Korean Grand Prix 2013 - Race Day: สิ่งไม่เล็กที่เรียกว่ายาง
ปรากฏการณ์ยางสร้างความปั่นป่วนให้การแข่งขันอีกแล้ว เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดเรื่องราวในสนามนี้ สำหรับผู้ชนะใช่ว่าจะทิ้งห่างคู่แข่งได้ง่ายๆ เหมือนเคย แต่ก็เข้าใกล้จุดหมายสำหรับปีนี้ไปทุกที
ผลการแข่งขันรายการโคเรียน กรังด์ปรีซ์
1. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1h43:13.701 2. Kimi Raikkonen (Lotus-Renault) + 4.224 3. Romain Grosjean (Lotus-Renault) + 4.927 4. Nico Hulkenberg (Sauber-Ferrari) + 24.144 5. Lewis Hamilton (Mercedes) + 25.255 6. Fernando Alonso (Ferrari) + 26.189 7. Nico Rosberg (Mercedes) + 26.698 8. Jenson Button (McLaren-Mercedes) + 32.262 9. Felipe Massa (Ferrari) + 34.390 10. Sergio Perez (McLaren-Mercedes) + 35.155 11. Esteban Gutierrez (Sauber-Ferrari) + 35.990 12. Valtteri Bottas (Williams-Renault) + 47.049 13. Pastor Maldonado (Williams-Renault) + 50.013 14. Charles Pic (Caterham-Renault) + 1:03.578 15. Giedo van der Garde (Caterham-Renault) + 1:04.501 16. Jules Bianchi (Marussia-Cosworth) + 1:07.970 17. Max Chilton (Marussia-Cosworth) + 1:12.898 18. Jean-Eric Vergne (Toro Rosso-Ferrari) + 2 laps 19. Daniel Ricciardo (Toro Rosso-Ferrari) + 3 laps 20. Adrian Sutil (Force India-Mercedes) + 5 laps
ผู้ที่ไม่จบการแข่งขัน - Mark Webber (Red Bull-Renault) --on lap 41-- - Paul di Resta (Force India-Mercedes) --on lap 29--
ผู้ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด (fastest lap) Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1:41.380 -- on lap 53
อันดับเวลาต่อรอบเร็วที่สุด //www.formula1.com/results/season/2013/907/7269/fastest_laps.html
ข้อมูลเวลาการเข้าพิต //www.formula1.com/results/season/2013/907/7269/pit_stop_summary.html
*สภาพสนาม: แห้ง สภาพอากาศ: มีเมฆมาก อุณหภูมิ: 27 องศา อุณหภูมิพื้นสนาม: 28 องศา
เซบาสเตียน เวทเทล กับผลงานม้วนเดียวจบอีกครั้งในเกาหลี
ไฮไลท์
เซบาสเตียน เวทเทล นำม้วนเดียวจบด้วยสไตล์วิ่งฉีกจากตำแหน่งโพลแบบที่คุ้นตา และแม้จะโดนลดช่องว่างจากเซฟตี้คาร์สองครั้งสองคราก็ยังไม่มีใครตามทันได้ สิ่งเดียวที่น่าเป็นกังวลซึ่งทุกคนพบเหมือนกันคือเรื่องยางที่แสนเปราะบาง แต่เขาก็ถนอมไว้สุดชีวิต วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกโดยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในสนามแห่งนี้
เวทเทลวิ่งนำตั้งแต่โค้งแรก มีลูอิส แฮมิลตัน และโรแมง โกรส์ฌอง ที่ต่อมาในโค้ง 3 ทั้งสองก็สลับที่กันไล่ผู้นำ ตามมาด้วยนิโค ฮูลเคนเบิร์ก ที่ออกตัวอย่างยอดเยี่ยมนำหน้าเฟอร์นันโด อลอนโซ่ ขึ้นมาได้ แต่แล้วเหตุการณ์ชุลมุนแรกมาถึงในทันที่ที่โค้ง 3 นั้นเอง เฟลิเป้ มาสซ่า สะดุดเคิร์บทำรถหมุนจนเกือบจะเกี่ยวเพื่อนร่วมทีมไปด้วย แต่เจนสัน บัตตัน และอาเดรียน ซูทิล หลบไม่พ้น ทั้งคู่ได้รับความเสียหายที่ปีกหน้าด้วย
ผ่านไปครึ่งทางเหตุการณ์น่าตื่นเต้นเริ่มมีเป็นระยะ เริ่มจากแฮมิลตันประสบปัญหาการสึกหรอของยางมากขึ้นจนความเร็วตกลง นิโค รอสเบิร์ก เพื่อนร่วมทีมเมอร์เซเดสไล่มาทันและแซงเขาได้ในที่สุดบริเวณทางตรงหลังโค้ง 2 แต่วินาทีที่แซงได้ ปีกหน้ารถของรอสเบิร์กกลับหลุดลงทำให้ปลายปีกครูดไปกับแทร็คจนเกิดประกายไฟตลอด เขาต้องเข้าพิตทันที ทำให้เสียทั้งเวลาและโอกาสขึ้นโพเดียมจากจังหวะนั้น
ช่วงกลางของการแข่งขัน โลตัสเรียกให้คิมี่ ไรค์โคเน่น ซึ่งวิ่งไล่มากับอลอนโซ่ตั้งแต่รอบแรกๆ และแซงได้ในเวลาต่อมาเข้าพิตครั้งที่ 2 เร็วกว่าคันอื่นในกลุ่มนำ ผลจากการตัดสินใจนี้ประกอบกับเมอร์เซเดสช้าลงไป ทำให้นักขับฟินน์เลื่อนอันดับมาข้างหน้าได้
การแข่งขันเข้ามาถึงรอบที่ 31 ก็มีเหตุที่เซฟตี้คาร์ต้องออกมานำ เมื่อเซอร์จิโอ เปเรซ ที่กำลังวิ่งนำหน้ามาร์ก เว็บเบอร์ ที่เพิ่งออกจากพิต และลูอิส แฮมิลตัน เกิดยางล้อหน้าขวาแตกที่ทางตรงหลังโค้ง 2 ทำให้ยางชั้นนอกรวมทั้งเศษชิ้นส่วนจากปีกหน้ารถของเขาที่ได้รับผลกระทบกระจายอยู่เกลื่อนกลาด อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่เปเรซที่ต้องประคองรถกลับพิต แต่เว็บเบอร์ยังต้องกลับเข้าพิตไปอีกครั้งด้วยเพราะยางของเขาเกิดรอยรั่วจากการเหยียบเศษชิ้นส่วนของรถเมอร์เซเดส
เมื่อการแข่งขันกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไรค์โคเน่นซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 แซงโกรส์ฌองเพื่อนร่วมทีมได้ที่โค้ง 1 ทันที แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็เกิดเรื่องอีกครั้ง คราวนี้เป็นความโชคร้ายซ้ำซ้อนของเว็บเบอร์ที่โดนรถของอาเดรียน ซูทิล ที่กำลังเลี้ยวเข้าโค้ง 3 ตามมาหลุดออกมากระแทกด้านข้างรถเร้ดบูล รถเกิดไฟลุกในทันที ทำให้เว็บเบอร์วิ่งไม่ถึงธงตราหมากรุกเป็นสนามที่ 2 ติดต่อกัน เซฟตี้คาร์จึงต้องออกมานำการแข่งขันอีกครั้ง
ใน 10 รอบสุดท้าย การแข่งขันกลับมาดำเนินตามปกติอีกครั้ง สำหรับสามอันดับแรกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแค่เป็นการลุ้นสภาพยางโดยเฉพาะไรค์โคเน่นที่ยางของเขาใช้งานมากกว่าใครในกลุ่มนี้ 6 รอบ ที่ลุ้นสนุกเป็นการขับเคี่ยวระหว่างอันดับที่ 4-6 ซึ่งมีฮูลเคนเบิร์กนำหน้า ตามด้วยแฮมิลตันและอลอนโซ่ นักขับเซาเบอร์ได้รับความกดดันอย่างหนักจากคันที่ตาม แต่เขาสามารถโชว์ความสามารถอันยอดเยี่ยมในการป้องกันอันดับจนคว้าอันดับที่ 4 ซึ่งเป็นผลงานจบการแข่งขันที่ดีที่สุดในฟอร์มูล่าวันของตนได้สำเร็จ สำหรับรอสเบิร์ก แม้โชคไม่ดีที่ต้องเสียเวลาปีกหน้าแต่ก็ยังไล่ตำแหน่งกลับมาได้ สุดท้ายเขาแซงบัตตันขึ้นมาในอันดับที่ 7 เช่นเดียวกับมาสซ่าและเปเรซที่แย่งชิงอันดับกันก่อนหน้านั้นในกลุ่มกลางต่างพากันเข้าเส้นชัยใน 10 คันแรก เก็บคะแนนกลับไปได้สำเร็จ
สรุปคะแนนสะสม 5 อันดับแรกหลังจากจบสนามที่ 14
ประเภทนักขับ 1. เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล-เรโนลต์) 272 คะแนน 2. เฟอร์นันโด อลอนโซ่ (เฟอร์รารี่) 195 คะแนน 3. คิมี่ ไรค์โคเน่น (โลตัส-เรโนลต์) 167 คะแนน 4. ลูอิส แฮมิลตัน (เมอร์เซเดส) 161 คะแนน 5. มาร์ก เว็บเบอร์ (เร้ดบูล-เรโนลต์) 130 คะแนน - อันดับคะแนนสะสมประเภทนักขับทั้งหมด //www.formula1.com/results/driver/2013/
ประเภททีมผู้สร้าง 1. เร้ดบูล-เรโนลต์ 402 คะแนน 2. เฟอร์รารี่ 284 คะแนน 3. เมอร์เซเดส 283 คะแนน 4. โลตัส-เรโนลต์ 239 คะแนน 5. แม็คลาเรน-เมอร์เซเดส 81 คะแนน - อันดับคะแนนสะสมประเภททีมผู้สร้างทั้งหมด //www.formula1.com/results/team/2013/
ผู้นำในคะแนนสะสมประเภทนักขับเข้าใกล้แชมป์โลกสมัยที่ 4 มากแล้ว สนามต่อไปเขาอาจจะปิดบัญชีสำหรับปีนี้ก็เป็นได้ ในขณะที่อันดับต่อมาทั้งในคะแนนสะสมประเภทนักขับและทีมผู้สร้างเบียดเสียดเฉียดฉิวอย่างยิ่งในโค้งสุดท้าย โดยไม่ต้องรอนาน ลุ้นกันต่อเนื่องได้ในสัปดาห์ถัดไปกับรายการเจแปนีส กรังด์ปรีซ์ วันที่ 11-13 ตุลาคมค่ะ
*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 / formula1.com / gpupdate.net ภาพจาก gpupdate.net
Create Date : 06 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 6 ตุลาคม 2556 18:51:42 น. |
|
9 comments
|
Counter : 2107 Pageviews. |
|
|
คนที่ไม่มีแววว่ายางจะแตก ดันแตก เช่น Perez
Rosberg ก็เสียเวลาเพราะโนส
นั่งลุ้น HUL สนุกมาก โดนจี้เป็นสิบๆรอบ โดนแซงก็เอาคืนได้ เรียกว่าทีมโรงงานแท้ๆอย่าง Ferrari กับ Merc เสียหน้าเล็กๆ