Group Blog All Blog
|
นวนิยาย..พลิกผืนฟ้าหารัก บทที่ ๑/๑ ๑.
รถตู้สีขาวจอดเทียบพื้นซีเมนต์ด้านหน้าคฤหาสน์สไตล์ยุโรปหลังใหญ่ ก่อนชายสูงวัยจะเดินอ้อมลงมาเปิดประตูให้ผู้เป็นนายซึ่งนั่งอยู่ทางตอนหลัง
ถึงแล้วเหรอคะ คุณพ่อคุณแม่หญิงสาวผู้มีใบหน้ารูปไข่เงยหน้าขึ้นถามเสียงงัวเงียหลังจากถูกปลุกให้ตื่นขึ้นกลางคัน
ถึงแล้วลูก ปะ เข้าไปในบ้านใหม่ของเรากันคุณทินนาถผู้เป็นบิดากล่าวตอบทั้งที่ยังคงนั่งเฉยรอให้ภรรยาและบุตรสาวลงจากรถไปก่อน
พิมพ์วลัญช์ก้าวตามมารดาและยืนรอบิดาอยู่บนบันไดหินอ่อนพลางหันมองรอบกายด้วยสายตาอ่านยาก
หากมองคร่าวๆคฤหาสน์สีเทาหลังนี้ดูใหญ่โตโอ่อ่าและตั้งอยู่บนพื้นที่ร่วมร้อยไร่ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเหมือนมันเป็นตึกร้างกลางป่ามากกว่าจะเป็นตึกหรูกลางเมืองดังที่มารดาได้เปรยเอาไว้ตั้งแต่แรก
ถ้าตึกนี้สร้างก่อนสงครามโลกครั้งที่สองก็แสดงว่าอายุอานามของมันต้องเกือบร้อยปีแล้วสิคะคุณแม่หญิงสาวหันไปถามมารดาซึ่งกำลังมองสำรวจ บ้านใหม่อยู่เช่นเดียวกัน
สตรีวัยห้าสิบตอนปลายผู้งามสมวัยกล่าวตอบเสียงขรึม ก็ราวๆแปดสิบกว่าปีละมั้ง ได้ยินมาว่าเจ้าของเดิมเป็นญาติห่างๆของเรานี่แหละ คุณย่าเห็นทิ้งร้างอยู่นานท่านก็เลยขอซื้อเอาไว้ได้ในราคาถูกๆ ใครจะไปรู้ว่านานวันเข้าที่ดินจะราคาแพงยิ่งกว่าทองคำเหมือนเดี๋ยวนี้ล่ะลูก
หญิงสาวเอียงหน้าขึ้นมองตามสายตามารดาอีกครั้ง แล้วจึงวิจารณ์พายว่ามันดูแปลกๆ ตึกถูกทิ้งร้างเอาไว้แล้วทำไมสภาพมันยังดีอยู่ล่ะคะคุณแม่
ก็ไม่เชิงหรอกนะลูก คุณพ่อบอกว่ามีคนเฝ้าที่นี่อยู่ นั่นไงเปิดประตูออกมาแล้วคุณงามพรรณหันมองใต้กรอบประตูซึ่งบัดนี้ร่างผอมสูงของชายวัยประมาณเกือบเจ็ดสิบปีกำลังกระวีกระวาดเข้ามาหาพลางยกมือไหว้ ขณะที่ผู้เป็นสามีเองก็ก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างๆเธอ
ผมชื่อพ่วงครับ เป็นคนดูแลที่นี่ชายชราเอ่ยขึ้นหลังจากลดมือลงเรียบร้อยแล้ว
คุณทินนาถพยักหน้าพลางแนะนำตนเองและครอบครัวอย่างไม่ถือตัว ฉันชื่อทินนาถ นี่คุณงามพรรณ ส่วนคนที่ยืนอยู่ถัดไปชื่อหนูพาย เห็นคุณแม่บอกว่านายพ่วงอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กแล้วไม่ใช่เหรอ คงจะรู้จักที่นี่ดีกว่าใครสินะ
ดวงตาสีหม่นยิ่งอ่อนแสงลงเมื่อได้ยินถ้อยคำของผู้เป็นนาย ทั้งชีวิตของนายพ่วงก็มีแต่ที่นี่ บ้านแสนยากรของเจ้าคุณพิทักษ์โยธินหลังนี้แหละที่เขาจะยึดเป็นเรือนตาย
ครับ คุณท่าน ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ท่านเจ้าคุณท่านยังไม่สิ้นน่ะครับ
แล้วท่านไม่มีลูกหลานเหรอนายพ่วง ถึงได้มาขายบ้านพร้อมที่ดินราคาถูกให้คุณแม่แบบนี้น่ะคุณงามพรรณถามบ้าง โดยพิมพ์วลัญช์ยืนเก็บข้อมูลอยู่เงียบๆ
ใบหน้าเหี่ยวย่นดูเครียดขรึมลงเมื่อได้ยินคำถามของนายหญิงคนใหม่ แต่เขาก็ยอมปริปากตอบแต่โดยดี เพราะถือเป็นสิทธิที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านควรจะได้รู้จักทุกแง่ทุกมุมของบ้านหลังนี้ให้มากที่สุดท่านเหลือลูกชายคนเดียวคือคุณวาโยครับ แต่คุณวาโยท่านย้ายไปอยู่แถบฝั่งธนก็เลยขายที่ดินผืนนี้ให้คุณทองทิพย์ซึ่งก็เป็นญาติของท่านเอง ท่านว่าดีกว่าตกไปอยู่ในมือของคนอื่นนะครับ
เหมือนจะรักที่นี่อยู่เหมือนกัน แต่ทำไมถึงตัดใจขายเสียล่ะคะพิมพ์วลัญช์ถาม
ดวงตาสีสนิมจ้องมองนายสาวคนใหม่ด้วยแววตาเรียบนิ่งก่อนตอบอาจจะเป็นเพราะที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำกระมังครับ ผมว่าคุณๆเข้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ แม่หนอมเขาจัดเตรียมห้องหับเอาไว้รอแล้วครับ
ดีเหมือนกันคุณงามพรรณเออออแล้วจึงเดินขึ้นบันไดเตี้ยๆเข้าไปในตัวตึก ก่อนที่ผู้เป็นสามีจะก้าวตาม หากต้องชะงักเมื่อลูกสาวคนเดียวเอ่ยขึ้นเบาๆว่า พายขอเดินสำรวจรอบๆบ้านก่อนนะคะคุณพ่อ
อย่าเดินไปไกลมากนะลูก เรายังไม่รู้จักที่นี่ดีพอบิดาสั่งเสียงเรียบ
ค่ะ คุณพ่อ พายก็แค่อยากเห็นว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้างเท่านั้นเองค่ะหญิงสาวรับคำแล้วรีบหมุนตัวก้าวเร็วๆออกมาจากตัวตึก ราวกับเกรงว่าบิดาจะเปลี่ยนใจลากเข้าบ้านเสียอย่างนั้นแหละ
แสงแดดอ่อนจางหาย บรรยากาศกลางสวนรกร้างจึงเริ่มเย็นลง ทว่าน่าแปลกใจที่หญิงสาวกลับรู้สึกหนาวเย็นจนขนลุก แต่ก็ยังแข็งใจก้าวผ่านทางเดินอันปกคลุมด้วยต้นหญ้าไปเรื่อยๆด้วยท่าทางเลื่อนลอยราวกับต้องมนตร์
เสียงนกร้องระงมอยู่บนต้นไทรย้อยซึ่งยืนต้นเสียดสล้างอยู่ข้างสระน้ำรกร้างขาดการดูแล สังเกตได้จากมีต้นหนามสูงเกือบสองเมตรขึ้นอยู่โดยรอบและท่าน้ำอันผุพัง
หญิงสาวมิได้ใส่ใจสระน้ำดังกล่าวเท่าใดนัก กลับมองเลยต้นไทรใหญ่ซึ่งมีรากไทยห้อยย้อยไปยังศาลาแปดเหลี่ยมเก่าคร่ำปกคลุมด้วยดอกอินทนิลสีม่วงอ่อนซึ่งเลื้อยพันตัวศาลาจนร่มครึ้ม
ครืด...คราด
เสียงคล้ายโลหะถูกลากระไปบนพื้นซีเมนต์ดังก้องโสตประสาท พิมพ์วลัญช์จึงรีบก้าวเข้าไปในตัวศาลาด้วยความประหลาดใจ หากก็ได้พบเพียงความว่างเปล่า และฝุ่นหนาเกาะอยู่บนม้านั่งรอบศาลาเท่านั้น
ใครน่ะ ออกมานะน้ำเสียงของหญิงสาวสะบัดน้อยๆ เต็มไปด้วยความหวาดระแวง
เงียบเชียบ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดดังประสานเซ็งแซ่ และเมื่อเธอขยับตัวทุกสิ่งก็เงียบลงดุจเดิม
คิ้วโก่งขยับเข้าหากันจนเกือบเป็นขมวด ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่น ขณะที่เท้าเรียวก้าวสวบๆออกมายืนกลางที่โล่งด้านนอกศาลา
แล้วอะไรบางอย่างก็โผล่พรวดขึ้นทันใด
กรี๊ด!!!
เสียงหวีดร้องดังยาวและลนลาน เมื่อเด็กชายร่างเล็ก ผอมเกร็ง ผิวขาวซีดโผล่ออกมาจากหลังต้นไทร แต่เมื่ออารมณ์เครียดขมึงค่อยเข้าที่ เธอจึงตั้งสติพิจารณาว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นแค่เด็กน้อยวัยสิบขวบธรรมดาๆเท่านั้น
หนู มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ใกล้ค่ำแล้ว ทำไมไม่กลับบ้านพิมพ์วลัญช์ถามพลางเดินเข้าไปใกล้
เด็กชายถอยกรูด ดวงตากลมดำขลับจ้องมองอย่างระวัง
พี่ชื่อพาย เพิ่งมาถึงที่นี่วันนี้เธอพูดต่อหวังสร้างความคุ้นเคยกับเด็กชาย
หากเด็กน้อยกลับหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งและกอดอกพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่วัยไล่เลี่ยกันก็ไม่ปาน ระวังตัวไว้ให้ดี
คิ้วเรียวถูกเลิกขึ้นสูงขณะถาม ทำไมล่ะ ที่นี่มีอะไรอันตรายเหรอ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นเหนือมุมปากของเด็กน้อยแล้วหล่อนจะรู้เอง
หล่อน...เด็กคนนั้นใช้สรรพนามกับเธอว่าหล่อนอย่างนั้นรึ พิมพ์วลัญช์นึกขำอยู่ในใจแต่ก็มิได้แสดงสิ่งใดออกมา นอกจากรอยยิ้มอย่างใจดีธรรมดา หนูไม่บอกแล้วพี่จะรู้ได้ยังไงล่ะ
ร่างเล็กผอมไม่ยอมตอบโต้ กลับหันขวับหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งความกังขาเอาไว้เบื้องหลัง
ถ้าเล่นเฟซบุ๊คก็ มาที่"บ้านน้ำฟา"ค่ะ
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2/113918368683777?ref=hl โดย: ผู้หญิงเลือดเย็น IP: 171.7.88.52 วันที่: 26 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:23:41 น.
|
ผู้หญิงเลือดเย็น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ใครเล่นเฟซบุ๊คไปคุยกันได้ ในแฟนเพจ "บ้านน้ำฟ้า"นะคะ Friends Blog
Link |
พอดีไม่ได้เป็นสมาชิกเลยส่งข้อความไปไม่ได้
มีเรื่องจะสอบถามเกี่ยวกับงานเขียนน่ะค่ะ หนูจะติดต่อได้ทางไหนบ้างคะ?