ผมได้หนังสือเล่มนี้จาก ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อต้นสัปดาห์นี้ก่อนการสัมภาษณ์ ถึงทุกประเด็นที่น่าสนใจสำหรับคนไทย ที่ติดตามการทำงานของธนาคารกลางของชาติ จดหมายจากใจถึงอาจารย์ป๋วย... ศาสตร์และศิลป์บนเส้นทางของ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการรวบรวมบทความที่เขียนในรูปจดหมาย 20 ฉบับเขียนโดย ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าฯแบ็งก์ชาติคนก่อน เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของธนาคารกลาง รวมทั้งเหตุการณ์บ้านเมืองในช่วงปี 2553-2558
ปีนี้เป็นปีพิเศษสำหรับ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้ว่าฯแบ็งก์ชาติคนที่ 7 ระหว่าง พ.ศ. 2502-2514 เพราะเป็นปีที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) มีมติยกย่องท่านเป็นบุคคลสำคัญของโลกในโอกาสครบรอบ 100 ปีชาตกาลของท่านในวันที่ 9 มีนาคม 2559 นี้
ใครได้อ่าน จดหมายจากใจถึงอาจารย์ป๋วย เล่มนี้จะได้ความรู้และความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ว่าทำไมอาจารย์ป๋วยจึงเป็นที่เคารพยกย่อง ในฐานะเป็นคนทำงานทุ่มเท เสียสละและซื่อสัตย์สุจริตสำหรับคนไทยทุกวงการ
ด้วยการยึดคุณธรรม 3 ประการนั่นคือ ความจริง ความงาม ความดี
หลายตอนที่ ดร.ประสาร อ้างคำกล่าวและหลักยึดของ ดร.ป๋วยสมควรจะได้รับการตอกย้ำในสังคมไทยทุกวันนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะหลักการทำงานเช่นว่านี้ดูเหมือนจะเสื่อมลงไปมาก
ดร.ประสาร อ้างถึงข้อคิดที่อาจารย์ป๋วยเคยให้ไว้
นั่นคือหากมีตำแหน่งคือ public office แต่ขาด public trust คือความเชื่อถือของประชาชนก็เปล่าประโยชน์
หลักของธนาคารกลางก็เช่นเดียวกับหลักการธนาคารทั่ว ๆ ไปคือ เครติดและ Faith คือความเชื่อถือกันทั้งภายในและภายนอก ถ้าขาดเครดิตแล้ว เลิกพูดเรื่องการธนาคารได้
ทำให้นึกถึงนักการเมืองบางคนบางกลุ่มที่มุ่งแต่จะแสวงหา public office คือทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตำแหน่งแห่งหนและไม่เคยสนใจจะสร้าง public trust หรือความไว้เนื้อเชื่อใจของสาธารณชน เพราะหลงเข้าใจว่าหากได้ตำแหน่งแล้วผู้คนก็จะเคารพนับถือหรือยอมศิโรราบเอง อันเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ และเป็นที่มาของความเสื่อมทรามแห่งศรัทธา ต่อคนที่ต้องการมีตำแหน่งแต่ไม่สนใจสร้างความน่าไว้วางใจ
ดร.วิรไท อ้างถึงคำที่ ดร. ป๋วยกล่าวไว้ซึ่งสะท้อนถึงหลักการดำรงชีวิตที่เรียบง่าย ตรง และสุดยอดของตรรกะแห่งการดำรงชีวิตอย่างมีจริยธรรม
คนเราถ้าไม่พะวงรักษาเก้าอี้ ก็จะทำสิ่งที่ถูกต้องได้เสมอ...
หรือที่ท่านเคยพูดไว้เป็นสัจธรรมจนถึงทุกวันนี้ว่า
นักเศรษฐศาสตร์มักจะเพ่งเล็งแต่เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ถ้าเป็นเช่นนี้ จะนับว่ามีการพัฒนาสมบูรณ์มิได้ จำเป็นต้องพิจารณาเลยไปถึงการพัฒนาทางสังคมด้วย...
อีกประโยคหนึ่งของ ดร. ป๋วยที่อ่านครั้งใดก็ทำให้คิดถึงสภาพสังคมไทยทุกครั้งไป
เงินเลวย่อมขับเงินดีออกจากตลาด
ธนบัตรเลวไม่ว่าใครจะเป็นผู้พิมพ์ ย่อมขับธนบัตรดีออกจากตลาด
สินเชื่อที่เลวย่อมขับการธนาคารจากตลาด
ระบบผูกขาดที่เลวย่อมขับสมรรถภาพและความสัตย์สุจริตออกจากอุตสาหกรรมและการค้า
นโยบายเศรษฐกิจและการเงินที่เลวนั้นย่อมขับอะไร ๆ ทั้งหมดที่ดีออกจากทุกสิ่งทุกอย่าง...
ที่อาจารย์ป๋วยไม่ได้พูดแต่ก็คงจะมีความหมายไปในทางเดียวกันก็คือ
การเมืองเลว ๆ ก็จะขับคนดี ๆ ออกจากวงการ
จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ ดร.วิรไท บอกผมว่าจะยังยึดหลักการ 4 ข้อที่ ดร.ประสารได้บัญญัติเอาไว้ตามแบบฉบับที่ได้จากอาจารย์ป๋วย สำหรับคนของธนาคารแห่งประเทศไทยทุกคนว่า
ยืนตรง คือทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
มองไกล คือให้คิดถึงอนาคตในระยะยาว ไม่เน้นเฉพาะผลในระยะสั้น
ยื่นมือ คือต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
ติดดิน คือเข้าใจโลกในความเป็นจริง ถ่อมตน เข้าถึงง่าย/จบ
...............................................................................................................................