Bloggang.com : weblog for you and your gang
ขยัน อดทน กตัญญู หากคุณมีสามสิ่งนี้ ชีวิตเจริญแน่นอน
Group Blog
เล่าเรื่อง เที่ยวเมืองนอก
เล่าเรื่อง ผู้หญิงแต่งตัว
เล่าเรื่อง อาหารและการกิน
สัพเพเหระในต่างแดน
เล่าเรื่อง คุณรู้ ฉันรู้ แล้วหรือยัง
มกราคม 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
31 มกราคม 2555
ว้าาก.......อิฉันโดน......ล้วงกระเป๋าในปารีส..... เมืองในฝันของใครหลาย ๆๆๆคน
All Blogs
ล่องเรือ จาก Traven münde Ostsee Germany ไปสวีเดนตอน 2
ล่องเรือ แบบไททานิค จากเยอรมันสู่ สวีเดน ที่ใครๆก็ไปได้ 1
ว้าาก.......อิฉันโดน......ล้วงกระเป๋าในปารีส..... เมืองในฝันของใครหลาย ๆๆๆคน
ว้าาก.......อิฉันโดน......ล้วงกระเป๋าในปารีส..... เมืองในฝันของใครหลาย ๆๆๆคน
อีกหนึ่งประสบการณ์ใหม่ ที่จะจำและไม่มีวันลืม จนถึงวันที่ไม่มีลมหายใจ.
ฤดูร้อนปี 2011 อิฉันดี๊ด๊าจะได้ไปเที่ยว ฝรั่งเศส ปารีส ที่อิฉันเคยได้ยิน ฟัง เห็นทางทีวี หอไอเฟลตั้งตระหง่าน ร้านค้าแสงสีเรืองรอง ผู้คนดูดี้ดี (เหมือนจะมีเงิน ) เดินขวักไขว่ จับจ่ายช้อปปิ้ง ยกกล้องถ่ายรูป
แหม๋.... อิฉันคาดหวังไว้ว่า คนอื่นเขายังได้ไป เราก็ต้องได้ไปบ้างล่ะว้าในชีวิตนี้
หนึ่งอาทิตย์ก่อนเดินทาง อิฉันจึงไปเลือกซื้อกระเป๋าสะพายด้านข้างสายยาว ๆเหมือนพวกวัยรุ่น กะจะใส่แค่กระเป๋าตังและกล้องพอ กระเป๋าเจ้ากรรม ใบนิดเดียวไม่มีซิบด้วย ราคา 35 € ได้ แอบแพงวุ้ย
แต่อ่ะน่ะไปเที่ยว ลงทุนคร้าาา อยากสวยนิ
วันเดินทางมาถึง พวกเราเลือกเดินทางด้วยรถไฟ (ฟรี เพราะสามีทำงานรถไฟ ) แหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตีสาม ไปรอรถ ICE ไปที่ Mannheim HBF แล้วไปขึ้นรถไฟไปที่ Paris Est อิฉันมีสัมภาระแค่กระเป๋าลากใบติ้วเดียว
และกระเป๋าสะพายข้างที่มีบัตรกดเงินต่าง ๆ บัตรประชาชน ตั๋วเดือน อะไรที่สำคัญอยู่ในกระเป๋าตังค์ รวมทั้งเงินสดจากวันที่ทำงานวันสุดท้ายรวมแล้ว เหยียบ 600 € ได้ ที่เอาไปเยอะกะจะช้อป อื่น ๆนั้นสามีควักอย่างเดียว เพราะอิฉันจะใช้มุกนี้เสมอเนียน ๆ เงินเราคือเงินเรา เงินสามีก็คือเงินเรา
นาทีแรกที่ไปถึง Paris Est อิฉันนึกว่านีคือ ปารีสแล้ว เปล่าเลย สามีรีบไปซื้อตั๋วเดินทาง Metro แบบเหมาสามวัน พวกเราเริ่มตื่นเต้นซะแล้ว... ได้ตั๋วมาแต่มองหาทางเข้า Metro ไม่เจอ
Metro คือรถรางที่วิ่งใต้ดิน เทียบแล้วคือ U-Bahn ของเยอรมันนั่นเอง แต่ต่างจากเยอรมันสิ้นเชิง ( อันนี้คือความนึกคิดส่วนบุคคล ของอิฉันเอง หากผิดใจใครต้องขอโทษด้วยนะค่ะ เยอรมันดีกว่าเยอะ)
ทางเข้า Metro มันเหมือนคอกม้าอ่ะ เป็นเหมือนประตูบานพับ เวลาเราเดินเข้ามันมีเสียงเหมือนสังกะสี และกลัวมันหนีบ พุง ตัว อิฉันจังเลยอ่ะ อันนี้ไม่ชอบ เดินต้องมองป้ายตลอด เดินไกลมาก เหมือนปูลงรู อะไรจะปานนั้นสังเกตุเห็นจะไม่มี Opa Oma รถเข็นเด็ก มีแต่บันได ไม่มีลิฟท์ บอกได้ว่าลำบากค่ะ
พวกเรารอรถ มา สัญญาณของเธอนั้นดังมาก และ ผู้คนแออัด ในรถ ระบบประตูปิด คือ มันเลื่อนเข้าหากัน และปิดดังปัง ในใจอิฉันคิดว่าหากลองเอา แขนหรือ ขาไปกั้น เพื่อไม่ให้ประตูปิด แขนคงแตก ไม่ใช่หักค่ะ
รถก็ออกเร็วมากพร้อมสัญญาเตือนดังระงม หูอื้อไปสักพัก รถที่นั่นเขาใช้ล้อยางเหมือนรถยนต์เลย เวลาวิ่งเข้าชาลชลา เสียงงี้ระงม ใครที่มาไม่ทันไม่ต้องวิ่งให้เมื่อย เพราะชีไม่เปิดให้เหมือนเยอรมันนะค่ะ ตรงเวลาเป๊ะ
รอไม่นานเดี๋ยวคันถัดไปก็มาอิฉันลองกลั้นหายใจนับดูว่ามันจะใช้เวลารอผู้โดยสารนานเท่าไหร่ โอ้แม่เจ้า อิฉันนับได้แค่ 6 เอง ในรถอบอ้าวมาก ดีที่ไม่มีกลิ่นเต่า หากมีคนที่ไม่อาบน้ำเช่นเยอรมัน อิฉันว่าคงไม่โสภาแน่นอน ไมเกรนอิฉันคงขึ้นแน่ๆ
เมื่อถึงคราวที่ปูต้องไต่ออกจากรู เพื่อต่อสถานีอื่น ก่อนหน้านั้นมีชายชาวฝรั่งเศสมาคุยกับสามีอิฉันตอนที่พวกเราแหงนมองป้ายเพื่อต่อรถ สามีอิฉันเธอเองก็คุยแบบงง เพราะไม่เข้าใจนั่นเอง
จังหวะที่อิฉันก้าวขึ้นบันได นั้นมีหนุ่มรุ่น 20 ต้น ๆ มาช่วยกกระเป๋าลากของอิฉัน ( ที่จริงแล้วมันไม่ได้หนักเลย แค่เสืัอผ้า สามชุดเอง )
อิฉันพูดขอบคุณมันด้วยภาษาเยอรมัน ( เพราะภาษาอังกฤษทิ้งไปนานแล้ว )
มันพยายามช่วยปนจะแย่งถือ เราเลยถือมัน 2 หูนี่แหละ ในใจกลัวมันถือวิ่งหนี
ขี้เกียจซื้อเสื้อใหม่ ใจมันสั่นยังไงพิกลไม่รู้แฮะ มองไปสามีเดินไกลจากอิฉันราว 10 เมตรได้ นาทีนั้นอิฉันยังไม่ยอมปล่อยกระเป๋าลากให้มันช่วย พลางมองหันหลังชะโงกดูกระเป๋าพาดด้านข้าง โอ้แม่เจ้า มือค่ะ มือของเพื่อนมันอีกคนซุกอยู่ในกระเป๋าสะพายของอิฉัน
เนื่องจากกระเป๋าไม่มีซิป มีเพียงกระดุมติดหลวม ๆ มือข้างนึงเปิดและมันคลำเจอกระเป๋าตังค์ของอิฉันแล้ว ที่จริงหากมันวิ่งเลย อิฉันคงได้นั่งร้องไห้ แง ๆ พออิฉันเห็นเช่นนั้น ภาษาเยอรมันไฟแลบเลย และตะโกนเสียงดังด่ามันพลางเรียกสามี เธอหันมาช้ามาก
แต่ชายฝรั่งเศสเร็วกว่าสามีอิฉันเข้ามาประชิดตัวและถามสถานการณ์ยังไง ไอ้พวกขโมยมันยังยืนในท่าก้าวขึ้นบันไดกับอิฉัน ไอ้คนยกกระเป๋ามันยังค้างเติ่ง เพื่อนมันยังยืนในท่าก้าวขึ้นบันไดด้านหลังอิฉัน
ผู้หญิงที่ดูลาดเลา ยังยืนห่างกันแค่ก้าวเดียว มันมาครบทีม 3 คน พวกมันคือ ชาวโรมาเนีย หรือ บัลแกเลียต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส เอาล่ะ ไอ้คนที่ได้คลำกระเป๋าตังค์ของอิฉันมันยกมือ
สองข้างบอก ตูไม่มีความผิด ทันไดนั้น ชายฝรั่งเศส พ่นเสปรย์พริกไทใส่หน้าไอ้คนที่คลำกระเป๋าอิฉัน พวกมันวิ่งเตลิดกลับไปในรู สามีอิฉันวิ่งค่ะ
วิ่งหนีกลิ่นพริกไท ให้ตายเหอะ ตอนนั้นอิฉันไม่ได้กลิ่นอะไร เพราะสั่นอยู่ ในใจคิดเสมอ ว่าคุณพระคุณเจ้าเทวดาประจำตัวคุ้มคลอง และของที่เราเคารพนับถือเขาช่วยเราจริง ๆ
พวกเรากล่าวขอบคุณ ชายชาวฝรั่งเศสและสนทนากันเล็กน้อย ชายชาวฝรั่งเศส บอกว่าเขา เฝ้าสังเกตุพวกเรานานตั้งแต่ในขบวนรถ Metro เขาว่าพวกเราต้องเจออะไรดี ๆในปารีสแน่ๆ จึงลองเดินตามมาแบบห่าง ๆ สุดท้ายมันก็จริง ๆด้วย
หลังจากแยกย้ายกัน อิฉันใส่สามีเป็นชุด
และโทษเขาคนเดียว ที่เดินห่างจากอิฉันเกินไป หากกระเป๋าเงินของอิฉันหาย เขาต้องรับผิดชอบด้วย แถมมาเที่ยว ก็ขาดรายได้อีกตะหาก เมื่อถึงโรงแรม พวกเราตัดสินใจเก็บเงินในตู้เซฟ ของโรงแรมเกือบหมด อิฉันพกแค่ 20 € เข็ดมาาาาก
เดินดูของใน ถนน ชองซิลิเซ่ ของแพงมาก ของกินก็แพงตาม อิฉันนึกสนุก ชวนสามีทานอาหารเย็นราคา แพง สำหรับพวกเรา ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง อาหารถูกสุดอยู่ที่ 38 € สามี , อิฉันสั่งเป็ดค่ะ อาหารออกมาขำกลิ้ง สามีเธอได้เป็ดแผ่นเท่าขนมปังปิ้ง มันมีลักษณะคล้ายตับบดเลย 39 €
ของอิฉันมีเป็ดไม่สุก ย่างแบบแดง ๆ 3 ชิ้น 38 € น้ำขวดนึง 9 € ได้ แต่ การบริการเท่าร้านขายตามสั่งบ้านเราแหละค่ะ กะจะลุกหนีหลายรอบแระ นานกว่าจะมารับOrder นานกว่าจะเสิร์ฟ นานกว่าจะมาเก็บเงิน รู้ว่าลูกค้าเยอะ แต่น่าจะปรับปรุงบ้าง
สาวเอเชีย 2 นางโต๊ะด้านข้าง เชื่อไม่ใช่คนไทยแน่นอน คงจะสั่งซีซ่าสลัดมากิน และมีหอยมาอีกจาน บวกไวน์ขาว ด้วย ดูดี้ดี รอจ่ายด้วยบัตรเครดิต ไม่ให้ทิปด้วย ...... ถึงเวลาจะจ่ายเงิน แม่งเล่นตัว อีก
นึกเหรอว่าลูกค้าจะมีเงินสดมาพอดีกับค่าอาหาร อิฉันควักเงินจ่ายพนักงานในฐานะคนเลี้ยงสามีในวันนั้น บิลมาสวยหรู 86 € อิฉันเป๊ะ ไม่ทงไม่ทิปมันหรอก อาหารแพง บริการแย่ เรียกนานด้วย ขอเนยเพิ่มชีแอบเนียนทำเป็นลืม ชีรับคำสั่งจากอิฉันแล้วเดินผ่านกองเนยไป
มันหมายความว่าไง ?
คิดว่าเค้าคงเลือกปฎิบัติ กับชนชั้น.... ไม่เป็นไร อิฉันได้เรียนและรู้แล้ว ไม่ใช้แค่ได้เห็น ฟังเขาพูดอย่างเดียว ราคาที่จ่ายไปถือว่า OK นะ สำหรับประการณ์ใหม่ ทุกวันนี้สามีขำทุกทีที่พูดถึงเรืองนี้ทีไร เอาไว้มาเล่าต่อตอน 2 ดีกว่า
ขอบคุณที่คุณสนใจอ่าน
Create Date : 31 มกราคม 2555
Last Update : 7 มิถุนายน 2555 13:28:17 น.
0 comments
Counter : 3899 Pageviews.
Share
Tweet
ฟ้าลัดดา
Location :
Germany
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
จขบ. เขียน Blog นี้ขึ้นมาบางครั้งเขียนขณะอารมณ์ ขุ่นมัว โมโห ดีใจ อยากระบาย อยากเล่า บางทีก็อยากอวด มีหลายอารมณ์ปนกันไป
แต่ พอจขบ.อารมณ์ปกติ และมาย้อนอ่านอีก คิดว่าเรื่องบางเรื่องไม่น่าเอามาเล่า
จขบ.จะลบ Blog นั้นออก และเขียนเรื่องใหม่ขึ้นมา ยกเว้น อาหารและการแต่งตัว ที่จะไม่ลบเขียนใหม่
New Comments
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add ฟ้าลัดดา's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.