Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
รักแห่งสยาม(เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากหนัง)ตอนจบ

หมายเหตุ

บทความเหล่านี้ มาจากกระแสความดังของหนังเรื่องรักแห่งสยาม เนื้อหาที่ท่านจะได้อ่านต่อจากนี้ ผมได้รับเรื่องเหล่านี้จากการดาวน์โหลดไฟล์มา และเห็นว่า ยังไม่เคยมีใครเอามาลงให้อ่านกัน จึงนำมาเสนอเพื่อนๆนะคับ ถ้าใครบอกได้ว่าใครเป็นผู้ที่แต่งเรื่องนี้ขึ้น ก็มาบอกได้ทางคอมเมนต์นะคับ ถ้าหากคุณไม่พอใจกับการที่ผมเอาเรื่องนี้มาให้อ่านก็ขออภัยนะคับ


(ต่อจากตอนที่แล้ว)





บ่ายสีโมง คิววงออกัสขึ้นลองบนเวทีจริง เทสเวที เทสคิว เทสเสียงเสร็จราวๆชั่วโมงนึงจึงไปนั่งพักทานอาหารกันในรถตู้ มีคนมารออยู่พอสมควรแฟนเพลงต่างส่งเสียงเชียร์และถ่ายรูปศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมีการ์ดคอยกันไม่ให้เข้าไปใกล้และรักษาความปลอดัยอยู่

“ไม่น่าเชื่อเนอะไอ้มิว ว่าเราจะมีวันนี้ เมื่อไม่นานมานี้กูยังอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นอยู่เลยว่ะ” เอ็กซ์มอง ไปที่แฟนเพลงที่ยังคงเฝ้าอยู่

“อืม ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีวันนี้” มิวตอบ

“ยังไงวันนี้เต็มที่กันนะไอ้มิว” เอ็กซ์ยกมือมาข้างหนึ่งที่หน้ามิว

“เออ เต็มที่” มิวตบมือไปจับกับมือเอ็กซ์”

หกโมงเย็นเริ่มเปิดรั้วกั้นให้คนเข้าโดนแยกกันระหว่างบัตรธรรมดาที่มีช่องให้เข้าตรงกลางสามช่องทาง กับบัตร VIP ที่มีช่องพิเศษอยู่ซ้ายมือสุดให้สามารถเดินตรงไปสู่ลานด้านหน้าสุดติดเวทีได้ทันทีโดยไม่ต้องแทรกไปตามโซนตรงกลางผู้คนเริ่มทยอยเข้าไปจนเต็ม
แฟนเพลงที่เหลืออยู่ด้านนอกจากแนวรั้วกั้นบ้าง จับจองที่บนสะพานลอย แม้กระทั่งในตัวห้างสรรพสินค้าที่ทำให้สามารถเห็นเวทีได้

ตอนนี้วงดนตรีทั้งสามเตรียมตัวอยู่ด้านหลังเวที แต่งหน้าทำผม กันไปบางส่วน ที่เสร็จไปก่อนก็จะเป็นวงที่เล่นก่อนนั่นเอง วันนี้วงออกัสใส่โทนสีฟ้าตามคำขอร้องของมิวที่ได้บอกกับโปรดิวเซอร์ไปในวันที่มาดูการซ้อมที่บริษัท

มิวมองชะเง้อไปที่บริเวณหน้าเวที กวาดสายตาไปรอบๆ แล้วหันกลับมาทำหน้าจ๋อยใส่เอ็กซ์

“อย่าซึมสิวะ เดี๋ยวก็มาเชื่อกูสิ กูน่ะพ่อหมอนะโว้ย รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง” เอ็กซ์ปลอบให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้น

“ก็แค่หวังน่ะ” มิวบอก

“ถ้ามีความหวัง ก็ต้องสู้สิ สู้เพื่อที่จะรอให้ความหวังเป็นจริงไง” เอ็กซ์บอกมิวพร้อมกอดคอเพื่อน

“ทำไมไม่รู้นะ กูรักมึงมากเลยว่ะไอ้มิว มึงทำเพื่อเพื่อนได้ถึงขนาดนี้ มึงเข้มแข็ง”

“กูทำเพื่อตัวกูเองด้วย”

“ถึงจะอย่างนั้นก็เหอะ เป็นกูกูยังไม่รู้เลยว่ากูจะมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างมึงมั้ย” เอ็กซ์ขยิบตาข้างหนึ่ง ทำท่ายิงไปที่มิว แล้วยกนิ้วโป้งให้

“กูขอบใจมึงจริงๆ มิวเอื้อมมือไปจับนิ้วโป้งเอ็กซ์มากำไว้ แล้วดึงมือออกมาเป็นลักษณะกำปั้นเหมือนกำอะไรอยู่ และทำท่าเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้ หันไปยิ้มให้เอ็กซ์

วงดนตรีวงแรกเริ่มเล่นแล้ว คนในวงออกัสทุกคนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย แต่ละคนนั่งเงียบไม่พูดไม่จากัน เสียงพิธีกรของงานพูดจบตามด้วยเสียงดนตรีดังกระหึ่มขึ้น แต่ละคนใจรัวยิ่งกว่ากลองที่อยู่บนเวทีเสียอีก มิวเดินไปชะเง้อมองหน้าเวทีอีกครั้ง ยังไม่มีใครมา

“กูบอกแล้วว่าอย่าแดกนานก็ไม่เชื่อ แม่งเล่นแล้วเห็นมะ” เพื่อนโต้งบอกบ่นๆ

“บัตร V.I.P. กลัวห่าอะไรวะ เข้าไปยังไงก็อยู่หน้า”

“อย่ามัวบ่นเลยรีบไปเถอะ” หญิงบอกแล้วนำเพื่อนๆ วิ่งไปที่เวที จนมาถึงโซน V.I.P เจอโดนัทยืนอยู่ก่อนแล้ว และมีนักข่าวถ่ายรูปอยู่ประปราย

“นั่นมันโดนัทนี่หว่า โดนัทรู้เรื่องไอ้โต้งไม่สบายยังวะ”

“ไม่รู้หรอก” หญิงบอกเพื่อนๆพลางหันตัวพยายามให้มองเห็นด้านหลังเวที

โดนัทเห็นเพื่อนๆ โต้งมองมาก็โบกมือทักทายเล็กน้อย เมื่อโดนัทเห็นหญิงก็หันหน้าไปดูบนเวทีทันที

วงแรกเล่นจนจบไปแล้ว พิธีกรขึ้นมาเล่นกิจกรรมแจกของประมาณ 5 นาที จึงประกาศให้วงต่อไปขึ้นมารับช่วงต่อ คนดูส่งเสียงกรี๊ด และปรบมือเชียร์อย่างเต็มที่ คนรอบนอกก็ทยอยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อากาศวันนี้ถึงแม้จะเป็นหน้าฝนแต่ท้องฟ้ากลับไม่มีเมฆเลย อากาศก็ไม่ร้อนเกินไปนัก ทำให้คนมาดูคอนเสิร์ตเยอะมาก วงที่สองเล่นไปประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็จบการแสดงเพลงสุดท้าย

พิธีกรขึ้นมาเล่นกิจกรรมและพูดคั่นเวลาอีกครั้ง วงออกัสทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ล้อมลงประสานมือกัน
“วันนี้วันที่เรารอคอยวันแรกมาถึงแล้ว ถึงจะเป็นคอนเสิร์ตเล็กๆ เป็นมินิคอนเสิร์ตแต่เราก็จะเล่นให้เต็มที่ที่สุดนะ” เอ็กซ์พูด

“เล่นเพื่อตัวเอง” เพื่อนคนหนึ่งกล่าว

“เล่นเพื่อวง” เพื่อนอีกคนกล่าว

“เล่นเพื่อคนดู” ปิงปองกล่าว

“เล่นเพื่อพี่มิว” เพชรกล่าว ตกคนประสานมือลงต่ำและยกขึ้นพร้อมส่งเสียง เฮ้! กำลังใจเต็มเปี่ยม

“วงต่อไปนี้เป็นวงดนตรีหน้าใหม่ของวงการเพลงบ้านเราที่อยู่ในวงกว้าง แต่สำหรับคนบางกลุ่มอาจจะรู้จักเขามาแล้ว บนเวทีนี้อาจจะเป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขา แต่ที่ผมยืนอยู่ ณ จุดนี้เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและทางเดินก้าวต่อไปสำหรับพวกเขา อย่ารอช้าไปพบกันเลยกับวงอออออกัสสสสสสส….”
วงออกัสที่เตรียมตัวอยู่บนดนตรีเสร็จแล้วเริ่มบรรเลงเมโลดี้เพลง Ticket ทุกคนเล่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แฟนเพลงกรี๊ดและตบมือไปตามจังหวะเพลง หญิงส่งสายตาให้มิว และหันไปส่งยิ้มให้เอ็กซ์ เอ็กซ์มองมาเจอส่งจูบให้หญิง

“อีหญิง ไอ้กีต้าร์นั่นมันชอบมึงเหรอ” เพื่อนของหญิงถาม

“ประมาณนั้น” หญิงตอบไป

เมื่อมิวเริ่มร้องเสียง กรีดร้องของแฟนเพลงกระหน่ำมาอย่างรุนแรง



~เคยได้ยินใช่ไหมว่าที่นึง ถ้าไปถึงเราจะมีทุกอย่าง
ความสุขความฝันอะไรที่เฝ้ารอ จะรอเราอยู่ที่ปลายทาง
และต้องใช้เพียงตั๋วเดินทางแค่ใบเดียว และมันก็ไปกลับได้ตั้งหลายครั้ง
แต่ไม่เคยจะมีผู้ใดที่เคยไป จะกลับมาเล่าอะไรให้ฉันฟัง

ก็เลยสงสัยว่าจริงหรือไม่จริง อยากไปเจอกับตัวสักครั้งหนึ่ง
จะต้องเดินทางไกลด้วยเท้าฉันก็ยอม หากมันจะมีอะไรเมื่อไปถึง
ต่อให้ตั๋วเดินทางจะแพงสักเท่าไหร่ ต้องจ่ายด้วยอะไรจะไปหามา
และฉันจึงจ่ายหมดเท่าชีวิตที่ฉันมี เพื่อให้ใครบางคนมาส่งคืนและบอกว่า

ตั๋วใบนี้ ไม่ได้มีสำหรับฉัน แม้เขาจะขายให้ทุกคนได้เท่ากัน
เพียงแต่ว่ารถขบวนนี้ไม่มีให้กับฉัน จึงไม่มีสิทธิ์เดินทาง

อย่างที่เคยบอกไปฉันทุ่มเทและออกเดินไปตามทางที่เขาไป
จะเหนื่อย จะร้อน จะหนาวฉันไม่กลัว ตราบใจทรนงจะทนไหว
และในไม่ช้าไม่นานก็มองเจอ ว่ามีปลายทางอยู่ไม่ไกล
ก็เลยตะเกียกตะกายเพื่อไปเจอ สุดท้ายปลายทางที่หายไป

มันคงไม่มีจริงแท้และแน่นอน ปลายทางให้กับคนอย่างฉัน
แม้แต่ตั๋วเดินทางที่ใครๆ ก็มี ก็ไม่ได้มีให้คนอย่างฉันเหมือนกัน
จึงหวนคืนไปยังทางที่เดินมา ก็มีใครมองอยู่ตรงนั้น
พอเดินกลับไป ก็เจอคนเดิม ที่บอกกับฉัน ย้ำๆ ซ้ำๆ ว่า...

ตั๋วใบนี้ ไม่ได้มีสำหรับฉัน แม้เขาจะขายให้ทุกคนได้เท่ากัน
เพียงแต่ว่ารถขบวนนี้ไม่มีให้กับฉัน จึงไม่มีสิทธิ์เดินทาง~


“สวัสดีครับ ทุกๆ คน วันนี้มันส์กับวงอื่นๆ มาแล้ว วงออกัสขอมาสไตล์ช้าๆ หน่อยได้ไหมครับผม”

"ได้ๆ" เสียงแฟนเพลงตอบมา

มิวพูดกับแฟนเพลงอย่างเรียบง่าย สบายๆ ขณะพูดก็มองลงไปที่บริเวณโซน V.I.P กวาดสายตาไปโดยรอบเจอกับโดนัทที่โบกมือให้ นักข่าวยังคงถ่ายรูปอยู่ มิวยิ้มให้เล็กๆ และหันไปยิ้มกับหญิง

“เพลงต่อไปเลยดีกว่านะครับ เพลงนี้หวังว่าทุกคนคงชอบเหมือนผม นะครับ”

~อาจจะดูเนิ่นนานอาจจะผ่านมาแสนไกล
ที่เราต่างคนต่างเดินต่างไปในวันนั้น
อาจมีใครหลายคน ก็อาจมีคนเป็นร้อยพัน
ที่เขามาทำให้คืนและวันชั้นหมุนไป

หรือเพราะว่าเขาไม่ใช่เธอ
และเหมือนว่าชั้นนั้นยังไม่เจอกับสิ่งที่ตัวเองทำหล่นหาย
หรือเพราะวันนั้นเองที่ชั้นทำเรื่องเราพลาดไป
ไม่อาจจะทำให้เรากลับไปเป็นอย่างวันนั้น

รู้สึกอย่างชั้นบ้างไหมว่าวันที่ไม่มีเธออยู่
วันที่เธอไม่อยู่ ชีวิตก็ดูไม่มีความหมาย
รู้สึกอย่างชั้นบ้างไหมว่าวันที่เรามีกันข้างกาย
ที่เรามีกันข้างกาย ไม่มีวันไหนที่ไม่สุขใจเลยสักวัน

อาจจะดูไม่ทันและมันอาจจะสายไป
เมื่อทางที่เราต่างคนต่างไปมันไกลแล้ว
และจะยังเฝ้าคอยถึงแม้จะดูไม่มีวี่แวว
จะรอเธอเสมอและจะไม่รักใคร

นั่นเพราะว่าเขาไม่ใช่เธอ
และเหมือนว่าชั้นนั้นเพิ่งเจอกับสิ่งรอเมื่อวันที่สาย
และในวันนั้นเองที่ชั้นทำเรื่องเราพลาดไป
ไม่อาจจะทำให้เราคืนไปเป็นอย่างวันนั้น

รู้สึกอย่างชั้นบ้างไหมว่าวันที่ไม่มีเธออยู่
วันที่เธอไม่อยู่ ชีวิตก็ดูไม่มีความหมาย
รู้สึกอย่างชั้นบ้างไหมว่าวันที่เรามีกันข้างกาย
ที่เรามีกันข้างกาย ไม่มีวันไหนที่ไม่สุขใจเลยสักวัน

หากว่าเรารู้สึกเหมือนกัน
อยากให้เรากลับมาเป็นเหมอนในวันเก่าจะได้ไหม
อยากขอสักครั้ง ขอแค่สักครั้ง
ขอโอกาสสุดท้าย เธอกลับมา ให้เธอได้กลับมาหา

รู้สึกอย่างชั้นบ้างไหมว่าวันที่ไม่มีเธออยู่
(มิวน้ำตาคลอแต่ยังประคอตัวเองร้องต่อไปได้เรื่อยๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้)
วันที่เธอไม่อยู่ ชีวิตก็ดูไม่มีความหมาย
รู้สึกอย่างชั้นบ้างไหมว่าวันที่เรามีกันข้างกาย
ที่เรามีกันข้างกาย ไม่มีวันไหนที่ไม่สุขใจเลยสักวัน
~


เพลงจบเสียงดนตรียังดังอย่างต่อเนื่อง
มิวพยายามฝืนพูดต่อ “เพลงต่อไปนี้ เป็นเพลงที่ผมชอบมากอีกเพลงหนึ่งในอัลบั้มครับ น้องชายผมร้องไว้ได้อย่างดีมาก ผมเคยฟังเพลงนี้แล้วขนลุก อยากให้ทุกคนลองขนลุกเหมือนผมนะครับ ขอเชิญน้องเพชรครับ

เพชรเดินมากลางเวที เอาไมค์ไปแทนมิว มิวมองไปที่โซนเดิม ส่งสายตาเชิงถามไปที่หญิง หญิงส่งสายตาปฏิเสธไปที่มิว และมิวเดินลงไปหลังเวที

มิวพยายามหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ มีทีมงานเดินมาถาม น้องมิวเป็นอะไรไหม มิวตอบปฏิเสธไป ทีมงานคิดว่ามิวคงตื่นเต้น

~เหมือนว่าเราจะมอง ไม่เห็นหนทางใด
ตกอยู่ในความมืดบอด ตกอยู่ในห้วงใจที่อ่อนไหว
เหมือนจะเป็นกลางคืนอันยาวนาน เมื่อฟ้าไม่มีแสงใด
มองไปรอบกาย หัวใจก็พลัน หวาดกลัว
ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที
จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกไหม
แต่อย่างไรก็ตามยังมีตะวันยังที่ฉายในวันต่อไป
แต่ไม่รู้ต้องรอเมื่อไหร่ หรือใจเราคงจะอยู่กับคืนอันเป็นนิรันดร์
ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที
จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกไหม
แต่อย่างไรก็ตามยังมีตะวันยังฉายในวันต่อไป
เมื่อเรามีเช้าวันใหม่ หวังใจว่าจะมีหนทาง
เมื่อทุกข์ในวันเมื่อวานคืนกลับมาหาใจอันอ่อนแอ
เหตุที่ใจแพ้ เพราะเราต่างหากที่แพ้ใจ
ความทุกข์จึงเป็นกลางคืนอันยาวนาน แต่แล้วมันจะผ่านไป
ตราบใดเวลายังหมุนผ่าน ความทุกข์จะผ่าน เพราะไม่มีคืนใดเป็นนิรันดร์
วันคืนต้องผ่าน นั่นคือเวลาอันเป็นนิรันดร์~


ขณะที่ร้องเพลงนี้ทุกคนในบริเวณคอนเสิร์ตเงียบกริบ มีเพียงเสียงเพลงเท่านั้นที่ล่องลอยอยู่ในห้วงอากาศ เมื่อเพลงจบ เสียงปรับมือดังกะหึ่มกึกก้องไปทั่วบริเวณลานสยามแห่งนั้น เพชรยิ้มดีใจอย่างมากจนน้ำตาไหลออกมาด้วยความปลื้มปิติ

มิวหายใจเข้าลึกๆ และถอนหายใจออกมาอีกครั้งค่อยๆ ยาวๆ แล้วจึงวิ่งขึ้นเวทีไปอีกครั้ง

“ขอบคุณน้องเพชรนะครับ วันนี้คิวของวงเรามีคิดต้องเล่นทั้งหมดห้าเพลง แต่ผมขอสารภาพว่าวันนี้ ผมไม่ได้ขึ้นมาร้องเพลงให้กับทุกคนเท่านั้น” ทุกคนเงียบสนใจและสงสัยในคำพูดของมิว

“คนสำคัญที่สุดคนหนึ่งในชีวิตของผม ให้สัญญากับผมว่าจะมาฟังผมร้องเพลงวันนี้ และเพลงพวกนี้ก็เกิดขึ้นมากจากเขาคนนั้น” มิวเสียงสั่น

“ผมจะพยายามเข้มแข็งยืนร้องเพลงนี้จนจบ หวังเพียงแค่ว่าเขาจะได้ยินจากที่ไหนซักแห่ง เพลงนี้ครับเพียงเธอ” มิวเงยหน้าขึ้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เอามือเช็ดน้ำตาออก

เสียงดนตรีขึ้นทุกคนปรบมือเป็นกำลังใจให้มิว

~อยากจะขอบคุณ ที่รู้ใจเข้าใจ สิ่งดีดีที่ให้มา
อยากจะขอบคุณ ที่สัญญาว่าใจ ไม่มีวันห่างเหิน

กับคนหนึ่งคน ที่ไร้วันเวลา หมดกำลังจะก้าวเดิน
จากคนที่เคย เจ็บเหลือเกินที่ใจ กลับกลายเป็นเบิกบาน

ผ่านคืนวันโหดร้าย นานเหมือนชั่วกาล
กลับมีคนห่วงใยกัน สุขใจทุกวัน มีเธออยู่ข้างกาย
เริ่มรู้จักความหวานกับรักลึกซึ้งหมดใจ
เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน

แค่คนหนึ่งคนกับหัวใจ ให้เธอ หมดไปเลยที่ฉันมี
จะเป็นจะตายจะร้ายดี ไม่แคร์ ไม่เคยจะหวั่นไหว
จะมีแต่เธอที่แสนดี ร่วมทาง ตราบจนวันที่สิ้นใจ
หนึ่งวันจะนาน สักเท่าไร ถ้าไกล ห่างเธอไปสักวัน

ผ่านคืนวันโหดร้าย นานเหมือนชั่วกาล
กลับมีคนห่วงใยกัน สุขใจทุกวัน มีเธออยู่ข้างกาย
เริ่มรู้จักความหวานกับรักลึกซึ้งหมดใจ
เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน

ให้เธอได้ยิน เสียงจากใจฉัน
ที่จะคอยบอกทุกคืนวัน ว่ารักเธอ

ผ่านคืนวันโหดร้าย นานเหมือนชั่วกาล
กลับมีคนห่วงใยกัน สุขใจทุกวัน มีเธออยู่ข้างกาย
เริ่มรู้จักความหวานกับรักลึกซึ้งหมดใจ
เริ่มรู้จักความหมายของคืนวัน

เสียงใจฉันเอง ร้องเพลงให้เธอ
ฟังอยู่คือเสียง ดังจากใจ
ร้องเพลงที่ใคร ไม่อาจฟังเสียง ใจฉันเอง
ร้องเพลงให้เธอ ฟังอยู่คือเสียง ดังจากใจ
ร้องเพลงที่ฟัง เข้าใจเพียงเรา~


มิวร้องเพลงนี้ได้เพราะมากจนทุกคนขนลุก ผ่านไปครึ่งเพลง มิวน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม แต่ยังประคองเสียงร้องต่อไปได้จน ท้ายเพลง มิวเริ่มร้องไม่ออก แฟนเพลงช่วยกันร้องเพลงตามไป
มิวตั้งสติกลับมาร้องจนจบเพลงและทรุดตัวลงร้องไห้นั่งกับพื้นเวทีและร้องไห้ออกมา คนในบริเวณคอนเสิร์ตที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันตกใจ

ทีมงานรีบวิ่งจะขึ้นไปดูมิว เอ็กซ์และเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในวงเข้ามาปลอบมิว มิวยังคงร้องไห้ไม่หยุด
ทีมงานจะพามิวออกไปแต่เพื่อนๆ ห้ามไว้และขอเข้าไปดูมิวเอง
เอ็กซ์บอกให้ทุกคนกลับไปประจำที่อย่ามุง เอ็กซ์หยิบทิชชี่ออกมาซับน้ำตาเพื่อน
คนดูบางคนร้องไห้ไปกับมิว และจำนวนมากตะโกน ออกัส ออกัส ออกัสอย่างไม่ขาดสาย มิวมองไปบนสะพานลอย ที่ที่โต้งเคยมาเชียร์เขาร้องเพลง ภาพโต้งและหญิงที่อยู่ตรงนั้นปรากฏให้เขาเห็นวูบหนึ่งก่อนจะหายไป เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยแทนกำลังลุ้นและส่งแรงใจให้มิวอย่างเต็มที่ แต่ตาที่พล่าทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร

มิวสูดลมหายใจเข้าลึกสุก ออกสุดๆแล้วจับไมค์ขึ้นมาพูดเสียงสั่นเทา
“เพลงที่จบไปคงเป็นเพลงสุดท้ายของเราในวันนี้ ผมขอโทษด้วยที่ทำหน้าที่ได้ไม่ถึงที่สุด และเพลงที่จบไปนั้น จะเป็นเพลงสุดท้ายของผมเช่นกัน ผมขอลาออกจากวงออกัส และผมจะไม่ขึ้นมาร้องเพลงอีก”

เพื่อนๆ ในวง พากันตกใจ บางส่วนร้องไห้ออกมา หญิงร้องไห้โฮอยู่ด้านล่าง มีเพื่อนผู้หญิงปลอบอยู่ซึ่งร้องไห้ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก เอ็กซ์ ช๊อคมองหน้าเพื่อนอย่างเวทนา
“ผมขอโทษทุกคนจริงๆ ครับ คอนเสิร์ตคงจบลงแค่นี้ สวัสดีครับ”


แฟนเพลงยังคงตะโกนเรียกชื่อออกัสอย่างไม่ขาดสาย มิวกำลังลุกขึ้นจะเดินไปหลังเวที

“เรามาไม่ทันฟังเพลงของเราเหรอมิว”
เสียงๆ หนึ่งที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหน้าเวที มิวหันกลับไปมองน้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง โต้งยินยิ้มให้มิวอยู่ที่หน้าเวทีมือข้างหนึ่งห้อยอยู่ตามสายที่คล้องกับคอของโต้งไว้ มิววิ่งไปที่หน้าเวทียื่นมือลงไป โต้งยื่นมือขึ้นมาจับ

“เราอยากมาฟังมิวร้องเพลงของเรา” โต้งพูดพลางยิ้มอย่างอ่อนโยนโต้งเอื้อมมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้มิว มิวยิ้มออกมา

“ขอบใจนะโต้ง ขอบใจ”

เอ็กซ์ปาดน้ำตาออกจากหน้าตัวเอง ล้วงกระเป๋าเสื้อควักทิชชู่ให้มิว มิวเช็ดน้ำตาออก คนดูด้านหน้าที่เห็นเหตุการณ์ปรบมือเสียงกึกก้อง

“กูบอกแล้วว่าไอ้โต้งมันเป็นเกย์” เพื่อนกลุ่มโต้งพูดขึ้นมา เพื่อนๆ ที่เหลือพากันตบหัว

โดนัทมองโต้งกับมิวและอึ้งไป เดินออกจากงานไปโดยทันที

หญิงยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้แม้จะมีคราบน้ำตาอยู่บนหน้าก็ตาม

มิวมองไปบนสะพานเดิมอีกครั้ง พบพี่จูนยืนอยู่แล้วชูนิ้วโป้งให้ทังสองนิ้ว กระโดดโบกมือและเป่าปากด้วยความดีใจ

มิวยืนขึ้นหันไปมองที่เอ็กซ์และพยักหน้า เอ็กซ์ส่งสัญญาณให้เพื่อนๆ เมโลดี้เพลงกันและกันดังขึ้นอย่างอบอุ่น

สุนีย์และกรยืนมองจากทางด้านหลังเวทียิ้มออกมาอย่างมีความสุข มองขึ้นไปเห็นจูนทั้งสองฝ่ายยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร

~ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม
มันอาจไม่เพราะ ไม่ซึ้งไม่สวยงามเหมือนเพลงทั่วไป

อยากให้รู้ ว่าเพลงรัก ถ้าไม่รัก ก็เขียนไม่ได้
แต่กับเธอคนดีรู้ไหม ฉันเขียนอย่างง่าย...ดาย

เธอคงเคยได้ยินเพลงรักมานับร้อยพัน
มันอาจจะโดนใจ แต่ก็มีความหมายเหมือนๆกัน

แต่ถ้าเธอฟังเพลงนี้ เพลงที่เขียนเพื่อเธอเท่านั้น
เพื่อเธอเข้าใจความหมายแล้วใจจะได้มีกันและกัน

ให้มันเป็นเพลง บนทางเดินเคียง ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน
อยู่ด้วยกันตราบนานๆ ดั่งในใจความบอกในกวี
ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง
คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจ ฉันมีปลายทาง

มีความจริงอยู่ในความรักตั้งมากมาย
และที่ผ่านมาฉันใช้เวลาเพื่อหาความหมาย

แต่ไม่นานก็เพิ่งรู้ เมื่อทุกครั้งที่มีเธอใกล้
ว่าถ้าชีวิตคือทำนอง เธอก็เป็นดังคำร้องที่เพราะและซึ้งจับใจ

ให้มันเป็นเพลง บนทางเดินเคียง ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน
อยู่ด้วยกันตราบนานๆ ดั่งในใจความบอกในกวี

ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง
คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจ ฉันมีปลายทาง

มีทางเดินให้เราเดินเคียง และมีเสียงของเธอกับฉัน
มีทางเดินให้เราเดินร่วมเคียง และมีเสียงของเธอกับฉัน~


มิวร้องเพลงนี้โดยมองไปที่โต้งอย่างไม่ละสายตา โต้งมองมิวเช่นกัน มีอาการเขินออกมาบ้างเล็กน้อย ทั้งคู่ยิ้มให้กันตลอดเพลงจนจบ

เมื่อเพลงจบเสียงกรี๊ดและเสียงตบมือดังกึกก้องไปทั่วสยาม ทุกคนโห่ร้องด้วยความยินดี มิวและพรรคพวกมายืนเรียงที่หน้าเวทีและโค้งคำนับแฟนเพลงพร้อมๆ กัน คอนเสิร์ตผิดตัวลงอย่างประทับใจ แฟนเพลงกลับกันไปหมดแล้ว ทีมงานบางส่วนเก็บงานอยู่ มิวกับโต้งยืนคุยกันที่หลังเวที ในมุมที่ไม่มีใคร

“มิวร้องเพลงเพราะดีเนอะ”
“ขอบใจนะ”
ทั้งสองคนมองตากันอยู่อย่างนั้นนานเท่าที่จะทำได้

[เขาว่ากันว่า คนที่มีความรักโลกจะหยุดหมุน และโลกทั้งใบจะมาสนใจคนคู่นั้น]


[ตอนนี้เวลาคงหยุดเดินอยู่สินะ โลกคงหยุดไปอีกนานเท่านานเลยทีเดียว]


~ดั่งในใจความบอกในกวี

ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง
คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจ ฉันมีปลายทาง ~


-จบบริบูรณ์-





Create Date : 02 มกราคม 2551
Last Update : 2 มกราคม 2551 16:56:23 น. 4 comments
Counter : 3148 Pageviews.

 
โห ตอนจบอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ขอบคุณมากคร้าบ


โดย: kitt IP: 76.94.120.135 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:14:06 น.  

 
ขอบคุน มากมายคับ


โดย: เนตร บ่าวหละปาง IP: 118.172.122.123 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:37:01 น.  

 
เล่นเอาซึมไปเลยเรา
ขอบคุณมากครับ


โดย: Jay IP: 203.172.55.208 วันที่: 4 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:05:16 น.  

 
ตอนจบนี้อ่านไม่ค่อยราบรื่อนเลย
เพราะต้องค่อยเช็ดน้ำตาไอด้วย
ขอบคุณมากคับที่มี
สิ่งดีๆให้อ่าน


โดย: PaMaN IP: 117.47.164.95 วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:5:02:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

K_chang
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เฟิร์นคับ เป็นคนภูเก็ต แต่ต้องมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ งานอดิเรกก็มีบ้าง แต่ที่ติดอยู่ตอนนี้คือการทำบล็อก
และก็คงจะไม่เลิกง่ายๆซะด้วย

ยินดีต้อนรับเข้าสู่K_chang BLOG นะคับ…
Kittipong Jarusathorn
Instagram

Google
free counters
New Comments
Friends' blogs
[Add K_chang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.