<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 กรกฏาคม 2558
 

ตลาดหุ้นจีนปั่นป่วน:ระวังทฤษฎี‘ผีเสื้อขยับปีก’

ขออนุญาตนำข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจรายวัน
มารวบรวมไว้เพื่อการศึกษา ดังนี้
ตลาดหุ้นจีนปั่นป่วน:ระวังทฤษฎี‘ผีเสื้อขยับปีก’

ภาวะนี้เศรษฐกิจในภาพรวมทั่วโลก
มีอาการขาลงกันเป็นทิวแถว
แรกเริ่มที่...กรีซ...ต่อมายักษ์ใหญ่อย่างจีน
ก็ออกอาการแล้ว มาพิจารณาเรื่องราวที่คุณสุทธิขัย หยุ่น
เขียนไว้ในกรุงเทพธุรกิจรายวัน 19 กค.2558
ขออนุญาตนำมาศึกษาไว้ ณ ที่นี้ ดังนี้คะ

“ฟองสบู่ตลาดหุ้นจีน” เป็นวลีที่กำลังร้อนแรงไปทั่วโลก 
เพราะตลาดหุ้นใหญ่ ๆ ของจีนไม่ว่าจะเป็นเซี่ยงไฮ้ หรือเสินเจิ้น 
มีอาการผันผวนขึ้นลงอย่างหนักหน่วง 
จนธนาคารกลางของจีนต้องเตรียมออกมาตรการประคอง 
เพราะกลัวจะร่วงหนักจนเอาไม่อยู่

เฉพาะตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้แห่งเดียว

 ดัชนีคอมโพสิตร่วงถึง 30% ในช่วงสามสัปดาห์ 

และหุ้นของ 1,300 บริษัทจากทั้งหมด 2,800 หรือประมาณ 40% 

ถูกสั่งระงับการซื้อขายเพราะมีแรงเทออกมาอย่างหนัก


ต้นสัปดาห์นี้ จำนวนหุ้นที่ถูกระงับซื้อขาย

มีมูลค่าเท่ากับประมาณ 1.4 ล้านล้านเหรียญ หรือ 21% ของมูลค่าทั้งตลาด


ถือเป็นปรากฏการณ์ไม่ธรรมดาแน่นอน

รัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีน 

ไม่มองเรื่องความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของตลาดหุ้น 

เป็นเรื่องปกติของระบบทุนนิยม 

หากแต่ตีความเป็นเรื่อง “ความมั่นคง” ของรัฐบาลด้วย

เพราะคนจีนก็มองว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อการขึ้นลงของตลาดหุ้น 

หาก “เอาไม่อยู่” ก็จะทำให้เกิดอาการขาดความมั่นใจของชาวบ้านต่อผู้มีอำนาจได้ง่าย ๆ


จึงเป็นที่มาของความพยายามของทางการจีนที่ประกาศมาตรการ “อุ้ม”

ตลาดหุ้นหลายชุด แต่แม้จะมีข่าวคราวเรื่องจะตั้งกองทุนหนุนช่วยตลาดหุ้น 

ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถฟื้นคืนความมั่นใจได้

รัฐบาลหนุนให้กลุ่มโบรกเกอร์ลงขันตั้งกองทุนยักษ์เพื่อซื้อหุ้นหลัก ๆ 

เป็นการประคองสภาพตลาดไม่ให้เกิดความโกลาหลมากไปกว่านี้

เป็นจังหวะเดียวกับที่รัฐสภาจีนผ่านกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ 

ที่ขยายคำนิยามของคำว่า “พฤติกรรมที่คุกคามต่อความมั่นคงของรัฐ”

ไปครอบคลุมถึงเกือบจะทุกด้านของชีวิตประจำวันของคนจีน

โดยเฉพาะคำว่า “ความเสี่ยงทางการเงิน”

ที่เพิ่มเติมเข้าไปในกฎหมายฉบับใหม่ว่าด้วยกิจกรรมอะไรบ้าง 

ที่เข้าข่ายว่าเป็นอันตรายต่อรัฐ 

ซึ่งเปิดทางให้ทางการเข้าไปแทรกแซงอย่าเปิดเผยและฉับพลัน

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 

เป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงของประเทศชาตินั่นเอง


ตีความอีกด้านหนึ่งก็คือ หากตลาดหุ้นปั่นป่วน 

รัฐก็ต้องถือว่าเป็นการคุกคามต่อความมั่นคงของชาติได้เช่นกัน 

จะอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของระบบทุนนิยมไม่ได้


เพราะโดยภาษาทางการแล้ว ระบบการปกครองของจีนวันนี้

ก็ยังเป็น “สังคมนิยมบุคลิกแบบจีน” ไม่ใช่ “ทุนนิยม” 

แบบตะวันตกที่แยกออกระหว่างระบบทุนของเอกชนกับหน้าที่ของรัฐ 

(แม้ว่าในระยะหลังนี้ เจ้าของทฤษฎีทุนนิยมตะวันตกอย่างสหรัฐฯ 

ก็ยังต้องเอาเงินภาษีประชาชนเข้าไปอุ้มสถาบันการเงินที่เจ๊งเพราะฝีมือเอกชนก็ตาม)


ความผันผวนของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้มีความน่ากลัวตรงที่ขึ้นลงอย่างไร้เหตุผล 

เริ่มต้นจากการที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 150% ก่อนที่จะร่วงหล่นลงมา 30%

รัฐบาลสั่งระงับหุ้นใหม่เข้าตลาด ไม่ให้ทำ IPOs ชั่วคราว 

และฉีดสภาพคล่องเข้าสถาบันการเงินของรัฐที่มีส่วนเกื้อหนุนการซื้อขายหุ้น

ความกังวลเริ่มมีให้เห็นเมื่อนักวิเคราะห์บอกว่า 

หากสถานการณ์ไม่กระเตื้องขึ้น ธนาคารของจีนก็อาจจะเผชิญกับภาวะหนี้เสียเพิ่มขึ้น 

เพราะบริษัทในตลาดหุ้นจำนวนไม่น้อยเอาหุ้นของตนค้ำประกันเงินกู้กับสถาบันการเงิน

มีความหวั่นเกรงว่าผลทางลบอาจลามไปถึง ความมั่นคงของธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ 


กลายเป็น “butterfly effect” หรือทฤษฎี “ผีเสื้อขยับปีก”

แรงกระเพื่อมเล็ก ๆ ของปีกผีเสื้ออาจส่งผลร้ายแรงหนักหน่วงไปได้ไกลอย่างคาดไม่ถึง


ยิ่งนักวิเคราะห์ไทยเราบอกว่าการหดตัวของเศรษฐกิจจีนที่จะโตต่ำกว่า 7% ปีนี้

อาจมีผลร้ายต่อการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังและปีหน้า 

ความวุ่นวายในตลาดหุ้นจีนก็อาจจะเป็นปัจจัยแห่งความน่ากังวล 

ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดทุกจังหวะทีเดียว/จบ

....................................................................................................................................

และในวันเดียวกันนี้ รมว.คลังของไทยออกมาให้ข้อมูลเรื่องนี้เช่นกัน

ขออนุญาตนำเรื่องนี้จากกรุงเทพธุรกิจรายวัน
มารวบรวมไว้เป็นกรณีศึกษาต่อไป ดังนี้

'สมหมาย'หวั่นจีนศก.ชะลอกระทบไทยรุนแรง

"สมหมาย" หวั่นเศรษฐกิจจีนชะลอตัว กระทบไทยรุนแรง 

เหตุส่งออกไปจีน 12-13% พร้อมเดินหน้าเร่งเบิกจ่ายงบปี 59 ให้ได้ 92-93%


นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 

กล่าวถึงดัชนีตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลงแรงนั้น ว่า 

จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่ากรณีการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ 

เนื่องจากปัจจุบันไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปยังจีนถึง 12-13% 

ประกอบกับมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดของตลาดหุ้นจีนยังสูงถึง 2.70 ล้านล้านดอลลาร์ 

ซึ่งมากกว่ามูลค่าการซื้อขายในไทยที่อยู่ที่ 0.45 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 13 ล้านล้านบาท 

ซึ่งถือว่ามากกว่ามูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยถึง 6 เท่า 

โดยมองว่าปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนนั้น 

หากในปีนี้เศรษฐกิจจีนขยายตัวได้เพียง 6% ซึ่งต่ำกว่าปี 57 ที่อยู่ที่ 7-7.1% 

ทั้งนี้ การลดลงของจีดีพีจีน 1% นั้นเท่ากับการลดลงของจีดีพีของไทยถึง 35%

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2558 (ต.ค.57 -ก.ย.58) 

กระทรวงการคลังเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ 92-93% 

และวางเป้าหมายขาดดุลงบประมาณปี 2559 (ต.ค.58-ก.ย.59) เพิ่มอยู่ที่ 4% 

จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3.5% โดยการเพิ่มงบประมาณขาดดุลนั้น 

เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย/จบ

..................................................................................................................................

ขออนุญาตมติชนนำข้อมูลเรื่องนี้มารวบรวมไว้เพื่อการศึกษา ดังนี้

มะกันกดดันจีนในเวที′จี 20′ ให้ปล่อยหยวน

ตามกลไกตลาด

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สหรัฐอเมริกากดดันจีนให้ปรับปรุงเรื่องการสื่อสารด้านนโยบายทางเศรษฐกิจและหลีกเลี่ยงการลดค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน ในการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ หรือจี20 ที่กรุงอังการา ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา โดยประเด็นหลักในการหารืออยู่ที่การแก้ปัญหาความผันผวนของตลาดการเงินทั่วโลกซึ่งเกิดจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 
การประชุมครั้งนี้ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-5 กันยายน มีขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดปัญหาหลายอย่าง ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาพน่าหวั่นวิตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศตลาดเกิดใหม่ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการเจรจาเปิดเผยว่า มีแนวโน้มว่าปัญหาที่น่ากังวลหลักๆ ทั้ง สภาพเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และนโยบายการเงินของกองทุนสำรองแห่งรัฐ (เฟด) หรือธนาคารกลางสหรัฐ จะไม่ได้รับการกล่าวถึงโดยตรงในแถลงการณ์ของการประชุมอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีการเจรจาหารือกันในการใช้ทุกๆ ถ้อยคำล่วงหน้ามาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว 
แต่นายจาค็อบ ลูว์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้พบหารือกับนายโหลว จี้เหว่ย รัฐมนตรีคลังในการประชุมทวิภาคีนอกรอบการประชุมจี20 และได้เรียกร้องไม่ให้จีนปรับลดค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าสำหรับผู้ส่งออกในประเทศของตน โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ธนาคารประชาชนจีน (พีบีโอซี) ที่ปฏิบัติหน้าที่ธนาคารกลางของจีนได้ปรับลดอัตราอ้างอิงค่าเงินหยวนลงเกือบ 2 เปอร์เซ็นต์ สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงิน และจุดชนวนให้เกิดความกังวลถึงผลกระทบจากการเติบโตที่ชะลอตัวของจีนต่อสภาพเศรษฐกิจโลก 
โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยด้วยว่า นายลูว์ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการที่จีนจะต้องสื่อสารนโยบายการเงินของตนและมาตรการที่มีต่อตลาดอย่างระมัดระวัง โดยในแถลงการณ์ที่ใช้ถ้อยคำแข็งกร้าวอย่างที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยหนัก นายลูว์ระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จีนจะต้องส่งสัญญาณออกมาว่า จีนจะปล่อยให้แรงกดดันตามกลไกตลาด ผลักดันเงินหยวนไปในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นได้เช่นเดียวกับการอ่อนค่าลง
ในการประชุมจี20 ครั้งนี้ยังมีการยกประเด็นเรื่องวิกฤตผู้อพยพในยุโรปขึ้นมาหารือเป็นครั้งแรกอีกด้วย จากการที่หลายประเทศกำลังประสบปัญหาการหลั่งไหลเข้ามาของผู้อพยพจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ได้เน้นย้ำในที่ประชุมว่า "ระบบการจัดการผู้อพยพที่ดี" สามารถให้ประโยชน์กับประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้วได้/จบ
........................................................................................................

...





Create Date : 10 กรกฎาคม 2558
Last Update : 19 กันยายน 2558 17:49:08 น. 0 comments
Counter : 712 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

justice0009
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




[Add justice0009's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com