นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชาบอกว่า สื่อเขียนกันไปเอง
เมื่อนักข่าวถามย้ำว่าแปลว่าจะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีตามที่เป็นข่าวใช่หรือไม่,
นายกฯบอกว่า ไม่รู้
และเสริมว่าถ้าจะมีชื่อใครจะมาใครจะไป ก็อยู่ในใจ ของท่าน ไม่บอกใคร
กระแสข่าวที่เล่าขานกันในหลายวงถึงกับมีรายชื่อของคนนั้นคนนี้
ที่จะมาแทนคนโน้นคนนั้นกันทีเดียว
ดูตามสไตล์การทำงานของนายกฯคนนี้ ถ้าจะมีการปรับใครออก
เอาใครเข้าในคณะรัฐมนตรีจะเปรี้ยงปร้างออกมา ไม่มีการเตือนกันล่วงหน้า
เหตุเพราะถ้ามีการพูดจาหลายวง เรื่องความเกรงอกเกรงใจของเพื่อนพ้องน้องพี่
ที่ช่วยเหลืองานการกันมาก็จะมี แต่ในภาวะที่บ้านเมืองเผชิญกับปัญหารอบด้านอย่างนี้,
คนเป็นผู้นำย่อมจะต้องถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องตัดสินใจจัดสรรบุคลากรสำคัญ ๆ
เพื่อทำงานให้ลุล่วง
การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องปกติของการบริหารงาน
ยิ่งบ้านเมืองเจอกับเรื่องร้อน ๆ มากมายหลายด้านพร้อม ๆ กัน,
การจัดสรรค์คนรับผิดชอบที่วางเอาไว้เมื่อหนึ่งปีก่อนย่อมไม่อาจจะตอบสนอง
ความความกดดันจากทุก ๆ ด้านที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
หลักการบริหารงานไม่ว่าระดับไหน ถ้าไม่ วางคนให้ตรงกับงาน
หรือ Put the right man in the right job ก็จะต้องประสบความล้มเหลว
วันก่อน นายกฯบอกว่า ในการทำงานของผมไม่มีคำว่าเพื่อน
และตอนหนึ่งของคำปราศรัยในงานเวทีสัมมนาระดับชาติว่าด้วย
แนวทางการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างต่อเนื่อง
ของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (TMA) นั้น
ท่านบอกว่า
...สิ่งที่ทำให้ทำงานไม่ได้คือเรื่องของการเมือง และเรื่องอุปสรรคต่าง ๆ
บางครั้งทำให้งงเหมือนกัน แม้จะคิดหรือสั่งการไปแล้ว แต่บางครั้งก็ทำจริงไม่ได้
ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกัน วันนี้เรื่องผลประโยชน์ไม่คุยด้วยกับใครทั้งสิ้น
แม้แต่เพื่อนก็ยังไม่คุย โกรธกันไปก็เยอะ เพื่อนทิ้งไปก็เยอะ
ครอบครัวก็เหนื่อยและเป็นห่วง แต่ก็ทำไงได้ ทำเพื่อประเทศ ไม่ใช่อัศวินม้าขาว
แต่เป็นม้าขาเป๋ เพราะมีปัญหาประเดประดังเข้ามา วิ่งขาจะเปื่อยอยู่แล้ว
แต่ทุกคนต้องช่วยสร้างความเข้าใจ อย่าคิดว่าใช้มาตรา 44 ได้หมดทุกเรื่อง...
ด้านหนึ่งคือความคาดหวังของสังคม เมื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เรื่องที่การเมืองปกติแก้ไม่ได้เพราะมีผลประโยชน์ของนักการเมืองเข้ามาพัวพัน
หรือที่ขัดกับ ประชานิยม ก็ทำไม่ได้ จึงหวังว่าในภาวะ สถานการณ์พิเศษ
เช่นนี้จะยกเครื่องกันได้อย่างจริงจัง
อีกด้านหนึ่งคือวิธีคิดและวิถีปฏิบัติของผู้นำที่ต้องไม่มองว่าตัวเองเป็น อัศวินม้าขาว
แต่ต้องเป็น ม้ารับใช้ ที่ต้องสามารถระดมคนเก่งคนดีคนกล้าจากทุกวงการ
และทุกระดับชั้นตั้งแต่รากหญ้าถึงปัญญาชนระดับชาติและบุคลากรระดับสากล
มาเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองในทุกมิติ
การปรับคณะรัฐมนตรีจึงควรจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการระดมสรรพกำลัง
เพื่อทุ่มเทสร้างชาติกันอย่างจริงจัง โดยตัดเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว
และเฉพาะกลุ่ม, วางเป้าหมายของประเทศร่วมกันอย่างจริงจัง,
ไม่คำนึงถึง สี หรือ สังกัด หรือ พวก เดิม ๆ
อันเป็นปัจจัยที่ทำให้บ้านเมืองจมปลักอยู่ในกับดักแห่งความขัดแย้ง
และล้มเหลวมาเป็นเวลากว่าสิบปี
การฟื้นฟูประเทศอยู่ที่ ความเชื่อมั่น เป็นหลัก
ความเชื่อมั่นว่าผู้นำทุ่มเท ตั้งใจ เปิดกว้าง กล้าและแกร่ง
ความเชื่อมั่นว่าเรารู้ว่าปัญหาคืออะไร และพร้อมจะแก้ปัญหาร่วมกัน
ความเชื่อมั่นว่าเราต่างอยู่เรือลำเดียวกัน ชาติอยู่ไม่ได้ ก็ไม่มีใครอยู่ได้
และที่สำคัญกว่าอะไรอื่นคือความเชื่อมั่นว่าเราต่างก็มีส่วนร่วมในการช่วยกันแสวงหา
ทางออกอย่างสร้างสรรค์ด้วยกัน ไม่มีเส้นสาย ไม่มีอิทธิพลและบารมีนอกระบบ
เราไม่ต้องการ อัศวินม้าขาว
เราต้องการ ม้ารับใช้
ที่ซื่อสัตย์ ขยัน ไม่พยศ
และวิ่งตามเส้นทางที่เจ้าของประเทศขีดให้...ให้ถึงที่หมายอย่างเรียบร้อย
ไม่ตกเหวระหว่างทาง! /จบ
...............................................................................................................................