<<
มีนาคม 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 มีนาคม 2559
 

ลงท้าย เธออาจเป็น รมต.ต่างประเทศ สั่งการประธานาธิบดี!

ลงท้าย เธออาจเป็น รมต.ต่างประเทศ สั่งการประธานาธิบดี!


ขอนำเนื้อหาเรื่องนี้จากกรุงเทพธุรกิจรายวัน มารวบรวมไว้เพื่อการศึกษา
ข่าวในแวดวงการทูตจากพม่าบอกว่า อองซานซูจี ตัดสินใจ
หยุดผลักดันกับทหารให้แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตัวเองได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว

ขอเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศดีกว่า

เพราะอย่างไรเสียในฐานะเป็นหัวหน้าพรรค NLD ที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา เธอก็มีตำแหน่งอย่างไม่เป็นทางการเป็น “ผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล” อยู่แล้ว

ดังนั้นภายในวันที่ 10 มีนาคม (เลื่อนเร็วขึ้นจากวันที่ 17 มีนาคม) เราก็จะรู้ว่าเธอจะเสนอใครในพรรคหรือนอกพรรคเป็นประธานาธิบดี และเธอจะยอมให้ฝ่ายทหารเสนอใครเป็นรองประธานาธิบดี

การเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ จะทำให้เธอสามารถนั่งในสภาความมั่นคงแห่งชาติ เคียงข้างประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสองคน อีกทั้งยังสามารถประกบผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรัฐมนตรีที่กองทัพเป็นผู้แต่งตั้งสามตำแหน่ง คือมหาดไทย กิจการชายแดนและกลาโหมอีกด้วย

แปลว่าอย่างไรเสียอองซานซูจีก็จะมีส่วนร่วม ในการบริหารประเทศอย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าเธอจะยอมรับตำแหน่งใดในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ก็ตาม

ที่สำคัญคือในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ เธอจะเป็นตัวแทนของพม่าในเวทีสากลทั้งหลาย และในการประชุมสุดยอดระดับโลก เธอก็ประกบประธานาธิบดีไปทุกหนทุกแห่งได้

ดังนั้น อำนาจและบารมีของเธอก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลง เพราะกองทัพยังไม่ยอมร่วมมือในการยกมือในสภา ให้ได้เสียงเกิน 75% เพื่อแก้รัฐธรรมนูญแต่อย่างใดเลย

ส่วนเธอจะเลือกใครเป็น “นอมินิ” ในตำแหน่งประธานาธิบดี ยังเป็นประเด็นที่คาดการณ์กันอย่างร้อนแรงในแวดวงการเมืองพม่า 

ผมได้ยินชื่อไม่ต่ำกว่า 6 ชื่อที่ได้รับการเอ่ยขานว่าอาจเป็นคนที่อองซานซูจีเสนอให้มานั่งตำแหน่งนี้

หนึ่งในชื่อที่ซุบซิบกันในสภากาแฟคือ U Htin Kyaw ลูกชายของปัญญาชนพม่าที่มีเมียคือ Su Su Lwin ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับอองซานซูจี

แต่ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดี อองซานซูจีก็จะเป็นผู้บริหารประเทศเคียงคู่กับผู้นำกองทัพ ที่ดูเหมือนจะมีข้อตกลงกันแล้ว ว่าผู้บัญชาการทหารบกนายพลมินอ่องหลาย จะได้รับการต่ออายุหลังเกษียณไปอีก 5 ปี

นี่คือสูตร “ปรองดองแห่งชาติ” ที่เธอได้พยายามเจรจาต่อรองมาหลังการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่แล้วเพื่อให้ประเทศพม่าสามารถเปลี่ยนผ่าน จากเผด็จการทหารมาเป็นรัฐบาลพลเรือน เพื่อก้าวเข้าสู่ระบอบ “ประชาธิปไตย” ที่จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งหรือแตกแยก จนกลายเป็นความวุ่นวายที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก

ความสมานฉันท์จะต้องขยายตัวไปสู่ชนกลุ่มน้อยทั่วประเทศด้วย จึงจะทำให้พม่าเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น เพราะแม้จะมีลงนามสงบศึกมาก่อนหน้านี้ แต่ความสงสัยคลางแคลงก็ยังมีอยู่ในหลาย ๆ กลุ่ม ไม่เชื่อในความจริงใจของกองทัพที่จะเลิกรบราฆ่าฟันกัน

อองซานซูจีจำเป็นต้องยื่นมือออกไปสู่กลุ่มชาติพันธุ์อย่างจริงจัง เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านครั้งประวัติศาสตร์คราวนี้ มีผลประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

หากสูตรออกมาอย่างนี้ พม่าจะเป็นประเทศแรกที่มี “รัฐมนตรีต่างประเทศ” ที่สั่งการ “ประธานาธิบดี” ได้โดยไม่มีใครบอกว่าเป็นการ “ล้วงลูก” เป็นอันขาด!





Create Date : 03 มีนาคม 2559
Last Update : 3 มีนาคม 2559 21:57:00 น. 0 comments
Counter : 674 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

justice0009
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




[Add justice0009's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com