สิกขิม 14 วันฝันเป็นจริง (ดาร์จีลิ่ง #1)
เช้าวันที่ 29 พ.ค. (วันที่แปดของทริป) เราโดนปลุกโดยบริการมอนิ่งเคาะ...ห้องนอนตอนเจ็ดโมงเช้า เพื่อจะรอขึ้นรถจิ๊ปแชร์ (ซูโม่) ตอนแปดโมงเช้า (สงสัยอยากจะขายอาหารเช้าเราแน่ๆ เพราะเราไม่เคยทานที่โรงแรมนี่สักมื้อเลย...อยากแพงนักนี่...) ได้สมาชิกในรถเป็นแขกสองครอบครัว เราสามคนเลยเลือกนั่งหลังสุด สบายๆ ไม่เบียดกัน และไม่มีการจอดรับนักโบกระหว่างทางด้วย (อ้อ เจ้าของโรงแรมในเพลลิ่งบอกว่าไม่มี service charge แต่พอเราเช็กเอ้าท์ดันคิด charge 10% ฝากไว้ก่อนแขก) ...ถึงเมือง Joethung ซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายก่อนออกจากเขตรัฐสิกขิม เอาพาสปอร์ตไปประทับออก แขกบนรถ..งง..อ้าวเจ้าสามคนข้างหลังเป็นชาวต่างชาติรึ (คนอินเดียไม่ต้องประทับตราเข้า-ออก) แหม หน้าบ่งบอกว่ามาจากยุโรปซะขนาดนี้ ถ้าจะกลับเข้าไปในเขตรัฐสิกขิมต้องรออีก 3 เดือน (ข้อมูลล่าสุดไม่ทราบว่าเปลี่ยนหรือยัง)
นั่งโยกเยก วนซ้ายขวา ขึ้นลงเขา เห็นไร่ชาสองข้างทางก็แปลว่าใกล้ถึงเมืองดาร์จีลิ่ง (Darjeeling) คนขับแวะจอดข้างๆ ไร่ชา ให้ครอบครัวลงไปถ่ายรูป ...เราสามคนจากสยามประเทศ มึน เพลีย ง่วง ซึม เลยไม่ได้ยินดียินร้ายจะวิ่งไปถ่ายรูปด้วย ออกไปยืนท้ายรถ บิดขี้เกียจ ปีนป่ายหลังรถแก้เมื่อย 11.30 น. ก็ถึงแล้ว เห็นความแออัดก็แน่ใจได้ว่าเข้าเขตอินเดียแท้ๆ อีกแล้ว
เมืองดาร์จี่ลิ่ง ได้ชื่อว่าเป็น ราชินีแห่งขุนเขา (Darjeeling Queen of the Hills) มีความสูงประมาณ 2,134 เมตร สมัยอังกฤษครอบครองได้ทำเป็นเมืองพักตากอากาศ ...เราเลือกที่พักที่แรกที่เข้าไปสอบถามเลย เพราะเหนื่อยจากการแบกเป้เดินขึ้นเขามาก ...ชื่อโรงแรม BELLEVVE HOTEL เจ้าของเป็นชาวทิเบต ราคาห้องละ 1000 รูปีต่อจากที่ราคา 1100 รูปี โอ้โห ทำไมแพงจัง แต่พอเห็นห้องแล้ว ตะลึง สวยสมราคาจริงๆ เพราะเป็นห้องเดียวที่ตกแต่งแบบนี้ คือของใช้ทุกอย่างขนมาจากทิเบตตอนอพยพมา ห้องจะอยู่ชั้นบนมองเห็นวิวสวยๆ ถือซะว่านอนห้องฮันนีมูน สวีทกันก็ดีเน๊าะพี่ๆ (จริงๆ ห้องราคาเหมาะกะเราเต็มหมด เหลืออยู่ห้องเดียวเราเลยได้อยู่บนสวรรค์หนึ่งคืน แล้วกลับไปเป็นคนธรรมดาสองคืน) และที่ราคาแพงเพราะอยู่ถนนจอร์ราสต้า (Chorasta) ซึ่งมีของให้ช้อป มีลานจตุรัสสำหรับเป็นที่พักผ่อนของคนดาร์จีลิ่ง และนักท่องเที่ยว ห้องอาหารของโรงแรมสามารถนั่งดูวิวภูเขา และผู้คนที่เดินไปมา ในข้อมูลทีพีวีนหามาบอกว่าตอนเย็นๆ จะมีการเดินสวนสนามของวงดุริยางค์ด้วย....น่าสนใจมาก
ภูมิใจนำเสนอห้องพักมากเลย...ตอนแรกเค้าไม่ยอมให้พักสามคนบอกมีเตียงเดียวนอนได้สองคน แต่เราบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวอีกคนหาที่นอนเองไม่ต้องมีเตียงก็ได้...พอเข้าห้อง ...นอนหกคนยังได้เลย
ชื่นชมดื่มด่ำกับห้องพักเราแล้ว ก็ลงมาหาร้านข้าวเพราะนั่งรถโยกเยกมาหิวมากเลย ...เดินมาตามถนนจอร์ราสต้า สองข้างทางเป็นร้านขายของที่ระลึก มีร้านโปสการ์ด ขนมเค้ก ชา กาแฟ ร้านหนังสือ ตามร้านไม่มีถุงพาสติกใส่ให้นะ ไม่ห่อด้วยกระดาษก็หอบหิ้วกันเอง
พอเติมพลังแล้วก็หาบริษัททัวร์เพื่อซื้อทัวร์เมืองดาร์จีลิ่ง ทัวร์ไปไทเกอร์ฮิว (Tiger Hillz) เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมๆกับชมยอดเขาคันเชงจุงก้า
จองทัวร์สองวันเสร็จ ก็เดินวนไปมาตามเนินเขา วกมาเจอลานจตุรัสจอร์ราชต้า อ้าว...โน่นเห็นหลังคาสไตล์ทิเบตอยู่บนดาดฟ้า นั่นโรงแรมเรานี่นา โธ่เดินทางนี้ใกล้บริษัททัวร์ซะอีก ..เราเลยนั่งที่ลานจอร์ราชต้าเพื่อรอชมวงดุริยางค์ ...นั่งรอ หาข้าวโพดอินเดียปิ้งกิน (ขอบอกแข็งยังกะหินแนะ) ถ่ายรูปคนโน้นคนนี้ ผ่านไป 2 ช.ม. ...ท่าจะแห้วซะแล้ว เลยลุกไปเดินเข้าร้านหนังสือดีกว่า..
เดินเรื่อยเปื่อย หาร้านข้าวเย็น มาถนนจอร์ราสต้าเดินไปจนสุดถนน ก็เจ๊อกะร้านโปรดของพวกเรา ซึ่งร้านนี้เราจองตั้งแต่มื้อเย็นวันแรกไปจนเกือบทุกๆ มื้อในวันกลับเลย จนเด็กเสิร์ฟจำหน้าได้ก็ของเค้าถูกและอร่อยนี่นา แถมบริการดี สั่งครั้งแรกสั่งข้าวเปล่ามาสามจาน เอามาให้จานใหญ่มากข้าวเยอะ แกงและผัดผักจะใส่ถ้วยน้อยๆ อิ่มข้าว พอมื้อต่อๆ ไปเลยสั่งข้าวเปล่าสองจาน ขอจานเปล่าเพิ่มหนึ่ง ...สั่งแบบนี้ทุกครั้งจนน้องๆ เห็นเราสามคนเข้าร้านก็รู้ล่ะว่าจะต้องเตรียมจานเปล่าไว้ ภายนอกร้านแต่งเก๋มาก มีผ้าม่านปิดเป็นสีสันสะดุดตา ร้านเล็กๆ นั่งรอแขกมาเดินช้อปปิ้งยามเย็น แต่...จำชื่อร้านไม่ได้ เลยเรียกร้านขวัญใจเราแทน
อิ่มแล้วรีบเดินกลับห้องวันนี้ไม่อยากช้อป ทั้งๆ ที่ของล่อตาล่อใจล่อเงินในกระเป๋าอยู่ตามทางที่เราเดินกลับที่พัก ที่เมืองดาร์จีลิ่ง จะเป็นคล้ายเมืองเริ่มต้นช้อปเสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวสำหรับไปเที่ยวเมืองในสิกขิม หรือ เป็นเมืองช้อปจุดสุดท้ายก่อนปิ๊กบ้านใครบ้านมัน เพื่อช้อปของฝาก ของแกะสลักทำด้วยเหล็ก ไม้ ของพื้นเมืองทั้งของทิเบต อินเดีย เนปาล ภูฏาน แต่พวกเราเลือกเป็นเมืองสุดท้ายไว้ช้อป เพราะไม่อยากแบกของไปเที่ยวด้วย แต่อยากแบกของฝากกลับบ้านดีกว่า
รีบกลับไปนอนบนสวรรค์ของพวกเราดีกว่า เพราะได้นอนแค่คืนเดียวต้องตื่นตีสองครึ่ง ทัวร์นัดตีสามครึ่ง ดีนะรู้ทางลัดแล้ว ...ทัวร์เสร็จก็ต้องกลับมาตกจากสวรรค์
ตอนหน้าพาไปดู Tiger Hill มาลุ้นดูว่าเราจะได้เห็นยอดคันเชงจุงก้า ยอดเขาสูงอันดับสามของโลกหรือป่าว แล้วก็ไปนั่ง Toy Train มรดกโลกเป็นรถไฟที่เล็กและวิ่งบนที่สูง ดูสิจะรับน้ำหนักป้าตา แล้วขึ้นเขาไหวหรือป่าว
Create Date : 29 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 29 ธันวาคม 2551 16:05:51 น. |
|
8 comments
|
Counter : 1187 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นายรถซุง วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:11:10:06 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:12:48:41 น. |
|
|
|
โดย: โสนบ้านนา วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:16:04:27 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:16:38:04 น. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:20:00:36 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]
|
เมื่อเธอยังอยู่... ทำไมไม่พูดคำว่ารัก แต่เมื่อเธอจากไป... ทำไมอยากพูดคำว่ารัก ทุกทุกวัน ทุกทุกชั่วโมง ทุกทุกนาที ทุกทุกวินาที ณ เวลานี้ ฉันทำได้เพียงพาเธอไปกับฉันทุกทุกที่ เพราะฉันต้องการอยู่กับเธอ... ตลอดเวลา ...ณ ที่เหนือฟ้า ฉันจะพาเธอไปด้วยกัน...
Color Codes ป้ามด
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เจิม......เอาฤกษ์เอาชัย