FAT WAR # 7 DAY 40 ( โปรตีนร่วมผัก วันที่ 1) ขอดูผลการล้างพิษหน่อยค่ะ
วันจันทร์ที่ 23 พ.ค. 54
เมื่อวานล้างพิษด้วยผลไม้กัน แต่น้อง ๆ ส่งการบ้านกันน้อย ก็เลยไม่รู้ว่าเป็นไงกันบ้าง วันหยุดเหมาะสมสุดในการล้างพิษค่ะ ยังมีน้องหลายคนไม่เข้าใจการล้างพิษ อยากแนะนำให้ไปหาข้อมูลอ่านเพิ่มเติมค่ะ มีเยอะเลย ตำราก็มีหลายเล่ม ล้างพิษมีหลายแบบ แต่ที่ให้ทำเนี่ย แบบเบาสุดแล้วค่ะ ถ้าขี้เกียจหา พี่ปลามามาฝากค่ะ
----------------------------------------------------------------------------- หลักการล้างพิษ
ล้างพิษคืออะไร
ล้างพิษ คือ กระบวนการในการขจัดสารเสีย สารที่ก่อโรคที่บั่นทอนสุขภาพ ทั้งต่อร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ ให้ร่อยหรอหรือหมดไป
ความเป็นมา
การล้างพิษเป็นหลักการประการหนึ่งของการแพทย์แผนธรรมชาติ มีความเป็นมาได้จากประเพณี และการแพทย์พื้นถิ่นของหลายชนชาติ เช่น
- การแพทย์พื้นถิ่นของยุโรปโดยฮิปโปเครติส - ศาสตร์สุขภาพของอินเดีย อายุรเวท - การงดกินของแสลงในผู้ป่วย หรือหญิงหลังคลอด ในการแพทย์พื้นถิ่นของไทย - การงดกินอาหารย่อยยากและดื่มแต่น้ำข้าวต้มยามเจ็บป่วยในการแพทย์แผนจีน - การอดอาหารร่วมกับสมาธิ ธรรมโอสถ ในวัตรปฏิบัติของภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา ฯลฯ
ปัจจุบันการล้างพิษกลายเป็นหลักปฏิบัติในศูนย์สุขภาพแนวธรรมชาติที่นำสมัยทั่วโลก ขณะเดียวกันก็เริ่มมีคำอธิบายใหม่ ๆ ในบทบาทของการล้างพิษ จากการศึกษาเปรียบเทียบทางชีวเคมี
พิษคืออะไร
อายุรเวทกล่าวว่า ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยธาตุทั้ง 5 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และช่องว่าง ธาตุทั้งห้านี้ควบคุมด้วยอัคนีหรือไฟชีวภาพ ผู้ที่สุขภาพไม่ดีการเผาผลาญอาหารโดยไฟชีวภาพจะเหลือสารพิษ อามะ ไปอุดตันตาม โสรตัส ได้แก่ ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ หลอดเลือด หลอดน้ำเหลือง ท่อปัสสาวะ ท่อน้ำดี เกิดโรคต่าง ๆ ขึ้น
อายุรเวทใช้ปัญจกรรมะ ได้แก่ การอดอาหารหรือกินแต่น้อย สวนลำไส้ ถ่ายยา ล้างทางเดินหายใจ ทั้งหมดเพื่อล้างพิษและฟื้นคืนสุขภาพ
ฮิปโปเครติสเสนอว่า เราทุกคนมีแพทย์ประจำกาย เราเพียงแต่ส่งเสริมเขาสักหน่อย ก็รักษาโรคของเราได้ การกินอาหารยามเจ็บป่วย เท่ากับการเติมพลังแก่โรคร้ายให้กำเริบขึ้น เขาใช้หลักการอดเพื่อสุขภาพในการรักษาโรค
อนุมูลอิสระและแหล่งที่มา
ปัจจุบันนักชีวเคมีค้นพบสารชีวเคมีกลุ่มหนึ่ง ชื่อว่า อนุมูลอิสระ ร่างกายรับสารกลุ่มนี้จากสิ่งต่อไปนี้คือ
- อาหารปิ้ง ย่าง ทอด จนเกรียมจัด - สารเคมีในอาหาร สารแต่งสี แต่งกลิ่น สารกันบูด - ยาที่กินเข้าไป - ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง - โลหะหนักและควันพิษ - กรดไขมันไม่อิ่มตัวทำปฏิกิริยากับออกซิเจน กระบวนการหืนของน้ำมัน - กรดไขมันไม่อิ่มตัวถูกความร้อนจัด ๆ กรณีการทอดอาหารในน้ำมันซ้ำ ๆ - เขม่า ควันไฟ ควันบุหรี่ - รังสีเอกซ์ และรังสีแกมมา - สารเคมีบำบัดที่ทำปฏิกิริยากับเซลล์มะเร็งและเซลล์ร่างกาย อนุมูลอิสระยังเกิดขึ้นภายในร่างกายของคนเรา - ทุกวินาทีที่เรากินอาหาร ย่อยอาหาร - การเผาผลาญอาหารเป็นพลังงาน - ทุกเวลาที่ออกกำลังกาย - เวลาที่เซลล์ร่างกายถูกคุกคามจากเชื้อโรค มีการอักเสบ - ความเร่งรัด เคร่งเครียด เพิ่มอัตราการเผาผลาญ เพิ่มการสร้างอนุมูลอิสระ
โรคจากอนุมูลอิสระ
สารพิษอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุของการเกิดโรคกลุ่มสำคัญ ๆ ทั้งความเสื่อมของร่างกาย โรคของภูมิต้านทานและกลุ่มโรคมะเร็ง ได้แก่ โรคไขมันเลือดสูง โรคความดันเลือดสูง โรคหัวใจ โรคอัมพาต โรคข้อเสื่อม โรคข้ออักเสบ ภาวะเหี่ยวย่นของผิวหนัง โรคต้อกระจก โรคภูมิต้านทานไวเกิน โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืดและโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ
สารต้านอนุมูลอิสระ-แอนติออกซิแดนต์
อนุมูลอิสระถูกสลายได้ ด้วยกลุ่มสาร แอนติออกซิแดนต์ ได้แก่ - เอนไซม์ในเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะตับ ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเตส (SOD) โคเอนไซม์ Q10 เป็นต้น - สารวิตามินเกลือแร่หลายชนิด วิตามินเอ-เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี เซเลเนียม โปรแอนโธซัยแอนิดีน ไอโซฟลาโวน เป็นต้น
การคลายเครียดและฝึกสมาธิลดอนูมูลอิสระ
การล้างพิษ ซึ่งใช้หลักการอดเพื่อสุขภาพ และทำจิตใจให้สงบช่วยให้ร่างกายได้พัก ลดการสร้างอนุมูลอิสระตัวใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้เซลล์ตับและเซลล์ที่ร่างกายขจัดอนุมูลอิสระที่มีอยู่เดิมให้หมดไปด้วยสารแอนติออกซิแดนซ์ต่าง ๆ เหล่านี้คือความเข้าใจใหม่ ๆ เกี่ยวกับกระบวนการล้างพิษจากมุมมองของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
ล้างพิษแบบอด 1 วัน
ล้างพิษแบบอดเพื่อสุขภาพ 1 วัน สามารถปฏิบัติได้ดังนี้
กำหนดวัน เลือกวันขึ้นหรือแรม 11 ค่ำ เนื่องจากวันนั้นน้ำในโลกรวมทั้งน้ำในตัวเราจะได้สมดุลพอดี ตามหลักทางโยคะศาสตร์ ทำให้ไม่ค่อยหิว อาศัยปรากฏการณ์ธรรมชาติมาช่วยทำให้อดได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่สะดวกจะเลือกเอาวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ก็ได้
หลักการอดและระดับขั้นการอด
โดยหลักการแล้ว การล้างพิษจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการอด กล่าวคือ ไม่มีอาหารประเภทต่าง ๆ เช่น เนื้อสัตว์ ไขมัน หรือแป้งข้าวหลากหลายชนิดตกถึงท้อง เพื่อจะลดละการย่อยอาหารร่างกายจะได้พักและขจัดสารเสียไปจากร่างกาย แต่ถาจะให้อดโดยไม่กินอะไรเลย ผู้ที่ไม่เคยอดอาจจะไม่คุ้นเคย จึงอาจค่อย ๆ ฝึกให้การอดในระดับที่เหมาะสมไปทีละขั้น
การอดอาจแบ่งได้เป็น 4 ระดับ ตามความชำนาญของผู้ปฏิบัติแต่ละคน
ระดับที่ 1 ขั้นอนุบาล อดด้วยผลไม้ ใช้วิธีกินผลไม้ชนิดเดียวตลอดทั้งวัน ควรเลือกผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น มะละกอ ฝรั่ง ชมพู่ ส้ม ส้มโอ มะม่วง แอปเปิล สาลี่ แคนตาลูป แตงโม ฯลฯ จะเลือกกินชนิดใดก็กินแต่ชนิดนั้นไปตลอดทั้งวันเท่าที่ร่างกายต้องการ
ระดับที่ 2 ขั้นประถม อดด้วยน้ำผลไม้ ดื่มแต่น้ำผลไม้ชนิดเดียวตลอดวัน ผลไม้ที่เลือกอยู่ในกลุ่มเดียวกับกรณีแรก ใช้เครื่องสกัดน้ำผลไม้เพื่อจะได้ไม่ต้องกินกาก
ระดับที่ 3 ขั้นมัธยม อดด้วยน้ำเปล่า แทนที่จะกินผลไม้ หรือดื่มน้ำผลไม้กัน ก็หันมาดื่มน้ำเปล่าเท่าที่ร่างกายต้องการตลอดวันที่อด
ระดับที่ 4 ขั้นมหาวิทยาลัย อดโดยไม่กินไม่ดื่ม สำหรับคนที่เคยผ่านการอดระดับแรก ๆ มาก่อน ก็อาจหันมาให้การอดโดยไม่กินไม่ดื่มเลยตลอดวัน
วิธีอด มื้อสั่งลา (เตรียมอด) ไม่ว่าจะใช้การอดระดับใด ให้เริ่มต้นอาหารมื้อเช้า ประมาณ 7.00 น. โดยกินผลไม้ 1 จานอันเป็นอาหารเบา ๆ พร้อมกับน้ำผลไม้สัก 1 แก้ว ถือเป็นการสั่งลาอาหาร (เตรียมอด) เพื่อไปเริ่มกินในเช้าของวันรุ่งขึ้น (เลิกอด) ในทางปฏิบัติผู้เขียนนิยมกินมะละกอ 1 จาน กับน้ำส้มคั้น 1 แก้ว
อดตลอดวัน จากมื้อสั่งลาก็ให้อดอาหารอย่างอื่น ๆ ไปตลอดวัน ระหว่างนั้นถ้าหิวก็ให้ปะทะปะทังด้วยผลไม้อย่างเดียว หรือน้ำผลไม้อย่างเดียว หรือน้ำเปล่า ขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังปฏิบัติในระดับใด
กิจกรรมในวันอด ควรทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น ทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำงานอดิเรก เขียนหนังสือ อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำสมาธิ ในวันอดคุณจะมีเวลามากมาย สมองใส ความคิดปลอดโปร่งเหมาะที่จะทำงานใช้ความคิด ไม่ต้องออกแรง แถมเหมาะสมกับการทำสมาธิอย่างยิ่ง เพราะร่างกายไม่ต้องย่อยอาหาร ได้ฟอกล้างสารพิษไปจากตัว เลือดที่ไปเลี้ยงสมองก็สะอาดขึ้น เกิดภาวะที่จิตสงบได้โดยเร็ว อย่างไรก็ดีให้เข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้พักผ่อนเพียงพอ
เลิกอด เมื่ออดครบถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ให้ทำการเลิกอดดังนี้ - ดื่มน้ำผสมมะนาวผสมเกลือ 1.5-2 ลิตร โดยผสมน้ำ 1 ลิตรกับน้ำมะนาว 2 ลูก และเกลือทะเล 1 ช้อนชา ค่อย ๆ ดื่มเข้าไปทีละเท่าที่จะดื่มได้ จนหมด *** ต้องไม่ใช้เกลือที่ผสมไอโอดีน เพราะไอโอดีนกินเข้าไปมากทันทีจะทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้ - จากนั้นจะรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระก็ให้ไปถ่าย ซึ่งจะพบว่ามีอาการถ่ายเหลว เนื่องจากปริมาณน้ำที่ดื่ม และปริมาณวิตามินซีที่รับเข้าไปจากน้ำมะนาว วิธีนี้จะช่วยให้ทางเดินอาหารสะอาดขึ้น
อาหารหลังการอด เมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จแล้ว ก็สามารถกินอาหารเช้าได้ โดยเริ่มจากการกินกล้วยสัก 1-2 ใบ จากนั้นก็กินอาหารเช้าตามปกติ ซึ่งมือแรกนี้ควรเป็นอาหารเบา ๆ เช่น โจ๊กข้าวกล้อง หรือข้าวต้มโรยวีตเจิร์ม งาดำ เมล็ดทานตะวัน
อาหารมื้อถัดไปหลังวันอด คุณอาจรู้สึกหิวและกินจุขึ้น ควรเลือกกินอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมากกว่าวันธรรมดาสักหน่อย เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เผือกต้ม มันต้ม ข้าวโพดต้ม กล้วยปิ้ง การกินอาหารกลุ่มนี้หลังวันอดจะเป็นผลดีกว่าการจะหันไปกินเนื้อสัตว์มาก ๆ เพียงเพราะความรู้สึกอยากกิน เหตุผลก็คือ ในวันที่อด ร่างกายจะสร้างเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า glycogen storaging enzyme มีหน้าที่เตรียมพร้อมให้ร่างกายสะสมคาร์โบไฮเดรตเข้าไปเป็นเสบียงสำรองในตับและกล้ามเนื้อ ดังนั้นหลังวันอดเราจึงควรกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อเพิ่มเสบียงกรังที่ดีให้กับร่างกายต่อไป
อาหารในชีวิตประจำวัน พ้นจากการอดแล้ว อาหารสำหรับทุกคนก็ควรจะเป็นอาหารธรรมชาติที่มีประโยชน์ ในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่กินอาหารขยะอีก
สวนล้างลำไส้ เสริมบทบาทการล้างพิษ เพื่อให้ผลการล้างพิษเกิดผลดียิ่งขึ้น ให้สวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟ ซึ่งเป็นการกระตุ้นตับให้ทำงานมากขึ้น ตับจะช่วยขจัดสารเสียโดยเฉพาะอนุมูลอิสระให้หมดจดยิ่งขึ้น
อดบ่อยเพียงใด การล้างพิษแบบ 1 วัน ถือเป็นการทำความสะอาดร่างกายและจิตใจอย่างสม่ำเสมอ คนที่แข็งแรงปกติก็สามารถอดวิธีนี้ได้ถือเป็นการส่งเสริมสุขภาพ โดยกำหนดให้อดทุก 2 สัปดาห์ สำหรับผู้ที่มีโรคภัยไข้เจ็บอยู่และต้องการใช้การล้างพิษมาช่วยบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ แนะนำให้อดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
สำหรับระดับขั้นการอด เมื่อปฏิบัติระดับที่ 1 หรือ 2 หรือ 3 จนชำนาญแล้ว จะปฏิบัติระดับละกี่ครั้งไม่มีข้อกำหนดตายตัวแล้วค่อยเลื่อนระดับขั้นได้เองตามความเหมาะสม
ข้อบ่งชี้
การอดแบบล้างพิษ 1 วันนี้ ใช้ได้อย่างดีสำหรับการรักษาโรคด้วยตนเองตามแนวธรรมชาติบำบัด เช่น - โรคอ้วน - โรคไขมันเลือดสูง - โรคข้ออักเสบ - ข้อเสื่อม - โรคไมเกรน - โรคเครียด - โรคนอนไม่หลับ - โรคภูมิแพ้ - โรคหอบหืด - โรคท้องผูก - โรคกระเพาะลำไส้ระคายเคือง - โรคกระเพาะ นอกจากนี้อาการไม่สบายต่าง ๆ ที่ยังไม่ถึงกับเป็นโรคโดยเด่นชัด เช่น
- อาการมึนซึม - ปวดเมื่อยตัว - อ่อนเพลีย - ไม่กระปรี้กระเปร่า - ไม่มีเรี่ยวแรง
อาการไม่สบายเหล่านี้การแพทย์แผนธรรมชาติถือว่า เป็นภาวะที่ร่างกายเริ่มสะสมสารพิษ แต่ยังไม่ถึงกับเกิดโรค การล้างพิษจะช่วยบำบัดอาการต่าง ๆ เหล่านี้ได้
พึงสักเกตุว่าแม้โรคกระเพาะก็สามารถใช้การอดมาช่วยบำบัดได้ เพราะแท้ที่จริงการหลั่งกรดในกระเพาะมีปัจจัยหนึ่งคือ ภาวะกระเพาะตึง สองคือความเครียด ในคนที่เป็นโรคกระเพาะมักมีสาเหตุจากการกินอาหารผิดเวลาเมื่อกินรอบต่อไปก็กินมาก ทำให้กระเพาะตึง น้ำย่อยก็จะออกมามาก อีกประการหนึ่งคนเป็นโรคกระเพาะมักมีความเครียดสูง ในการอดเพื่อล้างพิษ กระเพาะจะหดตัว ทั้งยังให้คลายเครียด ฝึกสมาธิ น้ำย่อยจึงไม่ออก อย่างไรก็ดีคนที่เป็นแผลในกระเพาะจนมีอาการถ่ายดำ ถ้าจะอดควรปรึกษาแพทย์ทางธรรมชาติบำบัด
ข้อห้าม ข้อห้ามสำหรับการอดเพื่อสุขภาพคือ เด็กในวัยเจริญเติบโต สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยด้วยโรครุนแรง เช่น โรคหัวใจขั้นรุนแรง โรคความดันเลือดสูงวิกฤติ ฯลฯ สำหรับผู้ป่วยเบาหวานนั้น การล้างพิษทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ฝ่ายธรรมชาติบำบัด
ผลที่ได้รับ ในทางร่างกาย วันที่อดร่างกายจะได้พัก เพราะระบบย่อยซึ่งเป็นระบบใหญ่ไม่ต้องทำงาน อวัยวะทุกส่วนจะได้พักไปด้วย เป็นการถนอมใช้ร่างกายของเราอย่างหนึ่ง การอดช่วยลดระดับสารพิษหรือสารอนุมูลอิสระให้ลดลง จึงช่วยบำบัดโรคกลุ่มต่าง ๆ ดังระบุข้างต้นได้
ในทางจิตใจ เมื่อเราอดนอกจากร่างกายได้พักแล้ว จิตใจของเราก็ได้พักไปด้วย การอดยังช่วยถ่ายถอนจิตของเราจากความกระหายใคร่อยากในรสอาหาร เป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยขัดเกลากิเลสให้คลายลง ถ้าได้ปฏิบัติสมาธิร่วมด้วยก็อาจเกิดผลในการช่วยยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้น การอดจึงนับเป็นกุศลกรรมอันหนึ่ง
ที่มา : หนังสือ คู่มือล้างพิษแบบ 1 วัน
Create Date : 23 พฤษภาคม 2554 |
|
15 comments |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2554 8:46:25 น. |
Counter : 685 Pageviews. |
|
|
|
มาร่วมลุ้นผลการล้างพิษของนักเรียน เห็นว่าหลายๆ คนผ่านมาได้ เก่งมากๆ ค่ะ