<<
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 กันยายน 2558
 

เรื่องเล่าจากวงร็อคยุโรปกลุ่มแรกเล่นในเกาหลีเหนือ"นิสัยคนโสมแดง-เล่นเพลงสี่เต่าทอง"

 ขออนุญาตมติชนรายวันนำข้อเขียนมารวบรวมไว้เพื่อการศึกษาดังนี้

เรื่องเล่าจากวงร็อคยุโรปกลุ่มแรกเล่นในเกาหลีเหนือ 

"นิสัยคนโสมแดง-เล่นเพลงสี่เต่าทอง"


ตัวแทนวง "ไลบัค" (Laibach) วงร็อคสุดล้ำจากสโลเวเนียเล่าเรื่องราวการเดินทางไปเปิดคอนเสิร์คที่เปียงยาง เกาหลีเหนือ หลังตกเป็นข่าวกลายเป็นวงร็อคต่างชาติวงแรกในประวัติศาสตร์ที่เดินทางไปเปิดคอนเสิร์ตในวันฉลองอิสรภาพเกาหลีเหนือเมื่อวันที่19สิงหาคมที่ผ่านมาซึ่งตัวแทนกลุ่มระบุว่าแม้พื้นที่นี้จะเป็นประเทศที่ยังยากจนและโดดเดี่ยวแต่เชื่อว่า"ผู้คน"ในเกาหลีเหนือเป็นเสมือน"เพชรล้ำค่า"ที่สุดในประเทศนี้ 

"ไลบัค" วงร็อคแนว "อาว็อง-การ์ด" หรือสไตล์ดนตรีล้ำสมัยจากสโลเวเนียซึ่งโลดแล่นในวงการดนตรีตั้งแต่ยุค 80 เดินทางไปแสดงดนตรีที่เกาหลีเหนือช่วงกลางเดือนสิงหาคม หลังจากเปิดคอนเสิร์ตในดินแดนโสมแดง สมาชิกวงที่ใช้ชื่อว่า "อิโว ซาลิเกอร์" ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร "โรลลิ่ง สโตน" สื่อวัฒนธรรมร่วมสมัยในสหรัฐอเมริกา เล่าเรื่องราวของวงขณะอาศัยในเกาหลีเหนือ

//www.matichon.co.th/online/2015/08/14410182721441019680l.jpg
ภาพจาก AFP

ตัวแทนวงเล่าว่า เมื่อเดินทางมาถึงสภาพเกาหลีเหนือไม่ได้แตกต่างจากที่จินตนาการไว้ ... แต่ยังพบ "ความแตกต่าง" พอสมควร เมื่ออาศัยได้ 2-3 วันก็เริ่มคิดถึงทางเลือกในการอาศัยที่นี่เพื่อเข้าถึงภูมิปัญญาที่เหนือกว่าภูมิปัญญาที่ตัวเองมีอยู่

"แม้ประเทศนี้อาจยากจนและโดดเดี่ยว...แต่ผู้คนที่นี่มหัศจรรย์มากและดูเหมือนว่าพวกเขามีภูมิปัญญาแสนล้ำค่าซึ่งพวกเราไม่มี"สมาชิกของวงกล่าว

ตัวแทนวงเล่าต่อว่าเมื่อเดินทางไปถึงวงติดต่อกับตัวแทนของรัฐอย่างเป็นทางการไม่มากนักแต่เกาหลีเหนือมอบหมายให้เจ้าหน้าที่5นายเป็น"ผู้ช่วยเหลือ, ไกด์ และล่าม" ให้คณะทัวร์ของวงรวม 30 ชีวิต ซึ่งตัวแทนวงระบุด้วยว่า "เจ้าหน้าที่" ของเกาหลีเหนือยังมีหน้าที่ดูแลจำกัดไม่ให้วงทำอะไรอย่าง "อิสระเกินไป" และดูแลไม่ให้วงย่องหายไปในเวลากลางคืน โดยรวมแล้วเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือวงได้ดีเยี่ยมและไม่รบกวนแต่อย่างใด

//www.matichon.co.th/online/2015/08/14410182721441019729l.jpg
ภาพจาก AFP

สำหรับการปฏิบัติของพลเมืองทั่วไปต่อวง "ซาลิเกอร์" เล่าว่า ผู้คนทั่วไปปฏิบัติกับคณะโดยให้ความเคารพ, เมตตา และกรุณากับวงอย่างมาก สมาชิกวงยังเน้นว่า "ผู้คนทั่วไป" ในเกาหลีเหนือเป็นเพชรที่เปล่งประกายมากที่สุดในประเทศนี้ ในแววตาของผู้คนในเกาหลีเหนือไม่พบแววตาของการเหยียดหยาม, ประชดประชัน, หยาบคาย และคุณลักษณะแบบตะวันตกแบบอื่นๆในแววตา, สีหน้า และพฤติกรรมของพลเมืองทั่วไป 

สมาชิกวงเล่าเพิ่มเติมว่า พบว่าตำรวจจราจรหญิงเป็นคนที่น่าสนใจและน่าสังเกตทีเดียว เนื่องจากพบว่า ตร.จราจรหญิงทำหน้าที่ราวกับหุ่นยนต์ใจกลางสี่แยกแทบจะตลอดทั้งวัน

ส่วนสิ่งที่วงไม่ชอบคือเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้คณะเดินทางไปมาอย่างอิสระ แต่ "ซาลิเกอร์" ขยายความต่อว่าในประเทศที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวจากโลกภายนอก และจากมลพิษทางสื่อ "คนต่างชาติ" กลายเป็นวัตถุที่สามารถแพร่ "โรคร้ายทางมโนคติ" ไปสู่ผู้อยู่อาศัยใน "คอมมิวนิสต์ ยูโทเปีย"


เมื่อ "คอรี่ย์ โกรว์" ผู้สัมภาษณ์ถามว่าผู้ชมมีปฏิกิริยาต่อคอนเสิร์ตอย่างไรบ้าง สมาชิกวงเล่าว่า ชาวเกาหลีเหนือไม่เคยได้ยินดนตรีแบบนี้มาก่อน พวกเขาน่าจะไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไร แต่เป็นอีกครั้งที่พวกเขามีท่าทีสุภาพ ปรบมือหลังจบเพลงทุกครั้ง หลังจบโชว์ ผู้ชมลุกขึ้นยืนปรบมือ (ในบทความระบุในวงเล็บเพิ่มเติมว่า "บางทีพวกเขาอาจดีใจที่โชว์จบลง")

ขณะที่โชว์ที่ 2 ของวงในโรงเรียนดนตรี สมาชิกของวงขึ้นโชว์แบบอคูสติกร่วมกับนักเรียนดนตรีในเกาหลีเหนือ ซึ่งตัวแทนวงระบุว่า ดนตรีที่เกิดขึ้นในโชว์เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม วงได้ยินตั้งแต่เพลงสดใสในยุค 70 จากญี่ปุ่นไปจนถึงดนตรีอิเล็กโทรนิกส์แนวทดลองผ่านการแสดงโดยกีตาร์และเครื่องสังเคราะห์เสียง ผสมกับเครื่องดนตรีท้องถิ่น นอกจากนี้ ตัวแทนวงยังเล่าว่า มอร์เทน ทราวิก นักเคลื่อนไหวผู้จัดการที่เคยจัดทัวร์แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างเกาหลีเหนือยังทำ "สเตจ ไดฟ์" หรือการพุ่งกระโดดลงจากเวทีหลังจบโชว์นี้ด้วย

//www.matichon.co.th/online/2015/08/14410182721441019736l.jpg
ภาพจาก AFP

สำหรับบทเพลงที่ "ไลบัค" นำมาแสดง วงต้องการให้เป็นสิ่งที่ชาวเกาหลีเหนือสามารถเข้าใจ-เข้าถึงได้  โปรแกรมการแสดงของวงส่วนใหญ่จึงเลือกนำเพลงประกอบภาพยนตร์ "เดอะ ซาวด์ ออฟ มิวสิค" (The Sound of Music)ภาพยนตร์เพลงสุดคลาสสิคของวงการฮอลลีวูดและของคอหนังทั่วโลก เช่น "โด-เร-มี", "คไลมบ์ เอเวอรี่ย์ เมาเทน" ขณะที่วงเลือกเพลงที่เป็นผลงานของวงเองรวมถึงเพลงคัพเวอร์หลายเพลงเข้ามาด้วยอาทิ เพลง "อครอส ดิ ยูนิเวิร์ส" ของ "เดอะ บีเทิลส์" ซึ่งตัวแทนวงเล่าว่า ผู้ชมชอบมาก ขณะที่ในแง่หนึ่งเพลงพูดเรื่องบางอย่างที่ขัดแย้ง เช่น เนื้อเพลงส่วน "Jai Guru Deva, om/Nothing′s gonna change my world..." (ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงโลกของฉันได้)

บทความระบุคำถามสุดท้ายของการสัมภาษณ์ด้วยคำถามว่า "ผู้ชมคิดอย่างไรกับเพลงของวงหลังจบโชว์?" ตัวแทนวงเล่าว่า "มีวลีที่ยอดเยี่ยมที่กล่าวโดยชาวเกาหลีเหนือวัยอาวุโสท่านหนึ่งเขากล่าวกับเราว่า ′ผมไม่รู้เลยว่าเพลงแบบนี้มีในโลกและตอนนี้เรารู้แล้ว′"/จบ
..........................................................................................................



Create Date : 01 กันยายน 2558
Last Update : 19 กันยายน 2558 2:59:35 น. 0 comments
Counter : 1126 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

justice0009
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




[Add justice0009's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com