เซ่อซ่า จนเกือบหนาวตาย
วันนี้ตื่นมา เห็นเกล็ดน้ำแข็งขาวเกาะยอดหญ้า เดินออกไปดู แหม เย็นๆซะด้วย รีบกลับเข้าบ้านดีกว่า กลายเป็นโรคกลัวความหนาวเย็นไปซะแล้วเรา มันมีเหตุจ้า ไม่ได้เป็นโรคประสาท เอ๊ะหรือว่าเป็น เหตุเกิดเมื่อปลายปีที่แล้ว เช้าวันหนึ่งในหน้าหนาว หิมะตกตอนกลางคืน เช้ามาจึงขาวโพลนไปหมด ยิ่งหิมะตกใหม่ๆเนี่ย มันจะขาว เป็นปุย เกาะตามกิ่งไม้ สวยงามมาก มีรอยเท้าสัตว์บนพื้นหิมะด้วย ตามประสากระเหรี่ยงแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ผู้เคยเห็นแต่รอยเท้าบนผืนทราย กะรอยตีนควายในปลัก เห็นดังนั้น จึงอยากจะออกไปสัมผัสเป็นยิ่งนัก ยิ่งนึกถึงบรรยากาศแบบกระท่อมน้อยของลุงทอม หรือ นึกว่าตัวเองเป็นลอรา อิงกัล แห่งบ้านเล็กในป่าใหญ่รึไงไม่รู้ ไม่ทันคิดอะไร คว้ากล้องคู่ใจ(ของนายยุ่ง ของตัวเองไม่ชอบ )สวมบูทคู่ที่วางอยู่ใกล้ที่สุด (ของนายยุ่งอีกแหละ)โผล่ออกประตูไปทันที (ประตูด้านนี้ที่ไม่ได้เป็นทางเข้าออกประจำของคนในบ้าน แต่ไม่รู้เขาทำไว้ทำไม หรือจะเอาไว้เป็นทางหนีไฟ) เสื้อผ้าตอนนั้นมีแค่สเวตเตอร์ กางเกงผ้าสำลี ถุงเท้า ชั้นในก็ไม่ได้ใส่ ให้ตายเหอะ ยังดี๊ที่ใส่บูทออกไป เดินออกไปได้สามก้าว กำลังเล็งไปยังภาพที่งดงาม ขณะกดชัตเตอร์พลันได้ยินเสียง"กริ๊ก"ขึ้นมาพร้อมๆกัน นึกในใจ วันนี้กล้องนายยุ่งเสียงแปลกแฮะ ปกติท่านจะไม่ค่อยให้แตะต้องของท่าน เวลาไม่อยู่จึงจะแอบขโมยมาถ่ายรูปบ้าง ฉับพลันนั้นเอง เกิดอาการใจหายวาบ เคยมั้ย รู้ตัวว่าทำอะไรผิดลงไป ใจมันวาบ บอกไม่ถูก เสียงที่ว่านั้น มันไม่ใช่เสียงกล้อง มันเป็นเสียงประตู ประตูมันปิด หันไปเห็นยิ่งแน่ใจชัด มันล็อกไปแล้ว นายยุ่งเคยบอกแล้วว่า ห้ามออกประตูนี้ มันล็อกอัตโนมัติ วิ่งกลับขึ้นไป ดึงประตู หมุนลูกบิด แงแง เปิดไม่ได้ ตายละสิตู นายยุ่งไปทำงานแล้วด้วย ทำไงดีฟระ วิ่งไปหน้าบ้านด้วยหวังว่าประตูหน้าจะไม่ได้ล็อก ไอ้รองเท้าบ้านี่ก็คู่ใหญ่ ยกขาแทบไม่ขึ้น ไปถึงหน้าบ้าน ความทรงจำแว่บเข้ามา ประตูล็อก ล็อกเองกับมือ เพราะนายยุ่งตะโกนบอก "lock the door" ยังสงสัยว่า จะให้ล็อกทำมั้ย ทุกวันไม่เคยล็อก โอมายลอร์ดบุดดา หนาว ฮือฮือ มือไม้ชา หน้าเย็นเจี๊ยบเลย ทำไง ทำไง ไปดูหน้าต่างดิ๊ วิ่งไปรอบบ้าน หาหน้าต่างที่เปิดได้ ไม่มีบานไหนเปิดได้เลย เวรแล้ว เอาไงดี คิด คิด คิด
ไปหาแซนดี้ บ้านน้องสาวนายยุ่ง อยู่ห่างไป 50 เมตร อยู่บ้านป่าวไม่รู้ ป่านนี้ไปทำงานแล้วแน่เลย เดินไปดูก่อน ไปถึง รถไม่อยู่ เคาะเรียก มีแต่เสียงหมาเห่า ตาย ไม่อยู่ กลับบ้าน ไปบ้านคุณยายบ้านตรงข้าม ไม่น่าจะอยู่ ไม่เห็นรถ เออน่าไปดูก่อน เดินได้ช้ามาก รองเท้ามันหนัก แถมหนาว น้ำมูกก็ไหล เจ็บหูด้วย ทำไมเวลาหนาว มันต้องเจ็บหูด้วย ไม่กล้าจับเลย กลัวหูหลุด เพราะมีคนเคยบอกว่า เวลาอากาศหนาวมากๆ หูเนี่ยมันบาง มันจะแข็ง แล้วถ้าไปจับแรงๆ มันจะหักออกมา โอ๊ย ใครอย่ามาโดนหูชั้นนะ
เดินกลับมาถึงบ้าน มองไปบ้านคุณยาย เห็นรถจอดอยู่ คุณยายอยู่บ้าน ดีใจเหมือนได้แก้ว รอดตายแล้วเรา รีบข้ามถนนไป เคาะประตูก๊อก ก๊อก Hello คุณยายเปิดออกมา
เรา ..Hi ..may I use your telephone ? , I was locked out of my house.( ปกติใบ้กินตลอดเวลาอยู่กับฝรั่งแปลกหน้า ไม่ได้หยิ่งหรือถือตัวว่าสูงส่งกว่าแต่อย่างใด กลัวเขาฟังไม่รู้เรื่องต่างหาก แต่ว่าเราสูงจริงๆนะ ตัวสูงกว่าฝรั่งแถวนี้ด้วย )
คุณยาย.. พยักหน้าให้เราเข้าไปข้างในบ้านแก แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ให้ เราบอกแกว่า เราออกมาถ่ายรูปเลยโดนล็อกเข้าบ้านไม่ได้ แกถามว่า นี่หิมะครั้งแรกหรือ ใช่ค่ะ นึกในใจ เอ แกฟังเรารู้เรื่องด้วยแฮะเราก็ฟังแกรู้เรื่องด้วยละ นึกว่าจะต้องส่งภาษามือกันซะแล้ว
เรา..เขยิบเข้ามายืนบนพรม ไม่เข้าไปไกลกว่านั้น เพราะไม่ได้ถอดรองเท้า เราไม่ชอบคนใส่รองเท้าเข้ามาในบ้าน คนอื่นเขาคงไม่ชอบหมือนกัน
คุณยาย..ส่งโทรศัพท์ให้เรา รับมาเกือบทำร่วง เพราะมือมันชา นึกเบอร์โทรที่ทำงานนายยุ่ง ทั้งที่ไม่เคยโทร แต่มันจำได้ แปลว่าสมองดีทีเดียว ยามคับขันยังมีสติ จำเบอร์ได้ กดไปรอบแรก สายไม่ว่าง เปลี่ยนใหม่ ติดแล้ว มีคนรับ บอกขอพูดกับนายยุ่งหน่อย
ทางโน้น..รอเดี๋ยว นายยุ่งรับสาย..hello เรา..เธอ กลับบ้านมาเปิดประตูให้หน่อย นายยุ่ง..ทำไม เรา ..ออกมาถ่ายรูป เข้าบ้านไม่ได้ นายยุ่ง..ออกประตูนั้อีกแล้วใช่มั้ย เอากล้องใครไป เรา.. เออ กล้องเธอแหละ นายยุ่ง..แล้วนี่อยู่ไหน เรา..I'm at grandma นายยุ่งหัวเราะดัง นายยุ่ง..บอกกี่หนแล้ว ไม่รู้จักจำ เดี๋ยวไป เรา..มาเร็วๆนะ หนาวจะตายแล้ว
เราขอบคุณคุณยายแล้วแจ้นกลับมารอหน้าบ้าน เต้นไปกระโดดไปให้มันคลายหนาว แต่มันไม่ช่วยเล้ย 10 นาทีได้นายยุ่งถึงมา หัวเราะร่ามาเชียว คงสมน้ำหน้าเรา แล้วก็บ่น บลา บลา บลา ไม่ฟังโว้ย คนหนาวจะตาย เข้าบ้านได้ ไล่นายยุ่งกลับไปทำงาน แล้วก็มาเปิดดูรูป คุ้มกับการเสี่ยงตายมั้ยวะเนี่ยเรา เฮ้อ
รูปนี้ถ่ายก่อนเกิดเหตุ 2 วัน ที่เดียวกัน แต่เอาเก้าอี้ขวางประตูไว้
อันนี้ถ่ายวันเกิดเหตุ ลืมเรื่องประตู นี่รอยเท้าเจ้าปัญหา น่าจะเป็นรอยแร็คคูน
รอยกวางก็มี แต่ไม่มีอารมณ์ถ่าย จำไว้เลย ออกไปไหนเอากุญแจติดตัวไปด้วยนะ ยายเซ่อ เมื่อตอนคริสต์มาส เลยเอาของขวัญไปขอบคุณคุณยาย เป็นพัดหนึ่งอัน กับผ้าพันคอไหม สีเขียว ไว้รอทำขนมเก่งแล้ว จะเอาไปให้ชิมนะคะคุณยาย
Create Date : 11 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2549 2:37:51 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1710 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตา (Febie ) วันที่: 12 สิงหาคม 2549 เวลา:0:04:59 น. |
|
|
|
โดย: หมอนวดไดอารี่...จ้ะ (Odense ) วันที่: 12 สิงหาคม 2549 เวลา:5:15:40 น. |
|
|
|
โดย: ฝน (ปลายฟากฟ้า ) วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:22:35:18 น. |
|
|
|
โดย: ลูกหมู IP: 71.13.35.205 วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:12:46:14 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เราก็เคยล็อคเข้าบ้านไม่ได้วันที่หนุ่มช่างไฟสุดหล่อมาขอซ่อมเสาไฟฟ้าในสวนหลังบ้าน ขอยืมมือถือแกวุ่นวายไปหมด คุณสามีดันไม่รับสายคนแปลกหน้า เลยต้องนั่งรอนอกบ้านไปเกือบชั่วโมงแหน่ะค่ะ ดีนะที่นี่มันร้อน ไม่งั้นหูหลุดแน่ อิอิ