Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 
บล็อกนี้แด่คุณตา



ต่อไปนี้เป็นเรียงความที่เราแต่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและได้คะแนนเต็ม (ซะด้วยแน่ะ 555+) คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงเอามาลงให้เพื่อนๆได้อ่านกันดูนะ หวังว่าเรียงความนี้จะสามารถทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญของคนข้างๆตัวเราบ้าง ซึ่งบางครั้งเราเองก็ลืมที่จะดูแลท่านไปนะ



ผู้สูงอายุที่ฉันเห็น ผู้สูงอายุที่ฉันอยากจะเป็น


เมื่อเอ่ยถึงผู้สูงอายุนั้น ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคุณตาและคุณยายของฉันที่ต่างจังหวัด คุณตาของฉันเคยเป็นครูใหญ่มาก่อน ส่วนคุณยายก็เป็นคุณครูโรงเรียนเดียวกันกับคุณตานั่นแหละ พวกท่านเป็นผู้สูงอายุที่เป็นที่รักและเคารพของคนในหมู่บ้าน แต่เมื่อตอนยังเด็ก ฉันไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าทำไมท่านทั้งสองจึงเป็นที่รักของชาวบ้าน ก็เท่าที่จำความได้ พวกท่านเป็นคนแก่ที่จุกจิก ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และชอบดุด่าฉันอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะคุณตาด้วยแล้ว การได้ลงไม้เรียวลงบนก้นของฉันดูจะเป็นเรื่องปกติที่ท่านทำเป็นประจำราวกับเป็นกิจวัตรที่ต้องพึงกระทำทุกครั้งหลังอาหาร และดูเหมือนคุณพ่อคุณแม่ก็ออกจะเห็นดีเห็นงามกับการกระทำที่โหดร้ายทารุณจิตใจเด็กตัวเล็กๆของคุณตาคุณยายเสมอ ทำให้ในตอนนั้น ฉันมักบ่นกับตัวเองว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่รักฉัน ลำเอียง เข้าข้างคนแก่ ทำให้ฉันไม่เคยชื่นชมคุณตาคุณยายท่านเอาเสียเลยตลอดช่วงเวลาเยาว์วัยของฉัน ส่วนคุณปู่กับคุณย่าของฉันเสียไปก่อนที่ฉันจะจำความอะไรได้เสียอีก ดังนั้น ฉันจึงเติบโตมาพร้อมกับอคติที่มีต่อผู้สูงอายุมาตลอด

เวลาผ่านไป เมื่อฉันย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ฉันต้องเข้ามาเรียนชั้นมัธยมศึกษาในตัวเมือง ทำให้ฉันต้องห่างเหินจากที่บ้านมากขึ้น ตอนนั้นฉันออกจะสบายใจเสียด้วยซ้ำที่ต้องห่างๆจากคนแก่ๆที่ขี้บ่น จู้จี้จุกจิก

จนกระทั่งฉันต้องเข้ามาเรียนในระดับอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานคร ทำให้ฉันต้องห่างจากบ้านเกิดของฉันแทบจะโดยสิ้นเชิง ที่กรุงเทพฯนี่เอง ที่ได้เปิดโลกทัศน์ของฉันให้กว้างไกลยิ่งขึ้น เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันจะสำนึกตนได้เสมอว่า ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา ฉันได้เติบโตขึ้นมากๆ ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างซึ่งชีวิตในวัยมัธยมศึกษาไม่อาจให้ได้ ทั้งเรื่องของความรับผิดชอบในเรื่องของการเรียน การปรับตัวให้เข้ากับสังคมในหลากหลายรูปแบบ และทัศนคติที่เติบโตขึ้นในหลายๆเรื่อง รวมไปถึงทัศนคติที่มีเกี่ยวกับผู้สูงอายุอีกด้วย

ฉันได้มาใช้ชีวิตในสังคมที่มีผู้คนหลายหลายรูปแบบ ได้รู้จักผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอีกมากมายหลายท่าน ผิวเผินบ้าง คุ้นเคยบ้าง ต่างสถานะ ต่างโอกาส แต่ต่างก็ล้วนมีจุดยืนร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือความแก่ประสบการณ์ของพวกท่าน หรือที่เรียกกันว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่านั่นเอง เมื่อชีวิตฉันได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกท่าน ทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ ประสบการณ์จะทำให้เราพร้อมมากขึ้นเมื่อจะต้องเผชิญสถานการณ์ใหม่ๆในภายภาคหน้า พวกท่านรู้อะไรๆมากกว่าฉันเยอะกว่าที่ฉันเคยคาดคิดไว้ ฉันคิดว่าทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะยอมรับฟังผู้สูงอายุกันสักเท่าไร หาว่าท่านหัวโบราณบ้างล่ะ แก่แล้วไม่อยู่ส่วนแก่บ้างล่ะ ทำให้บางครั้งฉันก็นึกเสียดายคลังความรู้ดีๆที่ไม่มีคนยอมรับเหล่านี้ จริงอยู่ที่ถึงแม้ความคิดของพวกท่านในบางครั้งมันจะฟังไม่เข้ายุคเข้าสมัยเอาซะเลย แต่หากเราใช้สมองสักนิดมาดัดแปลงแก้ไขให้เข้ากับยุคปัจจุบัน ฉันว่าบางทีความคิดเหล่านั่นก็ออกจะดูเข้าท่ามากทีเดียว

ครั้งหนึ่ง เพื่อนสนิทของฉันไปทำบุญเลี้ยงอาหารคนชราที่บ้านพักคนชราบางแค บอกตรงๆว่าตอนนั้นฉันเองไม่คิดว่ามันจะน่าสนใจตรงไหนเลย แถมยังต้องตื่นแต่เช้าอีก แต่ครั้นจะปฏิเสธไปก็ไม่ได้ ประเดี๋ยวเพื่อนฉันจะหาว่าฉันเป็นคนแล้งน้ำใจเอา ฉันไปถึงที่นั่นตามเวลานัดกับเพื่อนๆตั้งแต่ 9 โมงเช้า ตลอดเวลาเกือบๆหนึ่งวันที่นั่น ฉันได้พูดคุยกับผู้สูงอายุมากหน้าหลายตา พวกท่านส่วนใหญ่น่าสงสารมาก บางท่านต้องมาอยู่ที่นี่เพราะลูกหลานไม่ยอมดูแล ฉันนึกว่าเรื่องแบบนี้จะมีเฉพาะในละครเสียอีก ฉันรู้สึกเจ็บใจแทนท่าน อย่างที่โบราณเคยว่าไว้ พ่อแม่เลี้ยงลูกหลายคนได้ แต่ทำไมลูกๆถึงกลับเลี้ยงพ่อแม่แค่คนสองคนไม่ได้ แต่ฟังที่พวกท่านพูดแล้ว ฉันว่าพวกท่านไม่ได้โกรธแค้นอะไรลูกหลานพวกท่านสักเท่าไรหรอก อย่างมากก็คงแค่น้อยใจ ทำให้ฉันเข้าใจว่า นี่กระมัง ความรักที่แท้จริง
ส่วนบางท่านที่ไม่มีลูกหลาน เมื่อเกษียณอายุราชการ ก็เลือกที่จะมาอยู่ที่นี่ พวกท่านบอกว่าเหงา ไม่อยากอยู่คนเดียว ที่นี่มีเพื่อนในวัยเดียวกันให้พูดคุยรับฟัง ก็อย่างที่ฉันบอก คนส่วนใหญ่สมัยนี้ไม่ค่อยฟังคนแก่ๆพูดกันสักเท่าไร บางท่านก็ถูกหาผลประโยชน์เพียงเพราะความเป็นคนชรา มีอยู่ท่านหนึ่ง ท่านเคยเกือบโดนขโมยขึ้นบ้านหลายครั้ง คงคิดว่าบ้านที่มีแต่คนแก่คงจะทำการโจรกรรมได้ไม่ยาก โชคดีที่ท่านสามารถโทรขอความช่วยเหลือจากยามหมู่บ้านได้ทันเวลา และบางครั้งก็เป็นเพื่อนบ้านนั่นเองที่ส่งเสียงเอะอะช่วยเอาไว้ ท่านโชคดีคราวนั้น แต่ท่านไม่คิดว่าท่านจะโชคดีตลอดไป ท่านจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราแทน

ฉันรู้สึกดีที่ปัจจุบัน หลายๆองค์กรหันมาให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุมากขึ้น มีการจัดตั้งสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุมากขึ้น เช่น สถานพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ มีวันผู้สูงอายุ มีที่นั่งเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุบนรถโดยสารประจำทางบางสาย มีการรณรงค์ปลูกฝังสายใยรักในครอบครัว เป็นต้น แต่เหล่านี้ฉันก็ว่ายังไม่เพียงพอ เป็นเรื่องดีที่คนเริ่มหันมาสนใจผู้สูงอายุกันมากขึ้น แต่จะดีกว่านี้ถ้าเป็นการสนใจที่จริงจังกว่าที่เคยเป็นอยู่ ฉันพอจะทราบมาบ้างว่าสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุบางครั้งก็กระจายไปไม่ทั่วถึง ผู้สูงอายุบางคนไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตนมีสิทธิพิเศษอะไรบ้าง จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความรู้เหล่านี้แก่ผู้สูงอายุทุกคนอย่างทั่วถึง มีผู้ใหญ่บางท่านแย้งฉันว่า นั่นออกจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณเกินไปหรือเปล่า ผู้สูงอายุก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ไม่มีความจำเป็นอันใดต่อประเทศชาติมากเท่าไรนัก ฉันอยากจะแย้งกลับไปนักว่า ที่ผ่านๆมาคุณทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้สักครึ่งหนึ่งของคนชราเหล่านี้หรือยัง แต่คิดอีกทีฉันอยากให้เขาเป็นคนชราเสียเองดีกว่า จะได้เข้าใจความรู้สึกของการที่ถูกสังคมทอดทิ้งว่าเป็นอย่างไร เผื่อจะพอสำนึกได้บ้าง

ฉันผ่านเรื่องราวเกี่ยวกับผู้สูงอายุมากมายอย่างไม่น่าเชื่อในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ฉันเริ่มตระหนักกับตัวเองมากขึ้น ฉันมองไกลไปถึงอนาคตของฉัน ฉันจะเลี้ยงดูลูกหลานอย่างไร จะต้องให้ความรักความเอาใจใส่สักเท่าไร เมื่อยามแก่เฒ่า จึงจะไม่ถูกทอดทิ้งเหมือนผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชราบางแคที่ฉันไปเยี่ยมมา ฉันจะต้องเป็นผู้สูงอายุที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ยามฉันป่วยไข้ ฉันต้องมีโรงพยาบาลที่ยินดีที่จะรับรักษาคนแก่อย่างฉันอย่างเต็มที่ ยามฉันเดินทาง ฉันต้องมีความสะดวกสบายเพียงพอที่จะไม่ทำให้ฉันเป็นลมเป็นแล้งไปก่อนระหว่างเดินทาง ฉันจะเป็นผู้สูงอายุที่แข็งแรง จะต้องมีที่ที่ให้คนแก่อย่างฉันได้ออกกำลัง ฉันจะเป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพจิตที่ดี มีเพื่อนไว้พูดคุยได้ตลอดไม่ว่าเขาจะอยู่ในวัยใดก็ตาม ถ้าฉันเป็นผู้สูงอายุได้ทุกอย่างที่ฉันหวังไว้แบบนี้ ฉันว่าฉันคงจะอายุยืนน่าดู

การมานั่งคิดว่าฉันอยากจะเป็นผู้สูงอายุแบบไหนในอนาคตนั้น ทำให้ฉันตระหนักขึ้นมาได้อย่างหนึ่งว่า ผู้สูงอายุทั้งหลายในปัจจุบันก็คงจะต้องการไม่ต่างไปจากฉัน และผู้ที่จะหยิบยื่นสิ่งเหล่านั้นให้พวกท่านก็คือคนรุ่นหลังอย่างเราๆนี่เอง ฉันได้เรียนรู้มาว่า หากเราต้องการสิ่งใด เราควรต้องรู้จักที่จะให้สิ่งนั้นแก่ผู้อื่นก่อน หากว่าในวันนี้คนรุ่นหลังอย่างพวกฉันยังไม่ให้ความสำคัญแก่ผู้สูงอายุให้มากกว่าที่เป็นอยู่แล้วละก็ ชะตากรรมของฉันในวัยชราก็คงไม่ต่างอะไรไปจากผู้สูงอายุในตอนนี้มากนัก และฉันก็คงไม่อาจเป็นผู้สูงอายุในแบบที่ฉันอยากจะเป็นได้

เมื่อพูดถึงผู้สูงอายุ ฉันก็จะนึกถึงคุณตาคุณยายซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่ฉันถือว่าใกล้ชิดที่สุดเสมอ และยังคงมีคำถามเกี่ยวกับคุณตาคุณยายของฉันที่วนเวียนอยู่ในสมองตั้งแต่เล็กจนโต ดังนั้น เมื่อครั้งที่ฉันไปเยี่ยมคนชราที่บ้านพักคนชราบางแค ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามพวกท่านอย่างตรงไปตรงมาว่า ทำไมคนแก่ถึงขี้บ่น และชอบลงไม้ลงมือกับลูกหลานตัวเล็กๆของตน แทนที่พวกท่านจะเคืองกับคำถามแบบขวานผ่าซากของฉัน พวกท่านกลับยิ้มและตอบว่า ก็เพราะรักเท่านั้นเอง คนแก่ขี้บ่นก็เพราะพวกท่านต้องการความสนใจจากคนที่พวกท่านรัก พวกท่านไม่อยากถูกทอดทิ้งเพียงเพราะวัยที่ร่วงโรย พวกท่านอยากให้ลูกหลานรู้ว่าพวกท่านยังมีตัวตนอยู่ พวกท่านดุด่าหรือตีลูกหลานก็เพราะอยากให้ได้ดี เห็นอะไรไม่ดีไม่ควรก็ไม่อยากให้ทำ บางคนรักมากก็อาจจะลงโทษมากไปหน่อยจนบางทีก็อาจจะเกินไปบ้างในสายตาอันเยาว์วัยของเด็กๆ

คนเราก็มีวิธีแสดงออกเกี่ยวกับความรักต่างกัน ฉันคิดว่าการดุด่าทุบตีก็อาจเป็นวิธีของการแสดงออกความรักของผู้สูงอายุอีกรูปแบบหนึ่งของการอยากให้ลูกหลานได้ดีที่คนสมัยนี้ไม่ค่อยจะกระทำกันแล้ว เมื่อมองย้อนกลับไป เท่าที่จำความได้ ทุกครั้งที่ฉันโดนดุหรือโดนตี ก็ล้วนเป็นเพราะเป็นวีรกรรมที่แสบสันต์ทั้งนั้น เช่น แอบปีนไปขโมยมะม่วงของคุณป้าข้างบ้าน โดดเรียนไปนอนเล่นที่กระท่อมปลายนากับเพื่อนๆ หรือแม้แต่ชกต่อยกับเพื่อนในวัยเดียวกันอย่างไร้สติ ฉันไม่กล้าคิดหรอกว่าตอนนี้ฉันจะเป็นอย่างไรหากไม่มีคุณตาคุณยายเป็นส่วนหนึ่งในการขัดเกลาอุปนิสัยของฉัน ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกท่านต้องดุด่าทุบตีฉัน และทำไมพวกท่านถึงเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน ก็เพราะความเป็นผู้สูงอายุที่มากไปด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิที่รักลูกรักหลานของพวกท่านนี่เอง และหากจะนึกดีๆแล้ว หลายต่อหลายครั้งที่พวกท่านโอบกอดฉัน เล่าเรื่องตลกๆให้ฉันฟัง ให้เงินฉันไปซื้อขนม ซื้อจักรยานกับปืนของเล่นให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิด และอีกเยอะแยะมากมายที่สมองที่เคยเต็มไปด้วยอคติของฉันไม่ใส่ใจจะจำเอง

ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันเป็นคนโชคดีแค่ไหนที่มีคุณตาคุณยายที่ดีแบบนี้ อีกไม่นานฉันก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว ฉันตั้งใจจะกลับบ้านเกิดสักเดือนหนึ่ง ฉันจะกราบพวกท่านและบอกว่าพวกท่านมีส่วนผลักดันมากมายแค่ไหนที่ทำให้ฉันสามารถมีวันนี้ได้ ถ้าโชคดีฉันคงได้ยินท่านบอกว่าท่านรักฉัน เพราะฉันเองคงอายเกินกว่าจะบอกรักท่าน และฉันก็ได้แต่หวังว่าฉันคงไม่ทำผิดอะไรให้ท่านต้องลุกมาไล่หวดฉันเอาอีก

ฉันนึกถึงครั้งล่าสุดที่ฉันได้เจอคุณตาคุณยายเมื่อราวๆสองสามปีก่อน พวกท่านยังดูแข็งแรง สดใส หัวเราะเสียงดัง ดูมีความสุขดี ชาวบ้านก็ยังไปมาหาสู่พวกท่านอยู่เหมือนครั้งเมื่อฉันยังเด็ก แวบหนึ่งในสมองของฉันทำให้ฉันได้คิดว่า...

บางทีคุณตาคุณยายของฉันนี่แหละ คือต้นแบบของผู้สูงอายุที่ฉันอยากจะเป็น




ขอสละพื้นที่ตรงนี้ไว้อาลัยให้กับคุณตาของเราที่เพิ่งเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ หากว่าเรียงความบทนี้จะพอมีคุณงามความดีใดๆอยู่บ้าง เราก็ขออุทิศให้กับคุณตา ผู้ซึ่งเป็นเสมือนคุณพ่อคนที่สองของเรา (คุณพ่อเราเองก็เสียไปตั้งแต่ตอนเรายังเล็ก) เราไม่เคยมีโอกาสได้บอกรักท่าน ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะไปร่วมงานศพเพื่อเป็นการอำลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย แต่เราจะรักษาคำพูดทุกคำที่เคยสัญญาไว้กับท่าน เราขอให้คุณตาของเราหลับสบายอยู่บนนั้น ไม่ต้องห่วงทางนี้ "หลานจะดูแลคุณยายและคุณแม่เป็นอย่างดี หลานสัญญาฮับ!"









Create Date : 07 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2550 5:28:23 น. 12 comments
Counter : 11009 Pageviews.

 


โดย: jayjayกะน้องถ้วยฟู วันที่: 7 พฤศจิกายน 2548 เวลา:12:48:48 น.  

 
คิดถึงคุณตายเหมือนกันคะ คุณตาเรานะเป็นเหมือนฮีโร่ในดวงใจเราเลยะ


โดย: บันทึกสีขาว IP: 58.11.9.3 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:21:12 น.  

 
ยาวจังครับ.. ไว้จะแวะมาอ่านวันหลัง ต้องรีบไป


โดย: biggg วันที่: 7 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:29:32 น.  

 



ว่าจะอ่านเนื้อหา แต่ตาเหลือบไปดูรูปแผ่นหลังบีมแล้วกำเดากระฉูด

ไปซับเลือดก่อนนะ



โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ วันที่: 7 พฤศจิกายน 2548 เวลา:16:05:56 น.  

 
เค้าคิดถึงยายเค้ามั่กๆๆเลย ...ยายก็เลี้ยงเค้ามาตึ้งแต่เด็กๆๆ ตอนยายเสีย กลับไปดุใจไม่ทัน รู้สึกแย่จนถึงทุกวันนี้ ทุกวันนี้ก็ยังร้องไห้คิดถึงนายอยู่ ตลอดเวลา ...ถึงแม้จานานหลายปีแล้ว ยายก็ยังอยุในใจ ...เราควรทำอะไรให้คนที่เรารักตลอดเวลาจาดีก่าเน้อ....เศร้าอ่ะตะเอง เง้อออ.....


เต้าเอารุป บีมมาฝาก เค้า up แล้วอ่า อิๆๆ


โดย: แมวน้อยของเสี้ยวเทียน วันที่: 7 พฤศจิกายน 2548 เวลา:16:49:18 น.  

 
****เราเป้นแฟนพี่บิ๊กงะ แต่จะเข้ามาอ่านที่นี้ได้ไหงะ

****แวะมาทักทายก่ะ


โดย: TopFee (TopFee ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2548 เวลา:21:23:06 น.  

 
เขียนได้ดีจัง

มิน่าได้คะแนนเต็ม


โดย: loveme_loveu IP: 61.91.119.224 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2548 เวลา:21:24:03 น.  

 
คิดถึงคุณยายเลย


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2548 เวลา:0:53:47 น.  

 
พี่บีม เอ๊ย น้องบีม น่าร๊าก


โดย: Baby I love you ขี้เกียจลอคอินค่า IP: 68.184.210.81 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2548 เวลา:6:36:45 น.  

 
ผมเกิดมาก็ไม่ทันได้เจอคุณปู่กะคุณตาเลย
คุณย่าก็เสียไปตอนเรียน ป.ตรี
ตอนนี้เหลือแต่คุณยาย เพิ่งแวะไปหาคุณยายที่ต่างจังหวัดเมื่อวันก่อน ดูคุณยายดีใจมากๆที่ได้เจอผม ผมก็ดีใจมากๆที่ได้เจอยาย


โดย: zmen วันที่: 8 พฤศจิกายน 2548 เวลา:9:43:24 น.  

 


โดย: แฟนพี่บีม วันที่: 8 พฤศจิกายน 2548 เวลา:10:00:50 น.  

 
เสียใจด้วยครับผม ตัวผมเองตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นหน้าคุณตาเลย เห็นแต่ภาพถ่าย


ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับผม


โดย: infonoom วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:18:26:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แฟนพี่บีม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add แฟนพี่บีม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.