อัมพวา ความสงบอันแสนสุข

สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทยแต่มีรายได้เฉลี่ยต่อพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย

จังหวัดเล็กๆแห่งนี้ยังมีสิ่งที่น่าคนหาอยู่มากนอกเหนือจากความเป็นชนบทแล้ว พื่นที่อันน้อยนิดแห่งนี้เมื่อเทียบกับพื้นที่ของประเทศไทยก็ประมาณ บนภูกระดึงเท่านั้นเอง


ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดว่าจะไปเที่ยวที่นี่หรอก แต่เพื่อนๆในกลุ่มอยากไป "อ้าวไปก็ไป " ตอนแรกก็คิดว่ามันจะเหมือนตลาดน้ำดำเนินสะดวก คนเยอะแยะ ร้อนก็ร้อน ไปเช้าเย็นกลับ


และเมื่อปิดเทอมสุดท้ายของชีวิตมหาวิทยาลัย เราก็ติดต่อไปยังที่พักซึ่งนั่นก็คือ "บ้านแม่อารมณ์" อ่า!!! อย่าคิดไกล บ้านแม่อารมณ์+ดี พอได้เข้าไปอยู่ อารมณ์ดีจริงๆ น้ำไหลผ่านหน้าบ้าน ที่พักแบบโฮมสเตร์+ทริปท่องเที่ยว ราคา 600 บาท ซึ่งคุ้มมาก คุ้มกว่าการที่เสียเงินไปเที่ยวผับ 1คืน เสียอีก




หลังจากสอบเสร็จโดยบริบูรณ์ เราก็จัดของเตรียมตัวไปตะลุย อัมพวา
เรานั่งรถจาก ม.บูรพา ไปถึงที่ กทม. เวลา11.00น. แวะกินก๋วยเตี๊ยวเรือที่อนุสาวรีย์ถึงจึงบ่ายโมง [ก๋วยเตี๊ยวเรืออร่อยมาก ชามล่ะ7บาท]

เมื่อท้องอิ่ม หนังตาหย่อน เราก็ไปขึ้นรถที่ท่ารถและหลับในรถกัน ซึ่งราคา 70บาท จากกรุงเทพถึงสมุทรสงคราม เวลาเดินทางจาก กทม.ถึงสมุทรสงครามใช้เวลาเพียง40ถึง50นาที เท่านั้นเอง

หลังจากถึง สมุทรสงครามแล้ว เราก็นั่งรถต่อไปยังอำพวา ค่ารถราคา 10 บาท บอกคนขับรถเค้าว่า ไปว่า "ลุงไปลง อัมพวา ตรงโรงเจ"
สายลมปะทะเป็นระยะ ไม่นานนักเราก็ถึง อัมพวา



เมื่อถึง "บ้านแม่อารมณ์"แล้ว เราก็เอาของเก็บที่พักโฮมสเตร์ ซึ่งผมคิดว่า เป็นบรรยากาศแบบ "เฮ้ย นี่มันบ้านเมิงหรอว่ะ? น่าอยู่ว่ะ" อารมณ์ประมาณไปเห็นบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัดซึ่งเจ้าของที่พักใจดีมาก











หลังจากเราเอาสัมภาระออกจากตัวแล้ว เราก็พักผ่อนตามอัธยาศัย ระหว่างที่ต่างคนต่างนอนต่างกินบนบ้านพัก ริมระเบียงจะมีเรือพายมาขายของตามระยะ ซึ่งอาหารมื้อแรกของเราที่ได้กินกันที่นี่คือ หมี่ญวน









กินเสร็จนอนหลับ รอเวลาถึง5โมง ซึ่งตลาดน้ำแห่งนี้จะคึกคักประมาณ5โมงเย็น

พอถึงเวลา เราก็เตรียมกล้องไปชักภาพกันต่อ









ตามร้านยังเป็นบรรยากาศแบบร้านขายของชำ ซึ่งจะมีของแขวน มีอาแป๊ะนุ่งกางเกงขาก๊วย ปาซิ่มใส่เสื้อคอกระเช้ามายืนขายของหน้าร้าน

อาหารที่นี่อร่อยมากพอเราเดินเที่ยวจนเหนื่อยแล้วเราก็กลับไปยังที่บ้านแม่อารมณ์เพื่อเตรียมตัวไปดู หิ่งห้อย กันในเวลา 20.30น.

ระหว่างรอ



















เรือเทียบท่าตรงเวลา เรากับThe gang ก็ขึ้นเรือ ดูหิ่งห้อย ซึ่งหิ่งห้อยตัวผู้จะมีแสงใหญ่กว่าตัวเมีย การที่จะมีหิ่งห้อยนั้น น้ำต้องสะอาดและมีต้นลำภูบริเวณชายน้ำ หิ่งห้อยจะวางไข่ในน้ำ และจะเกิดเป็นดักแด้ พอเป็นดักแด้เสร็จ ก็จะกลายร่างมาเป็นหิ่งห้อยให้พวกเราเห็นเป็นเวลา15วัน หลังจากนั้นก็ จะตาย


พอเราศึกษาธรรมชาติเสร็จประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เราก็นั่งจิบเบียร์เย็นๆ ริมลำน้ำอำพวา จนถึง 5 ทุ่มแล้วก็เข้านอน หลับฝันดี [ทางอำพวามีกำหนดไว้ว่า หลัง 23.00น. ทุกบ้านห้ามส่งเสียงดัง เพื่อที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยของหมู่บ้าน ]


ตื่นเช้า ตี5.30น. ล้างหน้าแปรงฟัน ฟันล่าง ฟันบนให้สะอาดทำจิตใจให้สะอาดทาง แม่อารมณ์จัดเตรียมของใส่บาตรไว้ให้เรียบร้อย เราแค่รอเวลาที่พระท่านมาบินฑบาตร เราก็หยิบของใส่บาตรให้ท่านก็เสร็จเรียบร้อย
[พระที่นี่พายเรือมาใส่บาตรเอง หรือไม่ก็ มีเด็กวัดพายให้]








เมื่อตักบาตรทำบุญแล้ว เราก็ไปอาบน้ำแล้วก็ออกมา ชักภาพกันต่อ
























เหนื่อยนักก็นั่งพักสักแปป





กาแฟที่นี่ ยังมีแก้วล่ะ 8บาทอยู่








หลังจากที่ชักภาพเสร็จแล้ว The gang กับคุณเจ้าของที่พัก ก็พาเราปั่นจักกะยาน ทัวรอบ อำพวา ซึ่งการที่จะทัวร์อำพวาเสร็จทุกที่ ต้องทัวร์ถึงสอบวัน แต่เวลา+เงินเรามีจำกัด เลยได้แค่ปริบย่อยๆ ปั่นกันน่องโตเลย 8.30 ถึง12.30





เมื่อทัวร์รอบอัมพวาเสร็จเราก็พักกินกาแฟนร้านนี้ นี่เลยแนะนำ ราคาแบล็คแคนยอนใน กทม.แก้วล่ะ 100กว่าบาท แต่ที่นี่ 15 บาท ต่างกันแค่ ยี่ห้อคับพี่น้อง





รอกาแฟย่อยเราก็ไปถ่ายรูปกันเล่น แล้วก็ไปกินข้าวกลางวันกันต่อ





ระหว่างที่เราทัวร์กัน คุณเจ้าของที่พักบ้านแม่อารมณ์ ก็จะอธิบายไปแต่ล่ะที่เหมือนเป็นไกด์ในการทัวร์ ได้ความรู้มากครับทริปนี้





ต้องขอขอบพระคุณ ท่านเจ้าของที่พักบ้านแม่อารมณ์ที่ใจได้ให้พวกเราต่อลมหายใจกันถึง 4โมงครึ่งแล้วค่อยออกจากที่พัก เดินทางกลับสู่ ชลบุรี




สรุปทริปนี้ใช้เงินไป จากชลบุรี ถึง อัมพวา ไปกลับ รวม ค่าเบียร์ รวมของฝากอีก ไม่เกิน1500 บาทต่อคน [ถ้าไม่กินมากจนเกินไปน่ะครับ ^^]

Create Date : 14 ตุลาคม 2551 Last Update : 14 ตุลาคม 2551 20:38:20 น. Counter : 2015 Pageviews.		12 comments
Share Tweet