เรื่องเล่าจากความโหดร้าย
คัดลอกจากจุลสาร "ก้าวใหม่" ซึ่งเป็นจุลสารของเพื่อนร่วมวิชาชีพ เพื่อสร้างฉันทามติในการก้าวไปสู่หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างมีส่วนร่วม ปีที่ 4 ฉบับที่ 41 ประจำเดือนกันยายน 2550 ฉบับนี้ เพิ่งได้รับเมื่อวานนี้ ที่หน้าปกมีข้อความ "ยืนหยัดอย่างมีค่ากลางเปลวไฟ"
"วชิระ เวียงจันทร์ นักวิชาการสาธารณสุข สถานีอนามัยทุ่งพอ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ถูกลอบยิงปางตายหลังจากใช้ชีวิตทำงานอยู่ที่นี่นานถึง 20 ปี หลังจากเรียนจบจาวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา วชิระเริ่มต้นชีวิตการทำงานของเขาที่สถานีอนามัยแห่งนี้ หนึ่งในงานประจำของเขาคือการเยี่ยมบ้าน ซึ่งทำให้วชิระรู้จักคนในชุมชนเป็นอย่างดี รู้จักกันหมด บอกได้หมดว่าเป็นใคร ทำอาชีพอะไรพ่อแม่เป็นใคร บ้านอยู่ตรงไหน เด็กรุ่นหนุ่มในหมู่บ้านเรียกว่าผมรู้จักเขาตั้งแต่ยังไม่เกิด เพราะแม่มาฝากท้องที่สถานีอนามัย พอคลอดผมนี่แหละเป็นคนไปหยอดวัคซีนแรกเกิดให้กับพวกเขา ด้วยความใกล้ชิดเช่นนี้ วชิระจึงไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะเจอประสบการณ์เลวร้าย วันที่ 27 ตุลาคม 2549 คือวันที่วชิระจะไม่ลืมชั่วชีวิต วันนั้นเขาและเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน ไปตรวจความดันและเบาหวานให้คนในหมุ่บ้าน วชิระเล่าว่าวันนั้นทำงานสนุกมาก หัวเราะ หยอกล้อกับชาวบ้านตลอด เมื่องานเสร็จเขาขี่มอเตอร์ไซด์ออกจาหมู่บ้านแห่งนั้นพร้อมๆ กับเพื่อนร่วมงาน ระหว่างทางเขาทักเด็กๆ ที่กำลังกระโดดน้ำเล่น ช่วงนั้นเอง วชิระได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์เร่งตีคู่ขึ้นมา แต่ก็ไม่ระแวงแคลงใจเพราะคิดว่าเป็นวัยรุ่นในหมู่บ้าน เขาเริ่มเอะใจเมื่อเด็กๆ ไม่ทักตอบเขาเหมือนเคย วินาทีที่เขาหันไปมองคนขับมอเตอร์ไซด์คันนั้น คือวินาทีที่เขาถูกยิง รถเขาล้มลง คนร้ายที่จอดรถดูผลอยู่ไม่ไกลเดินมายิ่งซ้ำอีก 4 นัด โชคดีที่กระสุนไม่ถูกจุดสำคัญกระสุนส่วนใหญ่ทะลุ ยกเว้นนัดแรกที่เข้าที่ไหล่แล้วไปตุงที่บริเวณกระดูกต้นคอ ระว่างที่วชิระนอนรักษาตัวมีชาวบ้านมาเยี่ยมเขาเกือบ 5,000 คน รวมทั้งเด็กหนุ่มในหมู่บ้านด้วย เด็กหนุ่มเหล่านั้นเล่าให้วิชระฟังว่าพวกเขาถูกคนในหมู่บ้านกล่าวหาว่าเป็นคนลงมือ การมาเยี่ยมคือการมาดูลาดเลาอีก แต่พวกเขายืนยันว่า ต้องมาอธิบายกับวชิระให้ได้ว่าพวกเขาไม่ได้ทำ หลังจากนั้นวชิระขอย้ายออกจากพื้นที่สะบ้าย้อย และไม่เคยกลับไปที่แห่งนั้นอีกเลย บาดแผลกระสุนทั้ง 5 นัดหมดไปจากร่างกายเขาแล้ว แต่บาดแผลในจิตใจยากที่จะเยียวยา ทุกวันนี้เขายังพยายามหาสาเหตุของการเข่นฆ่าอยู่เสมอว่า ทำไม
เปลวไฟ อันร้อนแรงที่เริ่มปะทุในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ปี 2547 ไม่เพียงเผาไหม้วัตถุ ทรัพย์สิน สวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ให้มอดมลาย แต่ยังลามเลียไปถึงขวัญ กำลังใจ และสุขภาพจิตของผู้คนที่มีบทบาทเป็นผู้ช่วยเหลือ ดูแลชีวิตและสุขภาพจิตของผู้คนที่มีบทบาทเป็นผู้ช่วยเหลือดูแลชีวิต และสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ไปพร้อมกัน กว่า 3 ปี แห่งการทำงานในสภาพวิกฤต เกิดความรุนแรงขึ้นในพื้นที่มากกว่า 6 พันครั้ง ส่งผลให้ผู้คนล้มตายมากกว่า 2.3 พันราย บาดเจ็บอีกกว่า 6 พันราย โดยที่บางคนเป็นบุคลากรสาธารณสุขที่ประสบเหตุขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนอื่นๆ จะตกอยู่ในสภาพความวิตกกังวลเช่นไร ความเชื่อเดิมที่ว่า เขาไม่ทำครู ไม่ทำหมอ ไม่มีน้ำหนักใดๆ อีกต่อไป ในเมื่อความเป็นจริงตรงหน้าชี้บอกถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ทางเลวร้ายกว่าที่เคยเป็น
ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ที่ผ่านมา สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ได้จัดอบรมหลักสูตร "ชีวิตสดใส พลังใจเข้มแข็ง" เพื่อกอบกู้กำลังใจ ทัศนคติที่ดี ความเชื่อมั่นและแนวทางในการใช้ชีวิตและทำงานท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ ให้แก่บุคลากรสาธารณสุขและผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสงขลา
ในเมื่อชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ..แล้วจะทำอย่างไร จึงจะผลักดันให้สองเท้าก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ ปรับสายตามองหาด้านสว่างแห่งชีวิต คนเรามีความสามารถที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขได้ แต่สถานการณ์รอบด้านทำให้หันไปเพ่งมองเห็นแต่ความกลัวหรือความเศร้า จนลืมภาวะหนึ่งที่ทำให้ความสามารถในการมีชีวิตอยู่ได้ของตัวเองได้ นั่นคือมุมมองที่วิทยากรของการอบรมพยายามชี้ชวนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมองเห็น กิจกรรมหนึ่งคือการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ บางคนเล่าถึงชีวิตที่ผกผันครั้งใหญ่ หลังสามีถูกยิงเสียชีวิต แรงสนับสนุนด้านบวก ที่โอบล้อมคนผู้นั้นหลังเกิดเหตุการณ์ การมีเพื่อนบ้านดูแลลูกๆ คอยเป็นกำลังใจ เพื่อนร่วมงานที่เข้าอกเข้าใจ สิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตดำเนินมาได้ แต่คนส่วนใหญ่มักลืมหันมามอง และตระหนักถึงคุณค่า เพราะปล่อยให้ตนเองถูกครอบงำด้วยความเครียดและความเศร้า
คนทุกข์คนเศร้าก็เหมือนคนที่รับประทานอาหารเข้าไปมาก ถ้าได้พูดมันออกมาอย่างถูกวิธี ก็เหมือนเป็นการช่วยย่อยอาหารเหล่านั้น ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง มากขึ้น อ.สมพร อินทร์แก้ว หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาระบบงานสุขภาพจิต สำนักงานพัฒนาสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
เอาใจให้รอดเมื่อปัญหารุมเร้า จากทักษะในไม่ปล่อยตนเองให้จมทุกข์จมกับอดีต งมีทักษาหนึ่งคือการจัดการกับอารมณ์และการปรับมุมมอง โดยฝึกเปิดมุมมองทางความคิดและฝึกคิดอย่างมีทางออก ต้องฝึกคิดว่า เมื่อเจอปัญหาต้องมองหาทางออกและปัญหาก็มีทั้งแบบที่แก้ได้เลย บางอย่างต้องรอ แต่ระหว่างรอต้องทำอย่างไร โลกนี้ไม่ได้ปล่อยให้เราอยู่อย่างโดดเดี่ยว อย่างน้อยหนึ่งคนที่ให้กำลังใจได้คือตัวเอง ลองสื่อสารกับตัวเองและเพื่อนร่วมงานอย่างสร้างสรร ขอโทษกันบ้าง ขอบคุณกันเสมอ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในภาวะเช่นนี้ อาจารย์สมพร กล่าว วิทยากรได้สอนให้ทุกคนหัดนวดตัวเองไปพร้อมกับพูดคุยกับตัวเองอย่างสร้างสรรค์ โดยนวดจากศรีษะ ไล่ไปจนถึงเท้า ระหว่างนั้นได้กล่าวขอโทษตัวเองที่ช่วงนี้คิดมาก และขอบคุณที่ทำงานได้ดี และย้ำว่า ขอให้ทำดีเช่นนี้ทุกเช้าก่อนไปทำงาน
ในเมื่อชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ..แล้วจะทำอย่างไร จึงจะผลักดันให้สองเท้าก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้
.... ขอมอบดอกไม้เป็นกำลังใจแด่เพื่อนร่วมวิชาชีพ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่แดนไกล
Create Date : 19 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 19 ตุลาคม 2550 17:24:50 น. |
|
5 comments
|
Counter : 914 Pageviews. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:19:30:00 น. |
|
|
|
โดย: คนนอก IP: 58.9.74.86 วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:21:40:58 น. |
|
|
|
โดย: maru วันที่: 21 ตุลาคม 2550 เวลา:22:07:33 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เวบblog ของคุณแม่ลูกสอง ที่ชอบถ่ายรูป อ่านหนังสือ ดูหนัง และฟังเพลง เดิมใช้พื้นที่บลอกโพสภาพและเขียนไดอารีเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ แม่ฟิล์มกัส ขอใช้พื้นที่บลอก เขียนเรื่องราว แรงบันดาลใจที่ได้ผ่านการอบรมศีล 5 กับคุณแม่สีใบตอง บุญประดับ มาเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ชาวบลอกและผู้ที่หลงเข้ามาอ่าน เผื่อได้เป็นประโยชน์ต่อชีวิต เป็นแรงบันดาลใจ และ ทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นนะคะ โดยเนื้อหาต่างๆ ได้อ้างอิงจากหนังสือประกอบการดำเนินงาน โครงการ "คืนมนุษย์สู่เหย้า เพื่อเฝ้าเมือง" ที่สร้างหลักสูตรโดย ทันตแพทย์หญิงสีใบตอง บุญประดับ ผู้อำนวยการบ้านเกื้อรัก Love Line Family Center ส่วนเรื่องราวและรูปภาพที่เป็นฝีมือแม่ฟิล์มกัสในนี้ ถ้าท่านใดต้องการนำไปใช้ประโยชน์สามารถคัดลอก หยิบจับ หรือ จกเอาไปได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต
แม่ฟิล์มกัส ขอเชิญชวนทุกๆคนที่หลงเข้ามา ลองครองตนให้มีศีล 5 ดูนะคะ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน ทำไปทีละนิด แล้ววันหนึ่ง ไม่นานเลย จะพบความสุขอย่างมหัศจรรย์ขึ้นในใจ โดยไม่ต้องใช้เงินทองซื้อหามา
รักคนอ่านทุกคน จ้า
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|