ตุลาคม 2551

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เที่ยว สิงคโปร์ ชม Merlion
สิงคโปร์เมืองแห่งความหลากหลายของหลายชนชาติวัฒนธรรม

เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นลั่นบ้าน เมื่อคืนผมคิดว่าจะนอนไม่หลับซ่ะแล้วรู้สึกตื่นเต้นยังไงพิกลๆ อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เดินทางไป สุวรรณภูมิ ไปเจอไกด์นำเที่ยวที่นั่น ไกด์ก็แจกตั๋วเครื่องบิน แล้วกลุ่มคณะคุณครูโรงเรียนอนุบาลชลบุรี+ผมก็เข้าgate ไปรอเครื่องบิน2ชม. โอ้วแม่เจ้า ทำไรดีหว่า2ชั่วโมงจะซื้อของ Duty freeก็มีงบจำกัด

เครื่องบินทะยามสู่นภาเวลา 8.20 ตรงมั๊กๆความเสียวซ่านแทรกตัวลงสู่รางกาย เวลาเครื่องทะยานนี่ผมเสียวทุกทีไม่รู้เป็นอะไร อย่างงี้เรียกว่า เสียวกลางอากาศรึเปล่า ^^





ถึงสิงคโปร์ประมาณ11.45 [ถ้าอยู่สิงคโปร์ให้ปรับนาฬิกาเร็วกว่าเมืองไทย1ชั่วโมง ก็เท่ากับที่เมืองไทย10.45ใช้เวลาเดินทาง2ชม.]

ลงจากเครื่องปุ๋บ ท้องมันก็ร้องปั๊บ "หิวโว๊ย หิวโว๊ย" รอสักพัก็มีรถทัวร์มารับไปกินอาหารไทยที่สิงคโปร์






หลังจากทานมื้อกลางวันกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฝนก็ตก [อ้าวเวรกำ กรูจะทำไงว่ะเนี่ยมาเที่ยวฝนดันตก -*-]




แต่สวรรค์ก็ไม่ใจร้ายกับผมมากนัก ผมวิ่งฝ่าฝนขึ้นรถทัวร์ไปสักพัก ฝนก็หยุด ประเทศสิงคโปร์มีภูมิอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทยบ้านเราที่ แต่จะมีเพียง2ฤดู คือ ร้อนกับเปียก [มันมีฤดูเปียกด้วยหรอว่ะ? -*-] ตอนที่ผมไป ฝนตกทุกวัน ตกหนักไม่หนัก นานไม่นาน ขอให้กรุได้ตกเหอะ นั่นคือความสุขของเม็ดฝนที่โปรปรายอยู่ตลอด2คืน3วันที่ผมอยู่ที่นั่น

รถทัวร์แล่นผ่านไปยัง Marina Bay แหล่งรวมโรงแรม และตึก Suntec City [ไกด์บอกว่าลักษณะของตึกเหล่านี้จะมีรูปร่างเหมือนนิ้วมือซ้ายทั้งห้าของมังกร ประเทศนี้ใช้หลักฮวงจุ้ยในการสร้างตึกรามบ้านช่อง ]













หลังจากนั้นไกด์ก็พาไป ชักภาพ ตัวMerlion พร้อมทั้งดูตึกหนามทุเรียน [Esplanade]ซึ่งเป็นโรงละครที่มีชื่อเสียงในสิงคโปร์











Merlion ในสิงคโปร์มีทั้งหมด5ตัว แต่ที่ผมไปถ่ายรูปมา มีแค่2ตัว มีตัวแม่กับตัวลูก [ตัวแม่ใหญ่กว่าตัวลูก] ซึ่งตัวMerlionนี้จะกระจัดกระจายไปตามประเทศสิงคโปร์
และไกด์ก็พาเราไป ย่าย China Town [คิดถึงหนัง เฉือนหลงที่ต่อสู้กันในเขตนี้ ] ย่านนี้จะมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมจีน ผสม อังกฤษ
















หลังจากไหว้พระในวัดเจ้าแม่กวนอิม อิ่มบุญแล้ว ท้องก็ร้องอีกแว้วววววววว
ไกด์ก็นำเราไปกิน อาหารสิงคโปร์มื้อแรกและได้ทาน Sae Food-Chill Crad
[ปูยักผัดอะไรนี่แหละ ซึ่งพอกินปุ๊บ รู้เลยว่า ปูไทยชนะเลิศ ปูที่นี่ตัวใหญ่มาก แต่เนื้อกระจ้อยร่อย] และน้ำซุบก็มีผักบุ้งต้มกับน้ำ น้ำเปล่าประเทศนี้ รองจากก็อกน้ำ มีกลิ่นคอรีนติดอยู่ ซึ่งคนประเทศนี้ก็กินกันแบบนี้ เอ๊ากินก็กิน













และเมื่อทานมื้อเย็นแล้ว เราก็ไปดู สิงคโปร์ไนท์ซาฟารี กันต่อ ซึ่งเราถือว่าโชคดี มาในช่วงที่ทาง สิงคโปร์ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรม Halloween
คนที่เล่นเป็นตัวละคร ผีต่างๆ Creative มากทั้งชุด ทั้งการแสดงActing ใช้ได้







หลังจากชมไนท์ซาฟารี+ผีสิงคโปร์ เสร็จแล้วร้อยเราก็นั่งรถทัวร์กลับ แล้วก็หลับเป็นตายในโรงแรม


7.30 โทรศัพท์ดังเพื่อปลูกลูกทัวร์ให้ตื่น ผมอาบน้ำแต่งตัว พร้อมที่จะลุยต่อสิ่งแรกที่ขาดไม่ได้คือ กล้องที่ต้องดูว่าถ่านกรูจะหมดรึเปล่าว๊า เดี๊ยวจะไม่ได้รูปมาลงบล็อก อิอิ

ทานอาหารเช้าที่โรงแรมซึ่งเป็นแบบ American Breakfast เลี่ยนมากๆ อยากกิน ส้มตำ ยำ3รอบ ต้มซี่โครงหมู แต่ก็กินให้มันอิ่มๆไป

ทัวร์พาเราไปสู่สวนนกจูร่ง [Jurung Bird Park] ระหว่างการเดินทางไปสวนนกนั่น เราจะได้ชมบรรกาศ บ้านที่พักอาศัยของคนสิงคโปร์ คนที่สิงคโปร์ส่วนใหญ่จะอยู่แฟรชกัน ซึ่งราคาถูก ถ้าคนมีเงินหนักๆหน่อยก็จะอยู่บ้านเดี่ยว ซึ่งราคาก็ไม่แพงมาก พื้นที่เล็กๆเมื่อเทียบกับประเทศไทยก็เท่ากับ 7-11 ขนาดประมาณนั้นแต่มี3-4 ชั้นพร้อมสระว่ายน้ำ ที่จอดรถ ราคา2ล้าน ดอลเท่านั้นเอง [1ดอล = 24บาทไทย]
บ้านเมืองของคนสิงคโปร์สะอาดมากกกกกกกก เมื่อเทียบกับตลาดสดของเมืองไทย ระบบต่างๆในสิงคโปร์เป็นระบบ อินฟาเรท เช่นเมื่อเข้าไปในห้างจะมีเครื่องอินฟาเรท ยิงมาที่รถจะได้รู้เวลาเข้า-ออก หรือการเก็บตังค่าผ่านทางก็จะใช้ระบบอินฟาเรท ที่ประเทศสิงคโปร์ถ้าใครอยากเลี้ยงหมา จะต้องจ่ายเงินให้กับรัฐ 1หมื่นดอลต่อปี ถ้าหมาของคุณถ่ายไม่เป็นที่ คุณก็ต้องเก็บเพื่อที่จะให้บริเวณนั้นจะสะอาด ถ้าไม่เก็บจะถูกปรับ แต่ที่ไทย หมาไทยจะปล่อยหนักปล่อยเบาได้ทุกที่ อิสระแห่งการปลดทุกข์ของหมาไทยนี่มันดีตรงนี่เอง

เมื่อถึงสวนนกเราก็ชม นกแพนควิน แล้วก็ชมการแสดงของนกต่างๆ

















































คนที่สิงคโปร์เป็นคนที่กล้าแสดงออกซึ่งผิดกับคนไทย คนไทยแค่ถ้ามองหาคนร่วมแสดง พี่ไทยก็หลบตาแล้วครับพี่น้องส่วนที่สิงคโปร์ ถ้าพิธีกรขอความร่วมมือในการแสดง หลายคนจะยกมือแย่งกัน ซึ่งในรูปเป็นคนไทยที่มาเที่ยวสิงคโปร์คับภาษาอังกฤษเก่งเลย [เมื่อเทียบกับผม]




หลังจากชมนกชมไม้กันเสร็จแล้ว ทัวร์ก็พาเราไปทาน ติ่มซำ ซึ่งเลี่ยนอีกแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการกินที่ดีมากเมื่อเทียบกับประเทศอีก ด้านอาหาร ด้านบริการ สิงคโปร์สู้เราไม่ได้เลย การรับทานอาหารของผมที่ภัตตาคารที่นี่ [ขนาดภัตตาคารน่ะ] เด็กเสิร์ฟ กระแทกจานเมื่อวางจานอาหาร,เก็บจานข้ามหัว 9ล9

เมื่ออิ่มเราก็ไปสู่เกาะเซนโตซ่า โดยนั่งกระเช้าลอยฟ้า







หลังจากนั้นก็เข้าสู่ Merlion Tower สนุกกับกิจกรรมต่างๆ ซึ่งผมอธิบายไม่ถูก ชมรูปกันไปและกันน่ะคับพี่น้อง ^^











หลังจากนั้นก็ทานอาหารกันที่เกาะเซนโตซ่าแล้วเดินทางกลับที่พัก






ค่าเบียร์ที่นี่ กระป๋องล่ะ2ดอลขึ้นไปครับ มีหลากหลายยี่ห้อมากคับ ช้างก็มีไกด์บอกว่า ช้างเพิ่งจะมาตีตลาดที่สิงคโปร์ บุหรี่นี่ซองล่ะ 9ดอลเมื่อเทียบกับเงินไทย ก็ซองล่ะประมาณ216บาทโดยประมาณ

น้ำเปล่าที่นี่ขวดล่ะ 2ดอล
เลย์ถุงเล็ก2ดอล

แล้วผมก็ซัดเบียร์ไป2กระป๋องแล้วก็หลับฝันดี ราตรีสวัส





ตื่นเช้ามาทานอาหารแบบเดิม American Breakfast เดินทางไปสู่ Singapore Flyer [ชิงช้าสวรรค์] ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 165เมตร สามารถมองเห็นวิวได้ทั้ง360องศา



















ภาพเก็บตกครับผม















































หลังจากนั้นเราก็ช็อปปิ้ง เครื่องออกจาก สิงคโปร์ตอน18.15 ถึงสุวรรรณภูมโดยสวัสดิภาพ





Create Date : 21 ตุลาคม 2551
Last Update : 21 ตุลาคม 2551 13:26:20 น.
Counter : 3245 Pageviews.

24 comments
  
บ้านเมืองเค้าดูไม่ต่างจากบ้านเรา
แต่ดูสะอาดและสงบจังอ่ะค่ะ
แวะมาทักทาย เป็นเพื่อนบ้านกันนะคะ
โดย: หวานหมี (SweetVanilje@Norway ) วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:14:40:40 น.
  
เห็นรูป shophouse ทีไร คิดถึงสิงคโปร์ทุกทีเลยค่ะ
โดย: koipotter วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:15:13:27 น.
  
เราไปเมื่อปีที่แล้ว singapore flyer ยังไม่เสร็จเลยค่ะ อยากไปนั่งมั่งจัง
โดย: zonier วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:20:02:07 น.
  
อยากไปบ้างจัง อยากนั่งกระเช้าลอยฟ้าคงสูงดีมองเห็นข้างล่าง คงสวยดีน่ะคะ
โดย: junezheez (zheezhana ) วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:4:39:17 น.
  
เที่ยวกันสนุกเลยนะคุณ อิจฉาค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บล็อกนะ
โดย: BeachBum วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:8:53:53 น.
  
ภาพสวยดีนะคะ บรรยกาศคล้ายบ้านเราเลยอ่าเนอะ ^^
โดย: Bobolink (potjanee ) วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:9:53:00 น.
  
สวยดี ดูสะอาดไม่พลุกพล่าน แต่ก็ทันสมัยอ่ะ

ปล.ไม่เคยไปเมืองนอกเมืองนากะเค้าซักทีหรอก เฮ้อ
โดย: The eye of earth วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:13:56:11 น.
  
แวะมาดูค่ะ

เคยไปสิงค์ เมื่อหลายปีก่อน มานั่งดูบล๊อคนี้ย้อนความหลัง
โดย: @~UltRaViOleT~@ วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:14:19:42 น.
  
เหมือนไทยมากเลยค่ะ แต่ท่าทางสอาดสะอ้านน่าอยู่กว่ามาก
โดย: pem_kesang (ployzeus ) วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:18:08:02 น.
  
น่าหนุกดีนะคะ

แต่ผีน่ากลัวอ่ะ
โดย: รัตตะ (ratta ) วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:21:52:35 น.
  
บ้านเมืองเขาสะอาดดีนะค่ะ
น่าไปเทียวนะค่ะ
โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:5:59:01 น.
  
แวะมาเที่ยวด้วยคนครับ กว่าที่จะมีโอกาสได้ไปบ้างคงต้องมีอายุสักสี่สิบห้าสิบมั้ง เพราะต้องเก็บเงินเหลือเก็บเหลือใช้เหลือเที่ยวต่างประเทศ ฮือ...
โดย: ดอกกรรณิการ์ วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:13:59:59 น.
  
อ่อ ที่บอกว่าสิ้นเดือนจะไปบ้านนอก ก็คือ กลับบ้านที่ ตจว. อ่าค่ะ (จ.อุทัยธานี) ^^
โดย: Bobolink (potjanee ) วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:9:08:04 น.
  
หนังเรื่องปืนใหญ่ฯ

เนื้อเรื่องให้ซัก 4 ดาว

แต่การตัดต่อมันไม่ค่อยลื่นไหล

แรกๆ ดี แต่หลังๆ ดูเร่งๆ

คงเพราะเวลาหนังมันจำกัด

หลายๆ อย่างมันยากที่จะให้เป็นไปตามตัวอักษร

ก็ลองดูหนังก่อนแล้วอ่าน บุหงาปารีอีกที

ก็ดีนะคะ มันเหมือนเข้าไปเติมเต็มหนัง

อยากไปสิงคโปร์บ้างจัง
โดย: มังกรเขียวหัวยุ่ง (cruduslife ) วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:9:33:12 น.
  
สวัสดีค่ะ
ยินดีที่ไปเยี่ยมบล็อกนะคะ


โดย: เอื้องสามปอย วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:19:41:19 น.
  
อยากบอกมากเลยว่าหลานก็เมาเครื่อง 555+
ไม่ชอบมากๆๆเลยกับการนั่งเครื่อง คือชอบเล่นนะคะไอ้ประเภามเครื่องเล่นเสียวๆ แต่ไอ้เสียวบนเครื่องนี่หายใจไม่ออก เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง
โดย: karnkraw วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:21:27:12 น.
  
ยินดีค่ะที่เจ้าชายฟลุกแวะไปเยี่ยมบ้านพี่หินฯ
ตามมาเจอสิงคโปร์ อิจฉาบ้านเค้าตรงสอาดนี่แหละนะ
ดูแลปัดกวาดเช็ดถูกันดีจัง

ที่เจ้าชายฟลุก ว่า ภาพโมนา ลิซ่า ถ้ามองตา ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหน ซ้าย ขวา หรือกลาง จะเหมือนเธอจ้องมองเราทุกมุมมองนั่น จริงค่ะ แต่เรื่องนี้ไม่แปลกนะคะ มีภาพหลายภาพที่เป็นแบบนี้
คนเขียนเค้าเข้าใจค่ะ พี่เองมีภาพถ่ายอยู่ภาพหนึ่ง เป็นแบบนี้ คือไม่ว่าเราอยู่ตรงไหน ต่อหน้าภาพนั้น นัยน์ตาเจ้าของภาพจะตามเราไปทุกมุม ช่างภาพคนที่ถ่ายนี้เก่งมากๆ ค่ะ



โดย: หินทิเบตก้อนสุดท้าย (last_tibetstone ) วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:5:54:07 น.
  
แวะมาอีกแล้วค่ะ
พี่จะพยายามค้นภาพที่ว่าจากแฟ้มในคอมนะคะ

ที่บ้านพี่มีอยู่ค่ะ เพราะภาพนั้นคือภาพคนรักของพี่ที่ตายจากไปแล้วหกปีก่อน
ใครมาเห็นภาพเค้าจะพูดเป็นเสียงเดียวว่าเหมือนเค้าจับตาดูเราอยู่ ทุกมุมเลย

ช่างภาพที่ถ่ายชื่อคุณวิศาล น้ำค้าง ถ่ายรูปได้เก่งมากค่ะ
โดย: หินทิเบตก้อนสุดท้าย IP: 203.170.208.171 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:32:25 น.
  
มะอัพไดเลยนิ ^^
โดย: Bobolink (potjanee ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:07:44 น.
  
ขอบคุณที่ไปทักทายค่ะ

ตามไปเที่ยวด้วยคนน้า
โดย: pataramin วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:53:56 น.
  
ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อกนะคะ
โดย: prncess วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:08:52 น.
  
ว้าววว...

ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะเจ้าชาย ...

กระเช้าไฟฟ้ากับชิงช้าสวรรค์ ... แต่ ..เอ่อ เรากลัวความสูง


โดย: sorry about that วันที่: 16 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:31:05 น.
  
หายไปเที่ยวมานี้เอง แวะมาทักทายค่ะ
โดย: kun_isara วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:25:47 น.
  
ขอบคุณครับที่พาเที่ยวประเทศที่ผมไม่เคยไป
โดย: basbas วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:39:49 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าชายฟลุค
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



การเดินทางของเศษเสี้ยวกลไล เพื่อที่ผลักดันให้ตัวเองมีชิวิตเรียนรู้ คำว่าโลก