|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
แม่นาคพระโขนง ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
ก่อนอื่นต้องทักทายคนที่เข้ามาอ่านบล็อคนี้แบบขาประจำ ซึ่งเรียกได้ว่าน้อยอยู่แล้วอ่ะนะ แต่ก็คิดว่าก็พอมีแหละ(เดาอ่ะ) ก็ไม่ได้หวังว่ามันจะเยอะนักหรอกครับ และเท่าที่ประเมินการเขียนบทความที่มันไม่ใช่ทั้งบทวิจารณ์ (เนื่องจากมือไม่ถึง) ไม่ใช่การวิเคราะห์ (เพราะข้อมูลในหัวก็ไม่ได้มีมาก) และมันก็ไม่ใช่บทความที่มีทิศทางชัดเจนว่ามันจะไปทางใด มันเลยทำให้การเขียนบล็อคมันไม่มีทิศทางแท้ ๆ ของมัน ก็ได้แต่เขียน ๆ ไปตามอารมณ์
สรุปเอาเองเลยแล้วกันว่า การเขียนบล็อคเกี่ยวกับหนังแบบมือสมัครเล่นนี่มันช่างเป็นเรื่องที่ไร้ซึ่งพรหมแดน และไร้ซึ่งการตอบรับ ใจจริงที่เปิดบล็อคแล้วพ่น ๆ ข้อความทั้งหลายแหล่นี่ก็เพื่อให้มีการตอบกลับในลักษณะมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันอ่ะครับ แต่เท่าที่เห็นก็ไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่เว้นเสียแต่มันเป็นเรื่องที่อยู่ในกระแสหลัก ๆ
เอาเถอะครับ ก็ตอนนี้ก็ได้แต่จะต้องมาหาทิศทางของตัวเองกับการเขียนว่ามันควรจะไปอยู่ทางใดดี เพราะตอนนี้อีกห้องหนึ่งที่เป็นห้องบ่นนี่ก็ไม่ได้เขียนเพิ่มอีกเลย แต่กลับมาเขียนหน้าหลักแทน อีกทั้งมีการเสียดสีอย่างที่เห็น ทั้งที่ใจจริงตัวบทความที่เขียนในลักษณะการเขียนถึงหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็จะพยายามเป็นกลางอยู่เสมอ
ตอนนี้ก็บอกได้แต่ฝีมือตัวเองยังน้อย และยังไม่สามารถสรุปทิศทางของการเขียนว่าจะเป็นลักษณะอย่างไร ก็ได้แต่หวังว่ามันจะดีขึ้น ๆ และเจอรูปแบบของตัวมันเองได้ เชื่อว่าถึงตอนนั้นก็คงพอที่จะเจียดเวลาที่มีไม่เยอะมาเขียนบล็อคอ่ะนะครับ
การเขียนในวันนี้ผมบอกตรง ๆ ว่าจะเป็นวิธีการที่ผมพยายามเลี่ยงที่จะเขียนออกมาแบบนี้มากที่สุด อาจเป็นเพราะเห็นวิธีการแบบนี้แบบทั่ว ๆ ไปละมั้ง แต่ก็ลองเปลี่ยนดูแล้วกัน เพราะมันเป็นเรื่องความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ --------------- แม่นาคพระโขนง ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
ตั้งแต่มีสื่อภาพยนตร์มาในประเทศไทยนี่ ตำนานเรื่องแม่นาคนี่จะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวงการทั้งหนังโรงและละครฉายทางโทรทัศน์เสียจริง และทุกครั้งที่เรื่องเล่าขานนี้สร้างออกมา ก็จะมีกระแสตอบรับจากผู้ชมอย่างล้นหลาม มันก็คงรวมไปถึงวรรณกรรมเรื่องอื่น ๆ ที่สร้างแล้วสร้างอีกแล้วคนก็ยังดูอย่าง บ้านทรายทอง, คู่กรรม, ดาวพระศุกร์
ครั้งนี้ของแม่นาคพระโขนงเป็นหนังที่กำกับโดยผกก.ชาวตะวันตก ซึ่งการทำงานครั้งนี้มีความน่าสนใจตรงที่หนังมันจะออกมาในรูปแบบของสิ่งที่เขาเห็นและพยายามทำความเข้าใจในหลายสิ่งหลายอย่างของสังคมไทยในปัจจุบัน
หนังทำเก๋โดยการมีพระเอกชื่อ "มาก" และนางเอกชื่อ "นาก" เมื่อเราดูแรก ๆ มันเหมือนกับเอาตำนานเรื่องแม่นาคนี่มาปรับยุคปรับสมัยหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะอาจหาญมากที่จะมาพยายามเปลี่ยนแปลงความคิดของคนไทยที่มีอยู่ แต่ก็กลับไม่ใช่ หนังกลับไปใช้ประโยชน์ของตำนานนี้ในทางเรื่องเล่าขานมากกว่า
นายมากในยุคปัจจุบันเป็นนายตำรวจ และนาง(สาว)นากในยุคปัจจุบันเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ดูมีระดับ นั่นไงหละ ความกล้าที่ผกก.เอาชื่อที่เรารู้จักมาเป็นตัวละครเอก โดยปรากฏเรื่องสยอง ๆ กับคู่รักที่รักกันปานจะกลืนตลอดเวลา อีกทั้งเบื้องหลังของความสยองขวัญนั้นมันคือเรื่องเล่าขานของตำนานแม่นาคพระโขนง
หนังให้น้ำหนักของตำนานความรักของแม่นาคไปในทางที่เด็กรุ่นใหม่ ๆ น้อยคนที่รู้จัก ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าผกก.มีความเข้าใจในส่วนนี้มากแค่ไหน หรือต้องการสื่ออะไรบางอย่างกับคนดูในจุดนี้ อีกทั้งการทำความเข้าใจในสังคมไทยในปัจจุบันนั้นมีมากน้อยแค่ไหน เพราะจากภูมิหลังของตัวละครอย่างนายมาก กับนาง(สาว)นากนั้นเป็นคนสมัยใหม่เอามาก ๆ โดยดูได้จากการแต่งเนื้อแต่งตัว ลักษณะการใช้ชีวิตที่ดูเป็นสาวปีสองพัน แต่ผกก.ก็ยัดเยียดความเชื่อบางสิ่งบางอย่างที่ดูมันออกจะงมงาย ทั้งที่สังคมไทยโดยเฉพาะเมืองกรุงนั้นค่อนข้างเหลือไม่มากกับเรื่องพวกนี้โดยเฉพาะกับเด็กรุ่นใหม่ ๆ อย่างไรเสียมุมมองของผกก.ในแง่ของเรื่องครอบครัวในสังคมไทยนั้นก็ดูดีไม่ต่างจากที่เราสามารถเห็นได้ตามละครน้ำดีในละครโทรทัศน์บ้านเราอยู่เช่นกัน
ที่เราจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็เห็นจะเป็นการได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์เรื่อง "นางนาก" ของคุณนนทรีย์ นิมิบุตรไปแบบเต็ม ๆ (ซึ่งผกก.เองก็ยอมรับว่าได้รับอิทธิพลมาเต็ม ๆ) ซึ่งแสดงออกมาทางภาพทุกช็อตที่เป็นภาพย้อนยุคไปในสมัยเมื่อร้อยกว่าปีก่อนนั้นมันเหมือนกับลอกจากหนังเรื่องดังกล่าวไม่มีผิด เพียงแต่การนำประเด็นออกมาใช้ต่างกันเท่านั้น
ตัวหนังก็ดูสนุกเพลิน ๆ ไปได้ระดับหนึ่ง แต่ก็พอตอนจบก็พาคนมึนไปตาม ๆ กัน ไม่รู้ว่ากลัวเป็นสูตรสำเร็จมากไปหรืออย่างไร ทั้งที่วิธีการนำเสนอภาพ โดยเฉพาะในฉากผีหลอกที่จะมาหลอกคนดูนั้นมันเป็นสูตรสำเร็จธรรมดา ๆ อยู่แล้ว และการแสดงของนักแสดงนำก็ได้เพียงพอให้เราเชื่อได้บ้างในระดับหนึ่ง(แต่ก็ไม่ต่างจากละครโทรทัศน์สักเท่าไหร่) ส่วนที่ต้องขอชมมากหน่อยก็เห็นจะเป็นการถ่ายภาพที่ผกก.ภาพนั้นเป็นชาวต่างประเทศเหมือนกันทำให้ลักษณะของการใช้ภาพดูมีความแปลกใหม่และมีลูกเล่นที่ไม่เห็นบ่อยนักในหนังไทยโดยเฉพาะหนังที่ไม่ได้เน้นทางด้านโปรดักชั่น
ขออีกนิดนึงในเรื่องของการร่วมทุนของค่ายบ็อกซ์ออฟฟิศเอนเตอร์เทนเม้นท์ที่ร่วมทุนกับต่างประเทศ ซึ่งการร่วมทุนในลักษณะนี้ก็เป็นแนวคิดที่ดูเข้าท่าดี แต่ก็อยากให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะจากโปรเจ็กต์ที่เห็นหลายเรื่องอย่าง Pattaya Paradise, Ghost of Mae Nak นี้กับ P ี เนี่ยก็เป็นการมองเมืองไทยในมุมมองของต่างชาติล้วน ๆ
Create Date : 19 กันยายน 2548 |
|
7 comments |
Last Update : 19 กันยายน 2548 18:18:05 น. |
Counter : 2916 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: เนตรชนก IP: 58.147.41.180 16 มีนาคม 2549 13:06:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหนียงยาน IP: 58.147.43.228 1 สิงหาคม 2549 22:51:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนคู่ IP: 203.156.44.193 12 พฤศจิกายน 2549 13:45:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: เม้อิ่ด IP: 203.188.9.164 18 มีนาคม 2550 12:27:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: นุ๊ก เมย์ โอม IP: 203.113.17.168 6 กรกฎาคม 2550 12:11:07 น. |
|
|
|
| |
|
|
ค่อยๆ เขียนไปค่ะ จริงๆ ไม่ต้องคาดหวังว่างานต้องดีต้องเริ่ดหรอก รู้สึกอย่างไรก็เขียนอย่างนั้น (เราเองก็เป็นงั้นแหละ)
เราเองก็อ่านเอาความรู้สึกของคนดูหนังด้วยกันนี่แหละค่ะ...เป็นสำคัญ
สวัสดีวันจันทร์นะคะ