"ไก่ กา อาราเร่ ไก่ กา และ อาราเร่..." เสียงสัตว์ปีกหน้าขนบินไป โก่งคอขับขานตำนานเพลงไป ประหนึ่งกำลังส่งสัญญาณ หรือรหัสบางอย่าง เพื่อเตือนชาวโลกว่า "เช้าแล้วจ้า ... มัวแต่นอนมุดหัวอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวหยิกให้ก้นเขียวเสียนี่นะจ๊า...""ฮ้าววววว...." คุณหนูสือรตี สาวสวยประจำชุมชุมชนบ้านดอน ยืนบิดขี้เกียจจนร่างม้วนติ้วเป็นเกลียวน๊อตหัวตัด ขี้มูกขี้ลาย ไหลเกรอะแห้งกรังคาหน้าคาตาอิสตรีผู้มีความบ้าเป็นอาภรณ์ ได้เดินอรชรจ้ำอุ้ยจ้ำอ้ายลงมาจากห้องนิทรา"ป้าแม้น ป้าแม้น" สตรีหน้าเขรอะ ร้องหาแม่ครัวประจำคฤหาสถ์เสียงลั่น เล่นเอาสุนัขทั้งในและนอกบ้าน เห่าหอนสอดรับกันเป็นทอดๆ"ขา... คุณหนู" ป้าแม้นวิ่งตุปัดตุเป๋เข้ามาหาหน้าตาตื่น"มีไรกินมั่งง่ะ" คุณหนูพูดพลางหาวพลางป้าแม้นทำหน้าปั้นยาก ดูให้ดีดี ป้าแม้นดูเหมือนทำท่าจะอ้วกแตกเอาด้วยซ้ำ"คุณหนูไม่ล้างหน้าล้างขี้ตาเสียก่อนหรือคะ" ป้าแม้นพูดไป เอามืออุดปากไป กลัวน้ำเปรี้ยวจะพุ่งเป็นที่อุจาดเสียเปล่าๆ"ไม่อะ" คุณหนูยังพูดอมหาว พร้อมบิดตัวม้วนติ้วจนเอวเกือบเคล็ด "มีไรก็ยกมาเลยดีกว่าป้า อย่าพูดมาก เดี๋ยวชกเบ้าตาแตก" สือรตีเริ่มมีน้ำโหหลังจากนั้น สือระตีก็เดินออกไปนั่งผึ่งแดดยามเช้าที่สวนหลังบ้าน พร้อมหยิบหนังสือพิมพ์ที่ป้าแม้นวางเตรียมไว้ขึ้นมาอ่านผ่าง ! หน้าแรกที่หล่อนเปิดขึ้นมา ก็หนีไม่พ้นหน้าซุบซิบดารา หล่อนอ่านผ่านๆ พลางเหม่อมองบรรยากาศไปรอบๆตัว ด้วยความสบายอกสบายใจยิ่งแล้วสายลมปลายฝนต้นหนาวที่แสนเย็นฉ่ำ ฤดูนี้เป็นฤดูแห่งความรักโดยแท้ เนื่องด้วยอากาศเย็นจึงเป็นใจ ใครใครก็บอกว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงเดือนแห่งความรัก สือรตีจะเถียงทุกคนที่เห็นต่างอย่างหัวโขกฝา..."ช่วงกุมภาฯ มันร้อนจนเหงื่อตกกีบ ใครจะไปมีอารมณ์โรมานซ์กันได้ยะ ช่วงปลายฝนคาบเกี่ยวต้นหนาวนี่แหละย่ะ ที่เป็นฤดูแห่งรักแท้จริง โปรดสังเกตว่า คู่บ่าวสาวมักเจาะจงเลือกช่วงเวลานี้ ตั้งหน้าตั้งตาเสพสังวาสกัน โดยมีสักขีพยานคอยปรบมือไชโยโห่เชียร์" สือรตีมีเหตุผลเสมอเวลาผ่านไปร่วมสิบนาที ป้าแม้นก็ยกถาดอาหารมาเสริฟคุณหนู กลิ่นอาหารยามเช้าช่างเย้ายวน ไม่ผิดไปจากกลิ่นปลาร้าบองของโปรดคุณหนู "ฟุด ฟิด นี่ป้า... แต่เช้าเลย วอนแต่เช้า อรุณรุ่งเยี่ยงนี้ใครเขากินปลาร้ากันเล่าป้า วอน วอน..." คุณหนูพูดพลางขมึงตาใส่แม่ครัวตัวดีแม่ครัวหน้าสลดทำท่าจะยกกลับ สือรตีใช้ความไวจกปลาร้าทั้งจานมาได้ ไม่รอช้า รีบใช้มือโกยปลาร้าบองของโปรดเข้าปาก ดังอั๊กๆอย่างกับดื่มน้ำ "อ้า... เอิ๊ก ซาบายจาย ฮ่าๆๆๆ" หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวร่อชอบใจ แม่ครัวทำหน้าซังกะตายเดินยกถาดจากไปดังเช่นทุกคราวสือรตี สตรีวัยสามสิบเศษ เธอสาว เธอสวย เธอหน่วยก้านดี ทั้งมีรูปเป็นทรัพย์ มีฐานันดร พร้อมสมบัติพัสถาน จะมีอะไรอีกที่เธอต้องการ อาณาจักรสถานบานบุรีมีไม่มากไม่น้อย รวมๆกันนับได้แค่สามร้อยเอเคอร์ เรือนหลังเบ่อเร่อ เอ่อเหอ อ่าหา..."คุณหนูขอร๊าบบบบบบบ" เสียงนายสอดเกษตร โก่งคอเรียกคุณหนูสือรตีดังก้อง ทำเอาหญิงสาวหลุดจากภวังค์แห่งการหลงตัวเองไปอย่างน่าโมโหโฉมฉินสือรตีหันมาตีหน้ายักษ์ที่เกรอะกรังไปด้วยขี้มูกขี้ลายใส่นายสอด พร้อมพ่นผรุสวาจาใส่หนังหน้าสอดเกษตร "แกจะตะโกนหาอะไร หา? อิสอด หา? หา? หา?" หญิงสาวหลับหูหลับตาพ่นวจียาวต่อเนื่อง โดยไม่ยอมลืมตามาดูเลยว่า บัดนี้หนุ่มสอด กำลังยืนตัวโงนเงนเอียงซ้ายป่ายขวา ดวงหน้าซีดขาวราวกับไก่ต้ม ว่าแล้วนายสอดก็ทรุดฮวบล้มลงนอนจมกองอ้วก !หลังจากการปฐมพยาบาลสอดอยู่นานแสนนาน หนุ่มกระทงสอด ก็ฟื้นคืนสติแบบไม่เต็มใจนัก เขาค่อยๆลืมตาขึ้น พบว่ามีผู้คนมารายล้อมเขาอยู่รอบตัว"เป็นไงบ้างล่ะเจ้าสอด เจ้าน่ะสลบไปสามวันสามคืนเทียวนา" ท่านเจ้าคุณเทพ บิดรของสือรตีกล่าวด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่ห่วงใยนายสอดเหลือประมาณ"ตอนแรก ฉันตกใจแทบตาย นึกว่าเจ้าจะสิ้นชีพเสียแล้วนะ" คุณหญิงติ๋ม มารดาแห่งบุตรีสือกล่าวพลางน้ำตาคลอหน่วย สอดพยายามชันแขนลุกขึ้นจากที่นอน ในสมองประหวัดคิดคะนึงถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในห้วงนิทรานานถึงสามราตรีวงหน้าเลอะเกรอะกรังของสาวรตี กอปรกลิ่นอัปรีย์ที่โชยหึ่งจากปากแม่นางสือ มันทำให้เขาวิงเวียนตาลาย เขาจำได้ลางๆว่าเขาได้ปล่อยอาหารเช้าออกทางปากเลอะนองเต็มพื้น และแล้วภาพทั้งหมดก็วูบหาย ประหนึ่งมีคนดับไฟในยามวิกาลแม่นางสือนั่งทำหน้าเชิด บรรจงกรีดนิ้วจุ่มลงไปในยาทาเล็บอย่างไม่ยี่หระกับสิ่งรอบข้าง ไม่... แม้แต่จะชายตามองสอด"ดื่มน้ำขิงปนน้ำข่าสักหน่อยสิสอด เขาว่ามันไล่ลมดี เผื่อเอ็งจะมีของเสียตกค้าง ที่ต้องการจะปล่อยออกมาอีกระลอกก็เป็นได้" ป้าแม้นว่าพลาง กรอกน้ำขิงข่าอุ่นๆเข้าปากสอด สอดห่อปากใบหน้าแดงก่ำ "อ๊อย ๆ ป้า นี่มันน้ำขิงข่า หรือว่าน้ำพริกขี้หนูสวนนี่ อ๊อยๆๆๆ" สอดดิ้นเร่าๆ ไม่เหลือสภาพคนที่เพิ่งฟื้นไข้"ดื่มหน่อยเถอะสอด ค่อยๆจิบล่ะ แต่เออ จริงสิ เจ้าสอดมันท้องว่างมาตั้งสามวัน ป้าเล่นให้มันกินเผ็ดจี๋อย่างนี้ เดี๋ยวเป็นได้ส้วมแตก" ยังไม่ทันที่ท่านเจ้าคุณจะพูดจบ สอดผู้ประสบเคราะห์กรรมซ้ำซาก ก็ทะลึ่งขึ้นจากเตียงตรงดิ่งวิ่งสู่ส้วมส่วนตัวทันทีคุณหญิงติ๋มมองตามก้นเจ้าสอดไป นัยตาแสนเศร้าบ่งบอกถึงความห่วงใยและสงสารสอด เด็กในบ้านที่ท่านได้อุปการะชุบเลี้ยงตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยกาบ จนเติบใหญ่ตีนเท่าตีนของเขาเองแม้คุณหญิงจะไม่ใช่แม่ของชายหนุ่มผู้น่าสงสาร แต่ท่านก็เอ็นดูสอดดั่งกับลูกชายก็ไม่ปาน คุณหญิงขอสอดมาจากพ่อของเขาตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้ เอามาเลี้ยงทดแทนที่ตนไม่มีลูกชาย และเพื่อให้มาเป็นเพื่อนเล่นคอยดูแลรับใช้สือรตีบุตรีคนเดียวของท่าน"สือ... ลูก" คุณหญิงหันไปเรียกลูกสาว --- เงียบ"สือ..." ลากเสียงยาว สือรตีหันหน้ามาช้าๆ ช้ามากจนกระดูกคอขัดกันดังแกรก "มีไรคะคุณแม่" หญิงสาวเอ่ยวจีพร้อมถอนหายใจ ใบหน้าเอือมโลกสิ้นดี !คุณหญิงแม่ เมื่อแรกตั้งใจจะบอกให้ลูกสาวกล่าวคำขอโทษหนุ่มสอด แต่เมื่อเห็นกริยาของลูกสาวแล้วก็ให้หยุด หยุดทุกอย่าง !สอด... เมื่อได้น้ำ ได้ข้าวกรอกปาก ก็มีกำลังวังชาดีขึ้น ชายหนุ่มเดินกระย่องกระแย่งเข้ามาหาท่านเจ้าคุณและคุณหญิง เผื่อว่าท่านทั้งสองจะมีอะไรให้รับใช้"สบายดีแล้วหรือสอด" ท่านเจ้าคุณกล่าวยิ้มๆ "แหะๆ ขอรับ ผม... ค่อยยังชั่วแล้วขอรับ" สอดพูดพร้อมนั่งพับเพียบลงกับพื้นไม้มันว๊าบบุตรีสือยังคงง่วนอยู่กับการจุ่มเล็บลงยาขัดมัน ท่านเจ้าคุณและคุณหญิงมองลูกสาว แล้วพร้อมกันถอนหายใจดังฟื๊ด จนก้อนขี้มูกกระเด็นออกจากจมูกของท่านเจ้าคุณหนึ่งก้อน"หมู่นี้ได้ข่าวว่ามีคนแปลกหน้า เข้ามาป้วนเปี้ยนในชุมชนบ้านดอนของเรา สอดรู้เรื่องไหมลูก" คุณหญิงเอ่ยถามสอด ในเชิงชวนสนทนา"ขอรับ ได้ข่าวมาว่าอย่างนั้น" สอดตอบตามความจริง สือรตีเมื่อได้ยินดังนั้นก็หยุดจกเล็บลงสี แล้วกางใบหูออกจนกว้างอย่างกับหูช้าง"ข่าวมันว่าไรรึเจ้าสอด" ท่านเจ้าคุณหูผึ่งเช่นกัน
จินตนาการหน้าของสือรตีแล้ว ไม่แปลกใจเลยค่ะ..แม่โสม
ที่นายสอดจะเป็นลม 3 วันซ้อน...
เอาน่า หยวนๆ
ไม่มีใครรู้หรอก