ความปลอดภัยคือที่สุดของมอเตอร์สปอร์ต
เราทุกคนต่างทราบดีว่ากีฬายานยนต์มีความเสี่ยงต่อชีวิตทั้งนักขับ ทีมงาน ผู้ที่ทำงานในสนาม รวมไปถึงผู้ชม ในหลายทศวรรษที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ใดๆ ก็ตามได้มีการพัฒนาด้านความปลอดภัยในสนามแข่งอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด แต่จนแล้วจนรอด ความสูญเสียและความเสี่ยงต่อชีวิตนักแข่งก็ยังมีให้เห็นอยู่เสมอ
อุบัติเหตุยางระเบิดของนิโค รอสเบิร์ก และเซบาสเตียน เวทเทล ในช่วงซ้อมวันศุกร์และวันแข่งขันรายการเบลเจี้ยน กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และความหวั่นใจเป็นอย่างยิ่ง รอสเบิร์กเกิดยางระเบิดที่โค้งซ้ายความเร็วสูงบลองชิมงต์ด้วยความเร็ว 190 ไมล์ต่อชั่วโมงระหว่างซ้อมช่วงบ่าย แต่ประคองรถไม่ให้ถึงกำแพงยางได้ ส่วนเวทเทลเกิดอุบัติเหตุหลังพ้นโค้งโอรูจมาไม่กี่ร้อยเมตรขณะเหลือการแข่งขันอีก 1 รอบครึ่ง และยังประคองรถได้บนทางตรงต่อมา จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมเวทเทลถึงโกรธ 'หัวฟัดหัวเหวี่ยง' ขนาดนั้น รวมทั้งรอสเบิร์กก็กล่าวหลังการแข่งขันว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติ
เบื้องต้นปิเรลลี่ชี้แจงว่าการระเบิดของยางทั้งสองเหตุการณ์นั้นต่างกัน หลังจากตรวจสอบสภาพสนามเมื่อคืนวันศุกร์ซึ่งไม่พบปัจจัยเสี่ยงจากขอบเคิร์บหรือเศษชิ้นส่วนรถที่อาจตกหล่น ปิเรลลี่สรุปว่ายางระเบิดของรอสเบิร์กเกิดจากรอยกรีดจากปัจจัยภายนอก อันโยงไปถึงชิ้นส่วนหนึ่งของรถเมอร์เซเดสที่อาจมากรีดเอง ไม่ใช่เกิดจากโครงสร้างของยาง ส่วนอุบัติเหตุของเวทเทล ปิเรลลี่ฟันธงว่าเป็นเรื่องของยางหมดสภาพล้วนๆ เพราะใช้งานเกินระยะทางที่ควรเป็น ซึ่งก่อนการแข่งขัน ปิเรลลี่ประมาณการว่ายางมีเดียมในสนามสปาจะวิ่งได้ 40 รอบ แต่เน้นว่าเป็นตัวเลขดัชนีพื้นฐาน ค่าอาจแตกต่างไปตามสภาวะของการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม เฟอร์รารี่อ้างอิงกับตัวเลข 40 รอบนั้นและวางแผนให้เวทเทลเข้าพิตครั้งเดียวเพื่อไล่อันดับขึ้นมาหลังนักขับเยอรมันสตาร์ทจากกริดที่ 8 และยางมีเดียมของเขาก็ระเบิดในรอบที่ 28 ที่เขาใช้งาน
ใช่ว่าทุกคนในแพดด็อกจะพอใจคำตอบของปิเรลลี่ รอสเบิร์กยังไม่มั่นใจกับสาเหตุยางระเบิดของเขาที่ได้รับการสรุปมา เขาคิดว่าหลักฐานไม่ชัดเจน ส่วนอลัน เพอร์เมน วิศวกรส่วนสนามแข่งของโลตัสก็ข้องใจในเรื่องยางหมดอายุการใช้งาน หากปิเรลลี่คำนวณยางมีเดียมในสภาวะธรรมดาที่ 40 รอบ เวทเทลวิ่ง 28 รอบก็ยังไม่น่าเป็นอะไร ถ้ายางหมดสภาพจะมีตัวชี้วัดอย่างเช่นอุณหภูมิยางตกลง ไม่ใช่เป็นเรื่องของความปลอดภัย ยางควรจะขับไม่ได้เลยก่อนที่จะสร้างอันตราย นักขับอาจจะได้เข้าพิตสต็อปก่อนเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เขาจึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมอายุการใช้งานจึงเกี่ยวข้องกับการระเบิด
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ปิเรลลี่ออกคำแถลงตามมาว่าเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2013 ปิเรลลี่เคยเสนอทางฟอร์มูล่าวันให้มีกฎควบคุมจำนวนการใช้ยางได้มากที่สุดสำหรับยาง 1 ชุด แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยเรื่องได้เปลี่ยนเป็นว่าให้จำนวนที่ใช้ยางไพรม์ (ยางเนื้อแข็งกว่า) ได้มากที่สุดเท่ากับ 50% ของระยะทางของการแข่งขัน และสำหรับยางออปชั่น (ยางเนื้อนิ่มกว่า) คือ 30% ซึ่งหากคำนวณตามนี้ ยางมีเดียมในสนามสปาจะใช้ได้มากที่สุด 22 รอบ
จะกล่าวว่าความเชื่อถือของนักขับที่มีต่อยางปิเรลลี่กำลังถึงจุดต่ำสุดคงไม่ผิดนัก หลังจากเมื่อ 2 ปีก่อนในรายการบริติช กรังด์ปรีซ์ 2013 ก็เกิดเหตุการณ์รถยางแตกระหว่างการแข่งขันหลายคันในคราวเดียวกันมาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นปิเรลลี่พบว่าสาเหตุเกิดจากที่ทีมเซ็ตยางแบบสุดขีด หลังจากนั้นเอฟไอเอจึงต้องให้ปิเรลลี่จัดทำคำแนะนำการเซ็ตมุมแคมเบอร์ แรงดันยาง รวมถึงห้ามไม่ให้ทีมสลับยางระหว่างซ้าย-ขวาเพื่อได้ใช้สมรรถนะที่ยังหลงเหลืออยู่ จากนั้นสนามถัดไปที่เยอรมัน ปิเรลลี่ได้เปลี่ยนโครงสร้างจากเหล็กเป็นเคฟลาร์ ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ยางเวอร์ชั่นปี 2012 ในสนามต่อมาที่ฮังการี
การระเบิดของยางทั้งสองเหตุการณ์ในสนามสปามาในช่วงเวลาอ่อนไหวพอดี เนื่องจากขณะนี้เอฟไอเอกำลังพิจารณาพาร์ตเนอร์ยางสำหรับการแข่งขันฟอร์มูล่าวันระหว่างปี 2017-2019 ซึ่งนอกจากปิเรลลี่แล้วยังมีมิชลินที่ร่วมยื่นข้อเสนอด้วย จากเหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้เจ้าของปิเรลลี่รายใหม่ที่เป็นบริษัทเคมีแห่งชาติของจีนต้องคิดทบทวนผลที่ได้รับจากการลงทุนในฟอร์มูล่าวันต่อไป แม้ว่าพอล เฮมเบรี่ ผู้อำนวยการด้านมอเตอร์สปอร์ตของปิเรลลี่ จะเคยพูดไว้เมื่อต้นปีว่าผู้บริหารชุดใหม่ไม่มีความสนใจที่จะถอนตัวออกจากฟอร์มูล่าวันก็ตาม ส่วนการระเบิดของยางครั้งนี้ก็อาจทำให้ฟอร์มูล่าวันและปิเรลลี่พิจารณาอีกครั้งในแผนที่จะให้ทีมเลือกชนิดของยางลงแข่งขันเองในปีหน้า
************************************************************
ข้ามไปทางฝั่งอเมริกาในวันเดียวกับที่เวทเทลยางระเบิดได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในการแข่งขันอินดี้คาร์ ณ สนามโพโคโน เรซเวย์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อจัสติน วิลสัน นักขับอังกฤษวัย 37 ปี อดีตนักขับฟอร์มูล่าวันของทีมมินาร์ดี้ ได้โดนชิ้นส่วนรถจากของเซจ แคแรม ที่เกิดอุบัติเหตุก่อนหน้านั้นลอยมาตกใส่ศีรษะระหว่างการแข่งขัน เขาถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยเฮิลคอปเตอร์แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมาเมื่อคืนวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เอฟไอเอมีแผนจะหยิบการทดสอบค็อกพิตหรือที่นั่งนักขับแบบปิดขึ้นมาศึกษาอีกครั้ง ซึ่งเคยริเริ่มมาแล้วในปี 2009 หลังอุบัติเหตุของเฮนรี่ เซอร์ทีส์ ที่โดนล้อรถคันอื่นที่หลุดจากการชนกำแพงมาตกใส่ศีรษะระหว่างการแข่งขันฟอร์มูล่าทูของอังกฤษ ทำให้เขาเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น และต่อมาเพียงสัปดาห์เดียว เฟลิเป้ มาสซ่า ก็ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัสในสนามฮังกาโรริง โดยนักขับบราซิเลียนโดนสปริงจากรถคันหน้าหลุดพุ่งมาที่ศีรษะ
ที่ผ่านมาเอฟไอเอได้ทดสอบค็อกพิตแบบปิดอยู่หลายครั้งเพื่อประเมินทั้งข้อดีและข้อเสีย การทดสอบแรกเริ่มศึกษาจากฝาครอบแบบเครื่องบินเจ๊ทขับไล่ แต่พบว่ามีปัญหาจากการออกแบบ 2 ข้อคือ ฝาครอบที่ทำจากโพลีคาร์บอเนตจะแตกได้และอาจลอยขึ้นกลางอากาศแล้วมีโอกาสสูงที่จะตกใส่ผู้ชม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เอฟไอเอกังวลที่สุดคือฝาครอบอาจทำให้นักขับปีนออกจากที่นั่งลำบากหากเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงการช่วยเหลือนักขับที่ประสบอุบัติเหตุก็จะเป็นไปอย่างล่าช้าเพราะต้องคอยเสียเวลางัดฝาครอบที่เสียหายด้วย
เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่มาหักล้างกับเรื่องการป้องกันศีรษะนักขับเพราะในด้านอันตรายนั้นมีมากกว่า ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ที่เฟอร์นันโด อลอนโซ่ ถูกคิมี่ ไรค์โคเน่น เสยลอยขึ้นไปในรอบแรกของการแข่งขันออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ ปีนี้ หากที่นั่งนักขับมีฝาครอบ ไรค์โคเน่นคงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะปีนออกมาได้ นอกจากนั้นในแง่ของฟอร์มูล่าวัน ทีมต่างๆ ก็พยายามค้านไอเดียค็อกพิตปิดเพราะรถแบบค็อกพิตเปิดคือสิ่งที่แสดงความเป็นรถฟอร์มูล่าวันอย่างแท้จริง
เมื่อผลการทดลองจากค็อกพิตสไตล์เครื่องบินเจ๊ทขับไล่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาจึงมีการผลักดันแนวคิดที่จะทำโครงสร้างกันบริเวณหน้าค็อกพิต โดยคอนเซ็ปต์ล่าสุดจะให้รถมีชิ้นส่วนเสมือนใบมีดในแนวตั้งที่มีความสูงแตกต่างกันไปเพื่อป้องกันเศษชิ้นส่วนลอยเข้ามาถึงที่นั่งนักขับแต่ยังสามารถดึงตัวนักขับออกมาได้ง่าย ซึ่งบังเอิญที่บรรดากรรมการด้านเทคนิคของฟอร์มูล่าวันเพิ่งประชุมเรื่องนี้กับเอฟไอเอเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก่อนเกิดอุบัตเหตุของวิลสัน โดยได้มีการอนุมัติให้ทดสอบครั้งใหม่ในเดือนหน้า พร้อมทั้งจะประเมินคอนเซ็ปต์ที่เมอร์เซเดสเสนอในสไตล์ฮาโล (halo-style concept) ที่อาจนำมาใช้ป้องกันค็อกพิตได้เช่นกัน
*ข้อมูลจาก espnf1.com และ motorsport.com ภาพจาก motorsport.com
Create Date : 26 สิงหาคม 2558 |
Last Update : 26 สิงหาคม 2558 22:25:32 น. |
|
4 comments
|
Counter : 2325 Pageviews. |
|
|