สับ ๆ ๆ ไมเคิล เบย์ วันนี้นายรับเคราะห์
***ผลของการที่มีคนมาเถียงปกป้องหนังสุดรักของเขา ทำให้ผมต้องขอบคุณเขามากที่ทำให้ผมสามารถกลับไปดูแผลอันเหวอะหวะของหนังที่เขาชอบได้ชี้แจงแถลงไข การกระทำนี้ไม่ได้ทำเพื่อการชี้จูงให้เกิดความจงเกลียดจงชังอะไรแต่อย่างใด เราไม่ได้ชี้นำให้เกลียดหนัง mainstream จ๋าหรือฮอลลีวู้ดจ๋า และต่อต้านพวกที่มองหนังเพียงด้านเดียว วันนี้ไมเคิล เบย์ต้องโดนไปเต็ม ๆ เพราะจะนำเอาสิ่งที่ไมเคิล เบย์ทำซ้ำ ๆ หลายต่อหลายครั้งเพื่อหลอกเอาเงินจากกระเป๋าคนดูหนังทั่วโลก ซึ่งถามจริงยังไม่เบื่ออีกหรือยังไง ถ้าไม่เบื่อ ก็จะได้แจกแจงมาให้ดูสิ่งต่าง ๆ ดังที่จะได้กล่าวต่อไปขึ้นชื่อว่าไมเคิล เบย์ นั้น เขาเป็นผกก. ที่พอซัมเมอร์ทีไร หากไม่มีหนังของเขาแล้ว เหมือนขาดอะไรไปเหมือนกัน แต่นี่คงเทียบไม่ได้ ถ้าหากหนังพี่เบย์จะไม่มีอะไรใหม่ให้ดูจริง ๆ ภาพตัดต่อฉับไว และฉากที่ดูอลังยิ่งใหญ่ มุมกล้องและแสง แม้ว่าจะทำออกมาได้ดูสนุก หรือเร้าใจอย่างไรก็ตาม มันก็ยังใช้รูปแบบและวิธีการเดิม ๆ เริ่มจากการนำเสนอของเรื่อง ที่เบย์จะมีสูตรเป็นของเขาเอง (ซึ่งก็ดัดแปลงจากตำราเขียนบทพื้นฐานเท่านั้น) สูตรของเบย์ออกมาเป็นดังนี้Bay's Formula .... นำมาเทียบกับหนังสามเรื่องของเขาThe RockAmageddonPearl HarborBad Boys นี่เสียดายที่ไม่ได้ดูทั้งสองภาคต่อมาก็อีกเรื่องหนึ่ง The Island (อ่านว่า อาร์ย แลนด์) เนี่ยนะ บทเป็นของคนอื่น ซึ่งไม่ได้มาตามฟอร์มของเบย์ก็จริง แต่สุดท้าย เบย์ก็สามารถเอากลับมาที่เดิมได้ดังนี้ตัวละครสองตัวอาจไม่ใช่คู่กัดกัน ---> แต่เขาต้องร่วมปฏิบัติการเดียวกันเรื่องนี้ก็ยังมีอุปสรรคที่ทำให้ปฏิบัติการไม่เป็นไปได้ง่ายนัก ดังเช่น มนุษย์โคลนเจอตัวจริง แต่ตัวจริงไม่เล่นด้วยน้ำหนักที่อ่อนยวบยาบในการตัดสินใจของตัวละคร ทั้งการตัดสินใจเลือกตัวยิงของคนผิวดำที่ถูกจ้างมา และการเลือกที่จะเปลี่ยนใจของเขาในภายหลังที่หันมาช่วยพระเอกTurning point ของเรื่องนี้อาจแตกต่างไปจากเดิมสักหน่อย ที่ตัวละครเอกนั้นรอดจากอันตรายต่าง ๆ แล้ว แต่เขากลับเลือกกลับไปช่วยเพื่อน ๆ เขา ในขณะที่เรื่องอื่น ๆ ตัวละครหลัก ๆ ยังคงทำปฏิบัติการนั้นอยู่ซึ่งจะต้องมีอุปสรรคใด ๆ ก็ตามที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ง่ายดายตามที่คาดไว้ฉากเลิฟซีน ที่จะมีแสงแดดส่องลอดออกมาทางผ้าม่าน ที่คุณจะเห็นได้ใน Amageddon และ Pearl Harbor ฉากที่ตัวละครที่เป็นเจ้าขององค์กรมนุษย์โคลนก็พูดกล่าวพร่ามสั่งการด้วยคำพูดเลี่ยน ๆ แล้วภาพก็ตัด ฉับ ๆ ๆ ๆ ๆ ที่เห็น ๆ กันในเรื่องก่อน ๆ (น่ารำคาญ)เรื่องนี้ ตอนจบอาจไม่เหมือนไปบ้างก็ตรงที่มันคลี่คลายแต่ก็ยังดูโอเวอร์ตามประเภทหนังไซไฟต่าง ๆจริง ๆ เรื่องนี้มันมีสูตรของมันอยู่เหมือนกัน แต่เบย์เขากลับเอาสิ่งเดิม ๆ ที่เขามีเข้ามาเล่นด้วยเท่านั้น สูตรเดิม ๆ นั้นขอได้อธิบายคร่าว ๆ ดังนี้ตัวละครอยู่ในโลกที่สมบูรณ์เกินเหตุเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ---> ตัวละครรับรู้ความผิดปกติของตัวเอง ---> ตัวละครพบเจอกับต้นเหตุของความผิดปกติ ---> ตัวละครวิ่งหนี ---> หนีพ้นแล้วยังต้องกลับมาตามล้างแค้น ---> สุดท้ายตัวการเป็นคนที่ตัวละครคาดไม่ถึงแต่แรก---ตัวอย่างหนังสูตรนี้ Minority Report, The 6th Dayอืมมม........ จะว่าไปแล้ว หนังทำตามกฏมันไม่ผิด เพียงแต่คุณจะมีวิธีการไหนต่างหากที่ทำให้ดูน่าสนใจ หากแต่ว่าความรู้สึกน่าสนใจมันมีเพียงแค่สูตรสำเร็จเดิม ๆ แล้ววนไปวนมากับที่ คงจะไม่น่าจะเรียกเป็นหนังที่ดูดีสักเท่าไหร่สุดท้าย ดูหนังเหล่านี้ อย่าคิดมาก คือถ้าคิดเนี่ย มันทำให้ดูหนังไม่สนุกไหม ก็ไม่แน่ เอาเถอะ อย่าคิดมาก ........ เพราะผมคิดให้หมดแล้ว
ผมชอบ The Rock ของพี่ท่านมากที่สุดแล้วล่ะครับ