" I tried my hardest just to forget everything -- Because of you ... "
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
31 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
มุมมองต่อคน ความรู้กับความคิด

คนเราในปัจจุบัน ได้ถูกปลูกฝังให้ใฝ่หาความรู้ที่อยากจะชี้ให้เห็นจริง ๆ
นั้นคือว่า ความรู้อย่างเดียวนั้นไม่พอ
ถ้าขาดศีลธรรมอันดีงามสำหรับสังคม

ผมคิดว่า เราเน้นแต่ความรู้มากเกินไปในปัจจุบัน
แต่เราเน้นเรื่องหน้าที่และศีลธรรมน้อยเกินไป

ผมเรียนวิชาหน้าที่และศีลธรรมในสมัยมัธยมต้นก็ใช้วิธีท่องจำ
ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าผิด ต้องให้เข้าใจ
แต่ถ้าท่านเข้าใจเรื่องจิตใต้สำนึกแล้ว ท่านก็จะเข้าใจว่า ศีลธรรมใช้การท่องนั่นแหละใช้ได้เลย
เพราะการท่องจำทำให้ศีลธรรม มโนธรรม คุณธรรมเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกได้
เพราะศีลธรรมไม่ใช่เรื่องของเหตุผลเสมอไป
แต่เป็นเรื่องที่มนุษย์ต้องมี เพื่อแยกตนเองออกจากการเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ตัวอย่างเช่น การฝึกเล่นกีฬาต้องมีการซ้อม ต้องมีโค้ชคอยให้คำแนะนำว่าต้องคิดอย่างไร
ทำอย่างไรในขณะเล่น
และคงไม่ใช่แนะนำเพียงหนเดียว
แต่ต้องคอยพูดซ้ำ ๆ ในขณะซ้อม

ทั้งนี้ เพื่อให้คำแนะนำและการกระทำการฝึกนั้น เข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึก
และในการแข่งขันจริง
จะใช้การหาข้อมูล เปิดอินเทอร์เน็ตแล้วค่อยมาตอบโต้คู่แข่งขันนั้นไม่ได้
ไม่ทัน ต้องมี reaction ขึ้นมาทันทีที่มีการจู่โจม
ซึ่ง reaction เหล่านี้เกิดจากการฝึกหรือการท่อง
ซึ่งมีผลกระทำต่อจิตใต้สำนึก
การท่อง การฝึกต่าง ๆ ที่เราทุกคนทำก็คือ การฝึกจิตใต้สำนึกนั่นเอง
เพราะถ้าจิตใต้สำนึกรับรู้แล้ว เวลามีเหตุการณ์อะไรที่ต้องการ
การตอบสนอง จะทำได้โดยไม่ต้องคิดเลย
หรือเรียกว่าเกิดสัญชาตญาณใหม่ขึ้นมาเลยก็ว่าได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเกิดจากการฝึกฝนหรือท่องจำ

มโนธรรม คุณธรรม และศีลธรรมต่าง ๆ ก็เกิดจากหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าและผู้มีปัญญาได้สอนไว้แก่เพื่อนมนุษย์ทั้งสิ้น

สำหรับ เรื่องการบริหาร การตลาด กฎหมาย วิทยาศาสตร์ และการบัญชี
หลาย ๆ ครั้งความรู้อย่างเดียวที่เกิดจากการเรียนการสอนในโรงเรียนนั้นยังไม่พอ ประสบการณ์ในการทำงานจะบอกเราเองว่า สิ่งที่เล่าเรียนจากในโรงเรียนถึงระดับปริญญานั้นเป็นแค่เบื้องต้น
หรือทำให้เรามีระบบมากขึ้น
รู้แหล่งข้อมูลมากขึ้น
แต่ยังห่างจากการทำให้เกิดประโยชน์อีกมาก

ฉะนั้น การเปิดรับความคิด ความเข้าใจสิ่งรอบข้างนั้นสำคัญ
(จากที่ผมได้ประสบมา ก็พบว่าหลาย ๆ คนที่เรียนจบมาใหม่ ๆ ก็จะรู้สึกว่าตนเองรู้มาก หรือเก่งกว่าผู้อื่นมากแล้ว ทำให้ปิดการรับรู้ ความคิดความเข้าใจจากสิ่งรอบข้างอย่างมาก รู้จักแต่จะสอน จะสั่ง จะตำหนิผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ที่ด้อยกว่าตน)....ใครเอ่ย?

ความรู้ที่เรียนมาจากโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย หลาย ๆ คนก็เรียนรู้มาเพื่อการสอบ
เพื่อให้ได้มาซึ่งประกาศนียบัตรหรือปริญญา
พอเรียนจบก็ลืมไปเสียเกือบหมด
ที่เหลืออยู่ก็อยู่ในรูปของความจำ
(ยิ่งหลาย ๆ คนชอบพูดว่า ความรู้คืนครูไปหมดแล้ว ก็ยิ่งจะไม่เหลืออะไรอยู่เลย)

สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้กับทุก ๆ คน ก็คือ ความรู้
ถ้าเก็บไว้เพียงแค่ความรู้ ความรู้นั้นมีทั้งส่วนที่มีประโยชน์มาก ประโยชน์น้อย และไม่มีประโยชน์ต่อตัวเราและต่อผู้อื่นเลย
สมองของคนมีจำกัด
แต่ปัจจุบันความรู้มีมากมาย
ฉะนั้น เราต้องรู้จักแยกแยะความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและต่อผู้อื่น
แล้วเอาความรู้เหล่านั้นมาคิด
มาพินิจพิเคราะห์บ่อย ๆ
ไม่ใช่เก็บเป็นข้อมูลเหมือนที่คนในปัจจุบันชอบเก็บกัน (ซึ่งเก็บนาน ๆ เก็บมาก ๆ ก็ลืมไปหมด)
และสรุปเป็นความคิด หรือหลักคิด อุดมคติ ปรัชญา
เพราะถ้าเก็บในรูปนี้แล้วจะไม่ลืม
และเอามาใช้เป็นประโยชน์ในสถานการณ์ที่เหมาะสมได้
เพราะการที่เอาความรู้มาคิด มาทำความเข้าใจหลาย ๆ ครั้งเท่ากับการบรรจุความรู้ความคิดนั้นเข้าไปในจิตใต้สำนึก
และเมื่อจิตใต้สำนึกรู้แล้ว เวลาต้องปฏิบัติหรือตัดสินใจก็จะกระทำได้โดยอัตโนมัติ

สิ่งสำคัญก็คือ ต้องบรรจุความรู้ หรือความคิดและเป็นความรู้หรือความคิดที่ดี ๆ ในจิตใต้สำนึกของเรา
อย่าบรรจุความรู้หรือความคิดที่ไม่ดีลงไป

คุณพ่อเคยบอกผมว่า จงคิดในสิ่งที่เป็นกำไรแก่ตนเอง
อย่าคิดในสิ่งที่เป็นการขาดทุน
การคิดในสิ่งที่ไม่ดี ก็คือคิดแล้วขาดทุน
คิดบ่อย ๆ ในเรื่องกำไร
จิตใต้สำนึกก็จะรับรู้เรื่องกำไร ๆ ไป
ถ้าคิดเรื่องขาดทุน จิตใต้สำนึกก็จะรับเรื่องขาดทุน ๆ ไป

จิตใต้สำนึกของเรามีพลังมาก แต่ไม่รู้ผิดรู้ถูก
ฉะนั้น ถ้ารับรู้เรื่องดี ๆ ก็จะเสริมให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับตัวเรา
แต่ถ้ารับรู้สิ่งที่ไม่ดี ก็จะเสริมสิ่งที่ไม่ดีให้เกิดแก่ตัวเรา


บุญเกียรติ โชควัฒนา



Create Date : 31 สิงหาคม 2550
Last Update : 31 สิงหาคม 2550 13:31:37 น. 0 comments
Counter : 383 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

icechick
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพลง “ Because Of You ”

นักร้อง “ Kelly Clarkson ”



เนื้อเพลง


I will not make the same mistakes that you did

will not let myself cause my heart so much misery

I will not break the way you did You fell so hard

I learned the hard way, to never let it get that far

Because of you

I never stray too far from the sidewalk

Because of you

I learned to play on the safe side So I don't get hurt

Because of you

I find it hard to trust

Not only me, but everyone around me

Because of you

I am afraid

I lose my way

And it's not too long before you point it out

I cannot cry

Because I know that's weakness in your eyes

I'm forced to fake a smile, a laugh

Every day of my life

My heart can't possibly break

To take your heart away

Because of you

I never stray too far from the sidewalk

Because of you

I learned to play on the safe side So I don't get hurt

Because of you

I find it hard to trust

Not only me, but everyone around me

Because of you

I am afraid

I watched you die

I heard you cry

Every night in your sleep

I was so young

You should have known better than to lean on me

You never thought of anyone else

You just saw your pain

And now I cry

In the middle of the night

Over the same damn thing

Because of you

I never stray too far from the sidewalk

Because of you

I learned to play on the safe side So I don't get hurt

Because of you

I find it hard to trust

Not only me, but everyone around me

Because of you

I am afraid

-------

ขอขอบคุณ:: http://www.esnips.com, Blog ป้ามด

________________

________________

________________

________________


LifE MessageS '' Zz ~~*

----

>> 1st Day : ทุกชีวิตย่อมมีปัญหา ปัญหามีมาให้แก้ ไม่ใช่มีมาให้กลัดกลุ้ม...

---

>> 2nd Day : อย่าโกรธฟุ่มเฟือย อย่าโกรธจุกจิก อย่าโกรธไม่เป็นเวลา และอย่าโกรธมาก จะเสียสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

---

>> 3rd Day : ควรหัดพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า “จะเอายังไง”

---

>> 4th Day : นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับเธอ 3 ชั่วโมง

---

>> 5th Day : ทะเลาะกับใครๆ พร้อมรอยยิ้ม เรื่องราวจะจบง่ายกว่าที่คิดเยอะ

---

>> 6th Day : ชม เกินจริง = เป็นโทษ || ติ เกินเหตุ = เสียน้ำใจ

---

>> 7th Day : ยิ่งงานหนักเท่าไร ยิ่งเป็นกำไรของชีวิต

---

>> 8th Day : การทำงาน ย่อมต้องมี "อุปสรรค" ทุกคนจึงกลัวอุปสรรค แต่อุปสรรค... กลัว "คนทำจริง"

---

>> 9th Day : ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และ ยอมรับกับสิ่งที่เสียไป

---

>> 10th Day : อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้

---

>> 11st Day : หัดทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัย โดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้

---

>> 12nd Day : จิตใจของคุณก็เหมือนกับไข่ 1 ฟอง ที่ดูภายนอกแล้วแข็งแกร่ง. . . . . แต่เมื่อคุณลองกระเทาะ เปลือกออกมา ก็จะเห็นว่าคนๆนั้นๆ. . . . . . ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าคุณเลย

---

>> 13rd Day : เขียนชื่อคนที่เราเกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้งความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ

---

>> 14th Day : พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่มอาจไม่สนุกแต่มีประโยชน์แฝงอยู่

---

>> 15th Day : ในวงสนทนาถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรรอยยิ้มช่วยแก้สถานการณ์ได้

---

>> 16th Day : แค่.. "ซื่อสัตย์" และ "เก่ง" คงไม่พอ (อยู่ไม่ได้) ต้อง.. "ทันเกม" และ "มีปฏิภาณไหวพริบรอบคอบ" ด้วย

---

>> 17th Day : อย่ากลัวที่จะลงโทษคนที่ทำผิด...

---

>> 18th Day : อย่าขีดเส้นวงกลมรอบตัวเอง...

---

>> 19th Day : มันเป็นกรรม.. ที่เราต้องทำใจให้ได้ว่า.. "ไม่มีใครเข้าใจอะไรใครได้ง่ายๆ ..."

---

>> 20th Day : ความจริงย่อมคือความจริง ไม่มีวันตายจาก..

---

>> 21st Day : จะอยู่ช้าอยู่เร็วก็ยังไม่รู้ แต่ที่รู้ตอนนี้ก็ใช้เวลาทำในสิ่งที่อยาก

---

>> 22nd Day : เงินไม่มาก ...แต่บั่นทอนกำลังใจ

---

>> 23rd Day : นโยบายอยู่เหนือเหตุผล...

---

>> 24th Day : ทิฐิ..อยู่คนละฝั่งกับเหตุผล

---

>> 25th Day : จุดประสงค์จริง ๆ คือ...ความราบรื่นของการทำงานไม่ใช่หรือ?

---

>> 26th Day : ยศ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีความเพียร มีสติ มีการงานสะอาด

---

>> 27th Day : ใคร่ครวญก่อน แล้วจึงทำ!

---

>> 28th Day : ..เป็นผู้สำรวม มีชีวิตอันประกอบด้วย เมตตาธรรม คุณธรรม และ..ไม่ประมาท

---

>> 29th Day : หากคิดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ นั่นคือต้นทุนที่เราปล่อยให้มันเกิดขึ้นเรื่อย ๆ

---

>> 30th Day : มีบางคน ยอมตายอย่างพร้อมใจ ก็ไม่ปรารถนาทำเรื่องต่ำช้าให้เป็นที่อัปยศ อดสู นั่นจึงเป็นวีระบุรุษที่ยอมตาย โดยไม่ยอมถูกเหยียดหยาม ย่ำยี

---

>> 31st Day : จงเคารพ บูชา พระเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่จงอย่า อ้อนวอน ขอร้องให้ท่านช่วย!

---

>> 32nd Day : จิตใจ มิใช่สิ่งที่ฝึกฝนได้ด้วย "ตำรา" แต่จะต้องฝึกฝนโดยผ่านการต่อสู้จริง ๆ โดยผ่านการปฏิบัติที่เป็นจริง

---

>> 33rd Day : การลำเอียง เข้าข้างตัวเอง เป็นอุปสรรคของการพัฒนาจิตใจ

---

>> 34th Day : ศัตรู มักอยู่ในพวกเดียวกัน

---

>> 35th Day : จงอย่ากลัว การมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว

---

>> 36th Day : หัดวางตัวเอง ให้อยู่ในฐานะ "คู่ต่อสู้" และสร้างความหวั่นไหวให้กับจิตใจคู่ต่อสู้

---

>> 37th Day : ก้าวหน้าไปอีกขั้น ยิ่งทำให้ชีวิตลำบากไปกว่าเดิมหรือเปล่า? ...แต่ไม่ว่าทางข้างหน้าจะวิบากแค่ไหน ก็ต้องเดินไปอยู่ดี!!

---

>> 38th Day : ปัญหา...ที่ได้ยินมักจะบอกว่า..."ไม่รู้" ถ้าไม่รู้ แล้วจะจัดการได้อย่างไร? โดยเฉพาะ ภายใต้ทรัพยากรจำกัด และพลิกผันตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

---

>> 39th Day : แผน ไม่เคยหยุดนิ่ง กลยุทธ์ต้องเท่าทัน หรือดักหน้าด้วยซ้ำ คำว่า "พอ" เท่ากับ "ไม่มี" มีแต่ว่า "แค่นี้" จะทำให้ดีได้อย่างไร!

---

>> 40th Day : มองปัญหาต่างกัน ผูกไปถึงการมองสาเหตุ และการแก้ไขที่ต่างกัน หลักวินิจฉัยเหมือนกัน หรือต่างกันไม่มาก ผลออกมาก็จะต่างกันไม่มาก แต่ถ้าหลักวินิจฉัยต่างกัน + มีอัตตา ก็จะทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคได้ในองค์กร

---

>> 41st Day : ความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่การครอบครอง

---

>> 42nd Day : น้ำที่ลึกและใสจึงจะมีปลา ป่าที่รกและทึบจึงจะมีสัตว์ คนที่มีคุณธรรม ความมั่งคั่งถึงจะมาเยือน

---

~~ To Be Continue ...

From Me...

-----------

CrediT For Every Good Msg. :: Everywhere, Fw Mails & Some Person


Seconds

Friends' blogs
[Add icechick's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.