สร้างเสนอมาเป็นประเด็นเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นก็คือเรื่องของการกดขี่ทางเพศที่แฝงอยู่ในเรื่อง ทำให้ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเหลือในชีวิต ต้องเลือกที่จะเป็นเกอิชาเพื่อยกระดับฐานะตัวเอง ( แต่ตกต่ำลงทางด้านความเป็นมนุษย์ ) ฝึกฝนศิลปะ เรียกตัวเองว่าศิลปิน สร้างศาสตร์ในการเย้ายวน เพื่อสร้างมูลค่า ( ราคา ) ให้กับความเป็นหญิง และพรหมจรรย์ของตัวเองมากที่สุด และจากนั้น ( ในหนังใช้คำว่า "หากโชคดี" ) ก็จะมีป๋า ( ดันนะ - ผู้อุปถัมป์ ) มาเลี้ยงดูไปตลอดชีวิต ซึ่งวิธีในการได้ "ดันนะ" มานั้นก็ต้องใช้ชั้นเชิง และยุทธวิธีในการคัดสรรคนที่ "รวย" ที่สุดอีกด้วย
หนังพยายามนำเสนอประเด็นหลัก ๆ ที่ว่า "ในวิถีของเกอิชา" นั้น ไม่ควร หรืออาจจะใช้คำว่าห้ามก็ได้ สำหรับการมีความรัก เพราะจะขัดต่อหน้าที่การงาน ทำให้เกอิชามองอะไรไม่ชัดเจน ตาพร่ามัว โง่ลง ไม่รู้อะไรดีไม่ดี ( ว่าควรเลือกคนที่รวยและพร้อมอุปถัมป์ มากกว่าคนที่ตนรัก ) ผ่านชีวิตของเกอิชา 2-3 คนในหนัง เป็นการย้ำให้เห็นว่า เกอิชาทุกคนมีความรัก ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะจัดการกับมันอย่างไร แบบมืออาชีพหรือแบบหญิงสาวทั่วไป
ว่ากันที่ตัวแสดง .. ซึ่งเป็นเรื่องถกเถียงกันมากว่าควรหรือไม่ ที่เอาคนจีนคนมาเลย์มาเล่นเป้นคนญี่ปุ่น .. เอางี้ดีกว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม เราไม่ต้องไปยกเหตุผลว่าเพระคนญี่ปุ่นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วมันจะยากต่อการสื่อสาร และการแสดง เพราะมันก็จะมีคำถามตามมาว่าแล้วทำไมไม่ให้พูดญี่ปุ่น ฯลฯ ..
ก่อนที่หนังจะเริ่มฉาย ผมเห็นหนังตัวอย่างที่ชื่อ Casanova .. ถ้าจำไม่ผิด คาสโนว่า นี่คนอิตาลีใช่มั้ยครับ แล้วดาราที่เล่นเรื่องนี้นี่ ไม่ทราบว่ามีคนอิตาลีกี่คนครับ Heath Ledger ( พระเอก ) นี่ก็ ออสเตรเลียน Sienna Miller ( นางเอก ) คนอเมริกัน Jeremy Irons คนอังกฤษ Oliver Platt แคนาเดียน
.. ตัวหลัก ๆ 4 คนนี่มีใครเป็นอิตาเลี่ยนมั้ยครับ ? ไม่มี ! มีใครบ่นมั้ย !?
แล้วทำไมเค้า ( คนที่เป็นนักแสดงจริง ๆ ) เล่นได้ พูดสำเนียงได้ แสดงออกได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยอยู่อังกฤษ ไม่เคยขาด้วน ไม่เคยฆ่าคน ไม่เคยเป็นอีตัว ไม่เคยตาบอด เป็นใบ้ ปัญญาอ่อน ฯลฯ
เพราะเค้าเป็นนักแสดงยังไงล่ะครับ !
ไม่งั้นเราคงต้องเอาคนตาบอดมาเล่นบทคนตาบอด เอาคนปัญญาอ่อนมาเล่นบทปัญญาอ่อน เอาคนเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายมารับบทคนป่วยมะเร็งขั้นสุดท้าย เอาหมอมาเป็นหมอ เอาฆาตกรมาเป็นฆาตกร
ซึ่งบรรดานักแสดงในเรื่อง Memories of a Geisha นี่เค้าก็ "แสดง" และ "สวมบทบาท" กันได้ดีครับ รวมทั้งภาพลักษณ์ที่มองแบบไม่จับผิด ผมว่าก็ดูเป็นญี่ปุ่นได้นะ .. จริง ๆ
จาง จื้ออี้ .. นักแสดงจีนที่ผมชอบมากกกกกก .. กก เล่นได้ดี แต่ผมรู้สึกว่าหน้าเธอตอนไม่แต่งหน้า ( ในหนัง ) ดูสวย น่ารัก เป็นธรรมชาติ ดูดีกว่าตอนแต่งหน้าเป็นเกอิชาเต็มยศซะอีกนะ .. ด้านการแสดงนี่ผมว่าเรื่องนี้เธอไม่ได้ "ดีเด่น" แต่ก็สามารถ "เป็นตัวเอก" ได้อย่างเต็มภาคภูมิครับ ความสามารถทางด้านการแสดง ใส่อารมณ์ สีหน้า แววตา สอบผ่านครับ แต่ถ้าไม่รู้เบื้องหลังว่าเธอต้องฝึกอะไรบ้างในการที่จะมารับบทนี้ ( ประเพณีปฏิบัติของญี่ปุ่น การเป็นเกอิชา ภาษาญี่ปุ่น การร่ายรำ ฯลฯ ) ผมก็คงไม่ประทับใจอะไรมากมายล่ะครับ
มิเชล โหย่ว .. นิ่ง สุขุม เล่นน้อย แต่ได้มาก ได้ลูกเก๋าครับคนนี้ แต่ผมไม่ค่อยปลื้มเธอเท่าไหร่นะ ยังสงสัยเลยว่าในหนังที่บอกว่าเธอคือตำนานคนหนึ่งในแวดวงเกอิชา เพราะเธอประมูลขาย "มิซัวเกะ" ( อยากรู้ว่าเป็นอะไรไปดูในหนังเอาเอง ) ได้ถึง 10,000 เยน น่ะ จริงเหรอ เธอสวยขนาดนั้นเลยเหรอ ( ต่อให้ตอนสาว ๆ ก็เถอะ ) อาจจะเพราะผมไม่สเปคกะผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ก็ได้ครับ ความชอบส่วนตัว อิอิ
อีกคนคือ กง ลี่ .. อันนี้ ได้ใจผมไปเต็ม ๆ เลย อายุก็มากแล้วแต่ยัง สวย เซ็กซี่ ไม่ว่าจะแต่งสวย แต่งโทรม ผมเผ้ารุงรัง ก็คงความงาม และความสง่าอยู่ข้างในได้ตลอด .. สมบทบาทเกอิชา ดาวเด่น ที่สุดครับ ... การแสดงของเธอ ทั้งสีหน้า แววตา และความขัดแย้งในอารมณ์ ซึ่งจะเห็นได้จากหลาย ๆ ฉากของหนัง เล่นเอาคนดูอย่างผมไม่กล้าฟันธงไปว่าเธอดี หรือไม่ดีกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ เธอสื่อชีวิต และความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่งออกมาได้ "ดี" และ"แรง" มาก ๆ ครับ ... ในเรื่องนี้ผมชอบ กง ลี่ ที่สุดแล้วล่ะ
ส่วนอีตา เคน วาทานาเบะ เนี่ย เรื่องนี้ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ ผมเฉย ๆ นะ แค่สอบผ่านน่ะ พอดีบทมันไม่ค่อยส่งด้วยแหละ
แต่นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ นี่เล่นได้ดีหมดเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น แม่เลี้ยงนิตตะ ก็เร้าอารมณ์ผู้ชมได้ดี ยัยฟักทองเพื่อนสนิทนางเอกก็มีแอ็คชั่นที่สมจริตของบทที่ได้รับ แถมพกไปถึงน้อง "ชิโย" ในวัยเด็กก่อนจะโตเป็น "ซายูริ" ในภายหลัง ก็เล่นได้ดี ดูหลาย ๆ มุมแล้ว คล้าย จาง จื้ออี้ มาก ๆ เลย ทีมคัดเลือกตัวแสดงนี่หาคนได้เหมือนจริง ๆ แถมเล่นดีด้วย ... นอกนั้นคนอื่น ๆ ก็เล่นดีสมราคาครับ
.. อย่างที่บอก ว่าหนังไม่ได้สนุก แต่ "น่าดู" ด้วยสาเหตุที่ว่า หนังมีการพลิกเล็ก ๆ และเฉลยปมในตอนท้าย ๆ ของเรื่อง ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวจะจบตั้งแต่กลางเรื่อง ( เกิดสงคราม มีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ) ไปทั้งอย่างนั้นก็ได้ แต่กลับมีต่อให้ผู้ชมได้เห็นเรื่องราวต่อไปที่ลงท้ายอาจจะถูกใจ หรือไม่ถูกใจใครก็แล้วแต่ ( แต่ผมเฉย ๆ นะครับ จะจบแบบไหนก็ได้ หนังมันมีคุณค่าในตัว และ "จบ" ในประเด็นของหนังแล้ว ไม่ใช่ที่ตอนท้ายของเรื่อง ) ทำให้คิดไปถึงเรื่อง AI ที่จริง ๆ จะจบตั้งแต่ตอนที่เดวิด จมลงไปอยู่ใต้ทะเล แล้วเห็นนางฟ้าอยู่ตรงหน้าก็ได้ แต่ยังมีต่อไปอีกนิด .. ซึ่งตอนที่ต่อให้ดูจนจบนั้นก็ไม่ได้ประดักประเดิดจนน่าตัดทิ้ง แต่มีคุณค่าให้คงอยู่ไว้ในหนังเรื่องนี้เพื่อสรุปจบการดำเนินเรื่องมาตั้งแต่ต้นได้อย่างลงตัวครับ
อีกประเด็นหนึ่งที่ผมอยากพูดถึงก็คือ สิ่งที่หนังเรื่องนี้พยายามจะสื่อว่า "สิ่งที่เราคิดว่าคนอื่นนั้นทำผิด จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างที่เห็นหรือ" เหตุผลในการทำผิด อาจจะ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" สำหรับเราก็ได้ จริงอยู่ว่าผิด ก็คือผิด แต่คนที่ทำ ย่อมต้องมีเหตุผลในการลงมืออยู่แล้ว เพียงแต่เราจะทำใจยอมรับเหตุผลของเขาได้แค่ไหน และที่จริงแล้ว เป็นเราหรือเปล่าที่บังคับเขาทางอ้อมให้ต้องลงมือกระทำผิด ? ดังจะเห็นได้จากในหนังว่าตัวละครแทยทุกตัวกระทำความผิด แต่จะผิดแบบน่าเห็นใจ หรือผิดแบบอภัยให้ไม่ได้ หรือผิดแบบไม่เข้าใจว่าทำแบบนั้นทำไม ก็แล้วแต่ .. จุดนี้เชื่อมใยงไปถึงประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือการมองคนให้ลึกลงไป หากอ้างอิงจากในหนัง จะเห็นว่า ตัวละครที่ร้าย ๆ ก็ไม่ได้ร้ายจริง ๆ ตัวละครที่ดีก็ไม่ได้ดี "บริสุทธิ์" ( หรือดีแบบ 100% )ขึ้นอยู่กับว่าเรามองจากมุมไหน และประสบการณ์ของเรามีมากน้อยเท่าไหร่ เช่นพอเรื่องราวดำเนินผ่านไป เราเริ่มเข้าใจขนบ-วัฒนธรรม หรือเหตุผลในการกระทำของแต่ละตัวละครเราก็จะเข้าใจตัวละครตัวนั้น ๆ มากขึ้น
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อหนังจบ ผมจึงไม่รู้สึกว่า "ทำไมอีนั่นมันร้ายจังวะ" หรือ "อีแก่นี่เลว เล้ว เลว" หรือ "ไอ้บ้านั่นแม่งโคตรโง่" หรือ ... ฯลฯ
แว๊บแรกที่ผมรู้สึกเมื่อหนังจบก็คือ .. เศร้าว่ะ !
เศร้าเพราะสงสารผู้หญิงในสมัยนั้น และผู้หญิงที่เป็นเกอิชา หรือผู้หญิงทุกยุคทุกสมัย ทุกฐานะ ที่ทำตัวไม่ต่างอะไรกับเกอิชา
มีชีวิตตามค่านิยม ที่ตนเองไม่ได้กำหนดมา ไม่รู้ว่าหลุดเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวงจรนั้น ๆ แล้ว .. ... วัตถุนิยม - ดิ้นรนให้หลุดจากชีวิต ( ที่ตัวเองคิดว่า ) ชั้นต่ำ - หาผัวรวย ๆ หวังจะได้สบายไปตลอดชาติ ...
ฟังดูเหมือนผู้หญิงบางคนในสมัยนี้ยังไงไม่รู้นะครับ
แต่ผมว่าที่น่าเศร้ามากกว่าคือตัวนางเอก หรือคนที่มีชีวิตเหมือนเธอนั่นแหละ .. คนที่มีชีวิตอยู่เพื่อตามหาคนรัก .. ความรัก .. โดยยอมทำทุกอย่าง
เปล่า ! ผมไม่ได้ปฏิเสธความรัก หรือดูถูกความรัก แต่ผมคิดว่าการกระทำแบบนั้นมันสุดโต่งไปนิด
( สำหรับคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ) ลองคิดดูสิครับว่าถ้า ซายูริ ไม่ได้เจอท่านประธาน แล้วไม่มอบใจรักให้พร้อมดึงเอาท่านประธานไว้ที่ที่ยึดเหนี่ยวและแรงผลักดันตัวเธอให้ก้าวไป ... เธอจะมีชีวิตยังไง !?
( สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู ) .. ไปดูหนังเรื่องนี้ก่อนแล้วมาคุยกันนะครับ แลกเปลี่ยนความเห็นกัน .. สนุกดี !
สรุป .. หนังเรื่องนี้มีอะไรให้ผมพูดถึงได้ขนาดนี้ มีมุมมองให้เก็บมาคิด แล้วก็ ( น่าจะ ) มีประเด็นให้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้มากมาย
คุ ณ คิ ด ว่ า คุ้ ม ค่ า ตั๋ ว เ เ ล้ ว รึ ยั ง ล่ ะ ค รั บ ! ?
Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2549 |
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2549 20:33:45 น. |
|
7 comments
|
Counter : 2242 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กาโม้ย IP: 61.91.241.129 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:09:28 น. |
|
|
|
โดย: My_Melody IP: 203.188.37.135 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:29:20 น. |
|
|
|
โดย: GL IP: 202.28.181.10 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:54:24 น. |
|
|
|
โดย: sparta IP: 61.90.104.145 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:18:19 น. |
|
|
|
โดย: ae IP: 58.11.14.103 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:18:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ตามมาจากบางกะปิ.......บอร์ด
เรื่อง เกอิชา...นิ่ผมรู้จักครั้งแรกตอนอ่าน
SHOGUN
ของ James Clavell's
ตั้งแต่เรียน
แต่เชื่อมั๊ย..........ว่าไปญี่ปุนมาสี่รอบแล้วยังไม่มีโอกาสเจอเลย........ต้องเป็นอะไรที่พิเศษมากถึงจะได้เจอ
แม้เราจะเป็นแขกของเขา...
ปล.ยังไม่ได้ดูแต่พยายามหาหาดูให้ได้