บันไดสู่ความสำเร็จ
เมื่อบันได ห้องสมุด ที่เก็บของ และครัว เป็นเฟอร์นิเจอร์ชุดเดียวกัน เดิมทีบ้านนี้เป็นโรงนาเก่า ๆ ที่ Maxwan Architects + Urbanists จากเมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ปรับปรุงให้กลายเป็นบ้านที่น่าอยู่สำหรับครอบครัวเล็ก ๆ มีห้องครัว และห้องนั่งเล่น ขนาดใหญ่ มีเฟอร์นิเจอร์ ไม่กี่ชิ้น หนึ่งในนั้น มีทั้งบันได ห้องสมุด ที่เก็บของ และครัว รวมอยู่ในชุดเดียวกัน
พูดถึงหนังสือทำให้นึกถึงเรื่องที่องค์การ UNESCO (องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) เคยออกผลวิจัยที่ทำให้คนไทยตกใจ ว่าเราอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละแค่ 8 บรรทัดเท่านั้น OMG หลายคนบอกว่าเหลือเชื่อ เพราะสวนทางกับอัตรารู้หนังสือที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประกาศออกมาเมื่อปีที่แล้วว่าอยู่ที่ร้อยละ 97
แม้จะเป็นตัวเลขที่ค้านสายตาคนไทยส่วนใหญ่ แต่กลายเป็นสถิติที่คนไทยจำได้แม่นยำ เป็นเดือดเป็นร้อน ให้หลายฝ่ายลุกขึ้นสร้างวัฒนธรรมการอ่าน แต่ทำได้แค่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น
แต่ผลวิจัยล่าสุดของทาง UNESCO กลับทำให้ช็อคมากกว่าเดิม เพราะล่าสุดผลวิจัยบอกว่า คนไทยอ่านหนังสือกัน ปีละแค่ 4 บรรทัด เช่น อ่านเฉพาะพาดหัวข่าวแต่ไม่อ่านเนื้อข่าว และมีสาเหตุมากจากทุกวันนี้คนไทย อ่าน Facebook อ่าน Twitter อ่านสารพัดโซเชียลมีเดีย เรียกว่าเป็นผู้บริโภคสื่อประเภทนี้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก รวมถึงบางคน ต้องการ "ความเป็นส่วนตัวสูง " หรือ Hight Privacy ทำให้สื่อสารในโลกความเป็นจริงน้อยลง
แต่ปรากฏการณ์ในงาน "มหกรรมหนังสือแห่งชาติ" ทุกครั้ง จะเห็นผู้คนหลั่งไหลจากทั่วทุกสารทิศไปเนืองแน่นที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อไปเดินเบียดเสียดยัดเยียดจับจ่าย หอบหิ้วหนังสือกลับบ้านกันจนไหล่ทรุด หรือภาพแฟนคลับนักเขียนเข้าแถวต่อคิวยาวเหยียด เพื่อขอลายเซ็นนักเขียนในดวงใจ
"กุลธร เลิศสุริยะกุล" ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาหลักสูตร สำนักงาน กศน. เผยข้อมูลจากสำนักงาน สถิติแห่งชาติ พบว่าเด็กไทยมีอัตราการอ่านหนังสือลดลง ในปัจจุบันเด็กไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยเพียง 2-5 เล่มต่อปี ถือเป็นอัตราที่ลดลงเรื่อย ๆ จากแต่ละปี สถิติลดลงน่าใจหาย ยิ่งห่อเหี่ยวใจเข้าไปอีก เมื่อนำตัวเลขของไทย มาวางเทียบกับสมาชิกอาเซียนพบว่า
"การอ่านของคนไทยอยู่ในระดับวิกฤต ขณะที่เด็กไทยอ่านหนังสือปีละ 2-5 เล่ม แต่สิงคโปร์เฉลี่ยคนละ 50-60 เล่มต่อปี แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือเวียดนามมีอัตราการอ่าน 60 เล่มต่อปี ขณะที่ฝั่งไทยยังไม่แตะถึงเลขสองหลักด้วยซ้ำไป"
แม้คลื่นกระแสเทคโนโลยีเข้าถาโถมซัด "สื่อกระดาษ" ให้เป็นไม้ใกล้ฝั่งรอวันหมดอายุขัย แต่ในสายตาอาจารย์ กุลธร ยังมองว่า "การอ่านจากกระดาษยังเป็นสิ่งคลาสสิคที่สุดแล้วในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร"
ถ้าการอ่านถือเป็นรากแก้วสำคัญในการพัฒนา "ทรัพยากรมนุษย์" ของแต่ละประเทศ หากแต่คนไทย ยังไม่มีนิสัยรักการอ่าน ก็เหมือนทฤษฎีโดมิโน พาลให้เรื่องอื่นล้มระเนระนาดตามไปด้วย
ที่น่าห่วงก็คือบรรดาเด็กที่กำลังเติบโตในช่วงห้าปีหลังมานี้ เพราะหมกมุ่นกับเทคโนโลยีมากไปตั้งแต่อายุยังน้อย เริ่มสร้างโลกของตัวเอง ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง และเมื่ออายุมากขึ้นจะเข้ากับคนอื่น ๆ ไม่ได้ และมีปัญหาตามมา มากมาย คงต้องเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ ดีกว่าให้ผลวิจัยบอกว่าคนไทย ไม่อ่านหนังสือเลย !!!
เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียหน้าในฐานะ "เมืองหลวงหนังสือโลก" โปรดจงตระหนักว่า การอ่านคือโอกาส สำคัญกว่าโอกาส คือการนำความรู้จากการอ่านมาสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์
ไม่ต้องแข่งขันกับเวียดนาม หรือประเทศอื่น ๆ ว่าอ่านได้มากน้อยเท่าไหร่ ให้แข่งขันกับตัวเอง ถามตัวเองว่า "วันนี้ เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ มากขึ้นบ้าง ... และเราจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง"
อยากฝากไว้ให้คิด ... คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
ไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะมาก ๆ ในหนึ่งปี แต่ขอให้อ่านบทความดี ๆ ให้ได้วันละ 1 เรื่อง เพื่อจุดประกายความคิด ดี ๆ ให้ได้ทุก ๆ วัน เพื่อให้เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ทุก ๆ วัน ในหนึ่งปี มี 365 วัน เราจะได้เรียนรู้มากถึง 365 เรื่อง อย่างน้อยเมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ก็ถือว่าคุณได้อ่านหนังสือเกิน 8 บรรทัดแล้ว เย้ ...
อ้างอิง: House G by Maxwan Architects + Urbanists by Omkar https://goo.gl/cn5Ru5 https://www.topservicetraining.com/articles_detail.php?id=61 https://goo.gl/VOauy9 https://www.bangkokreadforlife.com/
Plastic Plastic - Tie A Yellow Ribbon Round The Old Oak Tree ชั้นหนังสือประหยัดพื้นที่ คลิกที่นี่
Create Date : 19 สิงหาคม 2556 |
|
62 comments |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2564 15:29:32 น. |
Counter : 4726 Pageviews. |
|
|
|
มาแว้วววว