<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 กรกฏาคม 2552
 

ศักดิ์ศรีความเป็นสัตว์ป่า

โดย ภิมุข สิมะโรจน์

//www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01way04260752§ionid=0137&day=2009-07-26

มติชนรายวัน วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552


"คนหากิน สัตว์หากิน เราไม่เบียดเบียนกันและกัน

ต้นไม้งาม คนงดงาม งามน้ำใจไหลเป็นสายธาร

ชุบชีวิตทุกฝ่ายเบิกบาน มีคนมีต้นไม้ มีสัตว์ป่า"

ผม เติบโตขึ้นมาในช่วงที่เพลงเพื่อชีวิตมีบทบาทมากพอสมควร ซึ่งไม่เหมือนปัจจุบัน แต่ละเพลงกว่าจะหาความหมายเกี่ยวกับชีวิตได้คนฟังก็ดูคนร้องเต้นจนแทบหมดแรง ตามไปด้วย...ข้างต้นเป็นบางท่อนของเพลง "ชีวิตสัมพันธ์" ซึ่งศิลปินเพื่อชีวิตหลายท่านที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นได้ร่วมกันร้องเพื่อ เตือนใจและรณรงค์ให้ทุกคนรักษาและปกป้องสิ่งแวดล้อมรวมถึงสัตว์ต่างๆ ในขณะที่ปัจจุบันทั้งโลกตื่นตัวกันเรื่องสภาวะโลกร้อนอย่างมากทำให้นึกถึง เพลงข้างต้น เพราะเนื้อหายังมีความหมายเข้ากับปัญหาและยังครอบคลุมไปถึงเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่ผมอยากจะเล่าในวันนี้

เราพูดกันมากถึงศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ ความเท่าเทียมกัน แต่จริงๆ แล้วเราเคยคิดถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บ้างหรือเปล่า? โดยเฉพาะสัตว์ป่าซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่สำคัญในระบบนิเวศ และเราแยกมันออกจากสัตว์เพาะเลี้ยงที่มนุษย์ตั้งใจเลี้ยงเพื่อนำมาบริโภคตาม วิถีธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ ผมเชื่อว่าหลายคนโดยมากได้เห็นสัตว์ป่าก็เฉพาะเมื่อไปเที่ยวสวนสัตว์ต่างๆ เท่านั้น แต่เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสไปตรวจเยี่ยมสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์เขาประทับช้าง จังหวัดราชบุรี และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์บางละมุง จังหวัดชลบุรี ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็น 2 สถานี ในทั้งหมด 23 สถานีทั่วประเทศ สถานีเหล่านี้ได้ดูแลสัตว์ป่าอยู่หลายประเภททั้งหมี เสือ ลิงอุรังอุตัง ไก่ป่า และนกพันธุ์หายากต่างๆ ฯลฯ ไม่ใช่ดูแลเพื่อให้คนเข้าชม แต่เป็นการดูแลสัตว์ป่าจากการที่ทางราชการยึดได้จากผู้ที่ลักลอบล่าสัตว์ป่า หรือสัตว์ป่าที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้แล้วนำมาปล่อยทิ้ง เรียกง่ายๆ ว่า สัตว์ของกลางหรือสัตว์กำพร้าก็ว่าได้

สัตว์เหล่านี้มีปริมาณที่ไม่ น้อยทีเดียว อย่างหมีที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์บางละมุงมีอยู่ทั้งหมด 96 ตัว ผมไปพบถึงกับตกใจว่าเรามีหมีมากมายมารวมกันได้อย่างนี้เลยเหรอ ส่วนใหญ่เป็นหมีควายและหมีหมา โดยอาศัยอยู่ทั้งในกรงและอยู่รวมกันในที่โล่งแจ้งที่จัดเตรียมไว้ หรือที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์เขาประทับช้างมีเสืออยู่หลายตัว และมีลิงอุรังอุตังอยู่กว่าสิบตัว

ลิงที่นี่มีนิสัยแปลกประหลาดมาก คือ ชอบบ้วนน้ำลายใส่คน ไม่ใช่บ้วนใกล้ๆ นะครับ เกือบ 3 เมตรได้ ถ้าไม่มีใครเตือนก่อนเดินไปที่กรง ตัวผมคงจะเต็มไปด้วยน้ำลายของคุณลิงทั้งหลายแน่ๆ

ถ้าผมจะเล่าต่อไป อาจทำให้ท่านเห็นภาพมากขึ้น ก็คือว่า ทุกวันนี้เรามีคนซึ่งประกอบอาชีพจับสัตว์ป่าไปขายเพื่อนำอวัยวะบางส่วนมาบริ โภคตามความเชื่อที่ว่าจะสามารถบำรุงร่างกายมนุษย์ด้านต่างๆ ได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยมีการพิสูจน์ที่ชัดเจน ประเด็นคือ เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถจับคนล่าสัตว์เหล่านี้ได้พร้อมสัตว์ป่าของกลาง ปัญหาก็คือสัตว์ป่าของกลางเหล่านั้นเราจะเอาไปไว้ที่ไหน...? เพราะส่วนใหญ่แล้วสัตว์ป่าเหล่านั้นส่วนใหญ่หมดสภาพที่จะกลับคืนสู่ป่าได้ แล้ว เพราะเขามีทั้งบาดเจ็บจากบาดแผลหรือถูกกักขังไว้นาน จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หลายต่อหลายครั้งสัตว์ของกลางถูกกองไว้ที่สถานีตำรวจกว่าจะสอบสวน ไล่เรียงความผิดกันเสร็จ สัตว์เหล่านั้นก็แทบจะสิ้นลมหายใจแล้ว เช่น ตัวนิ่มที่ถูกมัดไว้ในกระสอบที่เราเห็นตามข่าว เป็นต้น

สถานีเพาะ เลี้ยงดังกล่าวทั้ง 23 สถานี ได้ทำหน้าที่ชั่วคราวในการนำสัตว์เหล่านี้มาดูแล แต่จนถึงปัจจุบันสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นมันไม่ได้มีลักษณะชั่วคราว ผมได้สอบถามเจ้าหน้าที่ถึงหมีตัวแรกที่ถูกนำมาไว้ในสถานีเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วตอนนี้ยังอยู่หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่ายังอยู่ในสถานี ดังนั้นจะเห็นได้ว่าปริมาณสัตว์ป่ามีมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันข้อจำกัดของเงินงบประมาณและจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ไม่เพียงพอในการ ดูแลสัตว์ภายในสถานี ก็ยังเป็นประเด็นปัญหาอยู่ตลอด และสถานีเหล่านี้จะพัฒนาเป็นสวนสัตว์เพื่อหารายได้ก็ไม่ได้ เพราะความหลากหลายของสัตว์นั้นไม่มี สัตว์ป่าเองก็อาจอยู่ในสภาพป่วยและยังไม่พร้อมที่จะให้คนมาเข้าชม อีกทั้งการหารายได้ก็ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสถานีด้วย เมื่อมีโอกาสได้ไปสัมผัสผมรู้สึกเข้าใจและเห็นใจข้าราชการทุกระดับที่รับผิด ชอบเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะคุณหมอซึ่งโดยมากมีอยู่สถานีละ 1 คน ต้องทำหน้าที่หนักมาก แค่สถานีบางละมุงที่ได้ทราบภารกิจว่าต้องขูดหินปูนฟันหมีทั้ง 96 ตัว โดยต้องวางยาสลบทีละตัว และค่อยๆ ทำความสะอาดฟันของมัน แค่นึกขั้นตอนก็เห็นถึงงานที่ต้องอาศัยความเสียสละอย่างมากแล้ว

ที นี้หลายคนคงถามว่าแล้วจะทำกันอย่างไร? ผมคิดว่าสิ่งที่เราขาดขณะนี้คือ สถานพยาบาลสัตว์ป่าที่มีเจ้าหน้าที่และงบประมาณเพียงพอที่จะดูแลก่อนจะส่งไป สถานีเพาะเลี้ยงเพื่อพัฒนาส่งพวกเขากลับคืนสู่ป่าต่อไป ซึ่งขณะนี้ผมทราบว่าทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้พยายามที่จะตั้งสถานพยาบาลดังกล่าว ซึ่งผมเอาใจช่วยอย่างมากเพื่อให้เกิดขึ้นให้ได้ และคิดว่าควรจะมีครบทุกภาคด้วย เพราะเมื่อเกิดปัญหาที่ไหนจะได้มีที่รองรับบริเวณนั้นๆ อย่างน้อยผมคิดว่าเมื่อสัตว์ป่าได้รับการรักษาที่ดีมีความแข็งแรงเต็มที่ แล้ว การจะค่อยๆ ฝึกให้กลับคืนสู่ป่าได้เป็นเรื่องไม่ยาก เพราะสัญชาตญาณของสัตว์ป่าก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่แล้ว นอกจากนี้แล้ว ผมได้หารือกับเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถึงแนวทางการดูแลในอนาคตเมื่อปริมาณสัตว์เหล่านี้มากขึ้น ก็สรุปกันได้ว่า เราน่าจะเปิดโอกาสให้สังคมหลายๆ ภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา โดยทางกรมควรแยกสัตว์ป่าแต่ละประเภทออกจากกันและพัฒนาสถานีที่มีอยู่ทั้ง 23 สถานี ให้เป็นสถานีการเรียนรู้และวิจัยสัตว์ป่าเฉพาะชนิดเปิดให้นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ ซึ่งน่าจะสามารถหางบประมาณด้านการวิจัยเข้ามาช่วยได้ นอกจากนี้ยังมีการหารือกันเรื่องแนวคิดโครงการพ่อแม่บุญธรรมสัตว์ป่า เพื่อให้คนที่รักสัตว์ได้มีโอกาสบริจาคเงินหรืออาหารเล็กๆ น้อยๆ คล้ายๆ ที่เราดูแลเด็กกำพร้าซึ่งผู้อุปการะก็สะดวกและมีความรู้สึกเสมือนเป็นเจ้า ของสัตว์ เพียงแต่ไม่ต้องเลี้ยงเองที่บ้าน แค่เอาฝากทางสถานีดูแลแทน และหากมีโอกาสก็แวะมาเยี่ยมตามเวลาที่เหมาะสม

ทั้งหมดนี้เป็นเพียง แนวทางเบื้องต้นซึ่งคิดว่าน่าจะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาชีวิตสัตว์ป่าเหล่านี้ได้ ไม่มากก็น้อย ซึ่งแน่นอนในทางปฏิบัติจริงคงไม่ง่ายนักและต้องใช้เวลาในการประสานงานผู้ที่ เกี่ยวข้องเพื่อทำงานร่วมกันจนเกิดผลสำเร็จ แต่ทั้งนี้ปัญหาที่กล่าวมาจะไม่เป็นปัญหาให้ต้องแก้กันเลยหากท่านที่จับ สัตว์ป่าหรือบริโภคสัตว์ป่า ได้ตระหนักถึงชีวิตและศักดิ์ศรีของสัตว์ป่าเหล่านั้นบ้าง ถ้าทางเจ้าหน้าที่จับท่านไม่ได้ สัตว์ป่าก็ถูกนำไปบริโภค ถ้าเจ้าหน้าที่จับท่านได้สัตว์ป่าของกลางที่ยึดมาก็ต้องมามีชีวิตที่ผิด ธรรมชาติ ผมคิดว่าเราคงไม่อยากเห็นสัตว์ป่าต่างๆ ต้องสูญพันธุ์เพียงเพราะสาเหตุว่ามนุษย์นำมันมาตัดอวัยวะต่างๆ มาบริโภค...

ใน เมื่อเราพูดกันมากถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถึงขั้นบรรจุไว้เป็นหลักพื้น ฐานของรัฐธรรมนูญแล้ว...ช่วยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นสัตว์ป่าด้วยครับ



Create Date : 26 กรกฎาคม 2552
Last Update : 26 กรกฎาคม 2552 7:30:11 น. 2 comments
Counter : 667 Pageviews.  
 
 
 
 
 
 

โดย: peeshin วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:36:06 น.  

 
 
 
กรรมของทุกชีวิตแหละค่ะ
 
 

โดย: เฉลว วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:28:09 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

ยุง บิน ชุม
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add ยุง บิน ชุม's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com